โค้ด: เลือกทั้งหมด
บทความ Value Way กรุงเทพธุรกิจ Bizweek ฉบับวันที่ 10 มิถุนายน 2556
โดย ประภาคาร ภราดรภิบาล
กระจายความเสี่ยง (2)
ช่วงท้ายของบทความตอนที่แล้ว ได้กล่าวถึงมุมมองในการกระจายความเสี่ยงของ “ปีเตอร์ ลินซ์” ซึ่งกล่าวไว้ว่า “ความเป็นเจ้าของหุ้นก็คล้ายๆกับการมีลูก อย่าเข้าไปพัวพันกับหุ้นในจำนวนที่มากเกินไปจนคุณติดตามไม่ไหว”
“ปีเตอร์ ลินซ์” เปรียบเทียบ “การมีหุ้น” ว่าคล้ายๆกับ “การมีลูก” แต่สุดยอดนักลงทุนอย่าง “วอร์เรน บัฟเฟตต์” เปรียบเทียบได้เด็ดกว่านั้นครับ เขาเปรียบเทียบ “การมีหุ้น” เหมือนกับ “การมีผู้หญิงในฮาเร็ม”
“บัฟเฟตต์” กล่าวว่า “ถ้าคุณมีผู้หญิงอยู่สัก 40 คนในฮาเร็ม คุณจะไม่มีทางรู้จักผู้หญิงคนไหนดีสักคน” เปรียบเหมือนกับการมีหุ้นในพอร์ตจำนวนมากมายหลายสิบบริษัท คงไม่ใช่เรื่องง่ายๆที่นักลงทุนจะสามารถทำความรู้จักแต่ละบริษัทได้อย่างลึกซึ้งดีพอ
นอกจากนี้ “บัฟเฟตต์” ยังบอกด้วยว่า “การมีหุ้นอยู่ในพอร์ตหลายตัวเกินไปคือการยอมรับว่าตัวเองไม่มีความสามารถในการเลือกหุ้น” เพราะการเลือกลงทุนในหุ้นที่ยอดเยี่ยมเพียงไม่กี่ตัว สามารถสร้างผลตอบแทนได้ดีกว่าการลงทุนกระจัดกระจายแบบเบี้ยหัวแตกในหุ้นหลายๆตัวที่ไม่มีคุณภาพ
เป็นที่รู้กันดีว่า “บัฟเฟตต์” ชอบการลงทุนแบบ “โฟกัส” คือ เน้นลงทุนในหุ้นของกิจการชั้นเยี่ยมที่เขามีความเข้าใจเป็นอย่างดีเพียงไม่กี่บริษัท เขาบอกว่า “การทำเงินได้อย่างมหาศาลมากมายในโลก เกิดจากการลงทุนในธุรกิจเดียวที่ยอดเยี่ยม หากคุณมีความเข้าใจอย่างดีในธุรกิจนั้นๆ คุณไม่จำเป็นต้องเป็นเจ้าของธุรกิจมากมายหลายประเภท”
มีคำกล่าวที่ว่า “อย่านำไข่ทั้งหมดใส่ไว้ในตะกร้าใบเดียว” ด้วยเหตุผลว่า ถ้าตะกร้าตกหล่น ไข่ทั้งหมดในตะกร้าอาจแตกเสียหายได้ จึงมีคำแนะนำให้กระจายความเสี่ยงด้วยการนำไข่ไปใส่ไว้ในตะกร้าหลายๆใบ เพื่อป้องกันความเสี่ยงในกรณีที่ตะกร้าบางใบเกิดล้มคว่ำจนทำให้ไข่แตก ก็ยังมีไข่ในตะกร้าใบอื่นๆเหลืออยู่ เช่นเดียวกับการกระจายความเสี่ยงโดยการถือหุ้นหลายๆตัวในพอร์ต ถ้าเกิดหุ้นบางตัวมีปัญหาหรือขาดทุนก็จะไม่ทำให้พอร์ตโดยรวมเสียหาย ซึ่งในเรื่องนี้ “บัฟเฟตต์” มีมุมมองที่ต่างออกไป เขาชอบที่จะนำไข่ทั้งหมดใส่ไว้ในตะกร้าใบเดียวแล้วดูแลมันเป็นอย่างดี มากกว่าที่จะนำไข่ไปใส่ไว้ในตะกร้าหลายๆใบซึ่งทำให้ดูแลไม่ทั่วถึง
“บัฟเฟตต์” มองว่า การกระจายความเสี่ยงเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็นถ้านักลงทุนมีความรู้ความเข้าใจในสิ่งที่ลงทุนเป็นอย่างดี “การกระจายความเสี่ยงจำเป็นก็ต่อเมื่อนักลงทุนไม่เข้าใจว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่”
คำแนะนำเกี่ยวกับการกระจายความเสี่ยงที่ “บัฟเฟตต์” ให้ไว้สำหรับนักลงทุนก็คือ “ถ้าคุณเป็นนักลงทุนที่มีความรู้อยู่บ้าง สามารถจะเข้าใจธุรกิจและสามารถหาบริษัทที่มีความได้เปรียบในการแข่งขันแบบระยะยาวได้สัก 5 หรือ 10 บริษัทในราคาที่มีเหตุผลแล้วละก็ การกระจายความเสี่ยงออกไปมากกว่านี้ก็เป็นเรื่องที่ไม่น่าทำ เพราะมันจะเป็นการเพิ่มความเสี่ยงอย่างไม่จำเป็น ผมไม่เข้าใจว่าทำไมนักลงทุนถึงเลือกที่จะนำเงินไปลงทุนในบริษัทที่เขาชอบเป็นลำดับที่ 20 แทนที่จะใส่เงินลงไปในบริษัทที่เขาชอบเป็นลำดับต้นๆซึ่งเป็นธุรกิจที่เขาเข้าใจดีและมีความเสี่ยงน้อย อีกทั้งมีศักยภาพในการทำกำไรสูง”
นี่คือหนึ่งในกุญแจสู่ความสำเร็จทางการลงทุนของ “วอร์เรน บัฟเฟตต์”