โค้ด: เลือกทั้งหมด
ผมได้มีโอกาสเข้าสัมมนาของ John C. Maxwell ที่ประเทศสหรัฐอเมริกาซึ่งถือเป็นกูรูอันดับต้น ๆ ในเรื่องการพัฒนาความเป็นผู้นำ เขาเขียนหนังสือ Best seller หลายเล่มในจำนวนหนังสือกว่าหกสิบเล่มที่เขามี หนึ่งในนั้นถูกพูดถึงในสัมมนาครั้งนี้ คือเล่มที่ชื่อว่า The 5 Levels of Leadership
Maxwell เริ่มต้นจากแนวคิดที่ว่าการเป็นผู้นำนั้นไม่เกี่ยวกับตำแหน่ง หรือไม่ได้พิสูจน์ด้วยการที่จะต้องบริหารองค์กรขนาดใหญ่หรือคนจำนวนมาก แต่แท้จริงแล้วการจะประสบความสำเร็จในแง่การเป็นผู้นำได้จะต้องมีแรงจูงใจโน้มน้าวและสร้างผลกระทบต่อชีวิตคนอื่น เขาบอกว่าขีดจำกัดความสำเร็จของทีมอยู่คือภาวะผู้นำของตัวเรา และหากลองนำมาเปรียบเทียบกับการลงทุน ผมคิดว่าการพัฒนาระดับความเป็นผู้นำของเราจะช่วยให้ลงทุนได้ดีขึ้นได้มาก เพราะขีดจำกัดของพอร์ตโฟลิโอของเราอยู่ที่ตัวเราเช่นกัน ผมจึงขอแชร์เนื้อหาของ Maxwell และเอามาประยุกต์เป็นหัวข้อ “นักลงทุน 5 ระดับ” ดังนี้ครับ
ระดับแรกในนิยามของ Maxwell คือผู้นำที่ได้มาจาก “ตำแหน่ง” พร้อม ๆ กับการมีสิทธิหรืออำนาจอะไรบางอย่าง นั่นหมายถึงว่าคนอื่นติดตามคุณเพราะเขาจำเป็นต้องทำ ผู้นำระดับนี้มีมากกว่า 70% ของผู้นำทั้งหมด นี่คือลักษณะขององค์กรที่มีพนักงานไม่เคยเข้างานก่อนเวลาและห้าโมงเย็นรีบกลับบ้าน พวกเขาทำงานให้คุณเพราะคุณเป็นหัวหน้าที่สามารถให้คุณให้โทษคุณ ทุก ๆ อย่างมีแต่กฏเกณฑ์และข้อบังคับ
หากเปรียบกับการลงทุนนี่คือการเคาะซื้อหุ้นเข้ามาเท่านั้น เจ้าของหุ้นมีสิทธิ์เหนือหุ้นตัวนั้น ๆ แค่ตำแหน่ง “เจ้าของหุ้น” และหุ้นนั้นก็ติดตามคุณเพียงเพราะเป็นหน้าที่ เมื่อถึงเวลาที่จะต้องขายหุ้นนี้ไป มันคือเวลาห้าโมงเย็นที่เลิกงาน หุ้นตัวนี้จะเหมือนพนักงานที่ไม่เคยสร้างผลตอบแทนที่น่าประทับใจให้กับคุณเลย ดังนั้นอย่าซื้อหุ้นเข้ามาเพียงคาดหวังและบังคับให้เขาสร้างผลตอบแทนที่ยิ่งใหญ่ มันเหมือนคุณรับสมัครพนักงาน โดยคิดว่าเขาต้องช่วยงานคุณ แต่สุดท้ายมักจะจบด้วยปัญหาที่น่าปวดหัวทุกครั้ง
ระดับที่สอง คือผู้นำที่ได้จาก “ฉันทามติ” และการมีความสัมพันธ์ที่ยอดเยี่ยม Maxwell บอกว่านี่คือก้าวกระโดดที่ใหญ่มากจากระดับแรก ผู้คนที่ติดตามคุณจะรู้สึกว่าคุณฟังพวกเขา คุณคอยสังเกตสารทุกข์สุขดิบพวกเขา และคุณดูแลพวกเขาจนก่อให้เกิดความสัมพันธ์ที่ดีเยี่ยม ผู้นำในระดับนี้จะเป็นที่รักของทุกคน จุดศูนย์กลางจะย้ายออกมาจากตัวคุณเอง เป็น “พวกเราทุกคน” และนี่คือความสำเร็จก้าวแรกในแง่นักลงทุนเช่นกัน เพราะถ้าคุณฟัง และสังเกตหุ้นของคุณราวกับว่าคุณเป็นเจ้าของกิจการนั้นตลอดชีวิต และได้ใช้เวลาติดตามดูแลหุ้นที่คุณถืออยู่เป็นอย่างดี มันจะทำงานให้คุณได้ดีกว่าเดิมอย่างเปรียบเทียบไม่ได้
