โค้ด: เลือกทั้งหมด
ในการประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัท เบิร์กไชร์ ฮาธาเวย์ ทุกๆ ปี เราจะได้เห็นประธานบริษัท คือ “วอร์เรน บัฟเฟตต์” นั่งเคียงข้างกับบุรุษผู้หนึ่งอยู่เสมอ
หลายคนกล่าวว่า ทั้งคู่มีรูปร่างหน้าตาคล้ายคลึงกันประหนึ่งเป็นฝาแฝด “บัฟเฟตต์” มักใช้คำพูดแทนตัวของพวกเขาทั้งสองว่า “ชาร์ลี และผม” อยู่บ่อยๆ
ใช่แล้วครับ บุรุษคนดังกล่าวมีนามว่า “ชาร์ลี มังเจอร์” รองประธานบริษัท เบิร์กไชร์ ฮาธาเวย์
“มังเจอร์” เกิดในปี 1924 ส่วน “บัฟเฟตต์” เกิดในปี1930 ทั้งคู่เกิดและเติบโตในเมืองโอมาฮา รัฐเนบราสกาเช่นเดียวกัน และเมื่อตอนเด็กๆ “มังเจอร์” ยังเคยทำงานในร้านขายของชำของ “เออร์เนสต์” ซึ่งเป็นคุณปู่ของ “บัฟเฟตต์” อีกด้วย “มังเจอร์” เล่าในภายหลังว่า เป็นการทำงานที่หนักมาก แต่ก็ทำให้เขาได้เรียนรู้เกี่ยวกับพื้นฐานของการทำธุรกิจ
หลังจากที่ต่างคนต่างเติบโต จบการศึกษา และทำงาน “มังเจอร์” จบการศึกษาด้านนิติศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด และทำงานเป็นทนายความ ส่วน “บัฟเฟตต์” จบการศึกษาด้านเศรษฐศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย และทำงานด้านการลงทุน
“มังเจอร์” กับ “บัฟเฟตต์” ได้มีโอกาสโคจรมาพบกันในปี 1959 ในงานเลี้ยงที่เพื่อนจัดขึ้นในโอมาฮา เมื่อได้พูดคุยกันต่างคนต่างรู้สึกถูกชะตา และหลังจากนั้นก็มีการพบปะและปรึกษาหารือกันอยู่เสมอ
“มังเจอร์” ชื่นชอบการตกปลาเป็นอย่างยิ่ง ครั้งหนึ่งเขาเคยพา “บัฟเฟตต์” และเพื่อนออกไปตกปลาที่ทะเลสาบในมิเนโซต้า โดย “มังเจอร์” รับหน้าที่เป็นผู้บังคับเรือ ช่วงที่เรือกำลังเลี้ยวกลับลำ ปรากฏว่าน้ำทะลักเข้ามาในเรือ จนทำให้เรือพลิกคว่ำ เหตุการณ์ครั้งนั้นทำเอา “บัฟเฟตต์” เกือบจมน้ำตายเลยทีเดียว
“มังเจอร์” เข้ามาร่วมงานกับ “บัฟเฟตต์” อย่างเป็นทางการในปี 1978 โดยรับตำแหน่งเป็นรองประธานบริษัท เบิร์กไชร์ ฮาธาเวย์ กว่า 30 ปีที่ทำงานร่วมกันมา “บัฟเฟตต์” เล่าว่า แม้อาจจะมีความคิดเห็นที่ไม่ตรงกันบ้างในบางครั้ง แต่ทั้งคู่ไม่เคยทะเลาะกันเลย มิหนำซ้ำยังยกย่องและให้เกียรติกันและกันอยู่เสมอ
“มังเจอร์” เล่าว่าเขาไม่เคยเห็น “บัฟเฟตต์” อารมณ์เสียเลย “แม้ตอนที่ผมพาเขาไปตกปลาที่มิเนโซต้า และทำเรือล่ม จนเราต้องว่ายน้ำกลับเข้าฝั่ง เขาก็ยังไม่เคยเอ่ยปากต่อว่าผมเลยสักคำ”
เช่นเดียวกัน “บัฟเฟตต์” ก