ระดับที่สามคือ ผู้นำจาก “ผลสำเร็จ” พวกเขาติดตามคุณเพราะความสำเร็จที่คุณทำให้กับองค์กรของคุณหรือตัวคุณ ผู้นำในระดับนี้จะสามารถสร้างโมเมนตัมหรือแรงเหวี่ยงไปข้างหน้าได้ตลอดเวลา Maxwell เปรียบเทียบว่าผู้จัดการแค่คอยแก้ปัญหาในงาน แต่ผู้นำจะสามารถลดปัญหาอนาคตส่วนใหญ่ในธุรกิจได้โดยสร้างโมเมนตัมแห่งความสำเร็จ
ถ้าเปรียบกับนักลงทุนนี่เป็นจุดเริ่มต้นของ “ความสำเร็จระยะยาว”ของทั้งพอร์ตโฟลิโอของคุณ คุณจะสามารถสร้างผลตอบแทนชนะตลาดด้วยการสร้างโมเมนตัมของหุ้นที่เลือกมาอย่างถูกต้อง แน่นอนว่ามันจะต้องเป็นความสำเร็จที่มีจำนวนครั้งมากพอที่จะเป็นบทพิสูจน์ว่าคุณคือของจริง ในขั้นตอนนี้ความสำเร็จจะทำให้คุณเริ่มมีแรงโน้มน้าวกับผู้อื่นและเป็นที่น่าสนใจมากขึ้น เหมือนกับบัฟเฟตต์ที่เริ่มอยู่ในสื่อช่วงทศวรรษที่ 70 บนนิตยสาร Fortune และมันเกิดจากความสำเร็จที่บัฟเฟตต์สร้างขึ้นมาหลายสิบปี
ระดับที่สี่คือ ผู้นำจากการสร้างคน พัฒนาผู้อื่น พวกเขาติดตามคุณเพราะสิ่งที่คุณทำให้กับพวกเขา ผู้นำระดับนี้คือการเป็นผู้นำแบบรับใช้ สิ่งที่เกิดขึ้นคือความสุขที่ได้มองเห็นคนอื่นดีขึ้น รวมถึงแนวคิดตัวเองที่ถูกเผยแพร่ออกไป ผู้นำระดับนี้ก็จะเป็นต้นแบบหรือโมเดลที่ให้คนอื่นเอาเป็นแบบอย่าง การลงทุนแบบเน้นคุณค่าก็ถูกสร้างขึ้น เพราะกูรูหลาย ๆ คนเป็นแบบอย่าง และเผยแพร่แนวความคิดการลงทุนตนเองออกมาให้แพร่หลาย
ระดับที่ห้าคือ ผู้นำที่สมบูรณ์ ผู้คนติดตามคุณเพราะสิ่งที่คุณเป็นจริง ๆ และพวกเขาเคารพนับถือผู้นำเป็นอย่างสูง เนื่องจากการสะสมความเป็นผู้นำอย่างยาวนาน ผู้นำระดับนี้เท่านั้นที่จะสามารถสร้างผู้นำที่ยิ่งใหญ่คนอื่น ๆ ขึ้นมาได้ และผมคิดว่าไม่มีใครที่จะเป็นผู้นำระดับนี้ในวงการลงทุนได้สมบูรณ์เท่าบัฟเฟตต์อีกแล้ว เพราะเขาได้เป็นต้นแบบและเป็นผู้สร้างปรมาจารย์หลาย ๆ ท่านในวงการนักลงทุนเน้นคุณค่าของโลก และสิ่งที่เห็นตลอดระยะเวลาลงทุนเกือบศตวรรษก็เป็นตัวตนและความสำเร็จของบัฟเฟตต์จริง ๆ
นอกจากนั้นแนวคิดการแบ่งปันกลับคืนสู่สังคมของบัฟเฟตต์ก็เป็นหนึ่งในต้นแบบ “ผู้นำ” ที่ส่งผลกระทบต่อให้อัครมหาเศรษฐีอเมริกันมากกว่า 122 คน (เช่น Mark Zuckerberg, Michael Bloomberg) ได้เข้าร่วมโครงการ The Giving Pledge (Givingpledge.org) หรือโครงการแบ่งปันมากกว่าครึ่งของความมั่งคั่งตนเองคืนสู่สังคม นี่คือบทพิสูจน์ว่าชีวิตเขามีแรงโน้มน้าวของผู้นำและสร้างความแตกต่างให้กับโลกได้เพียงใด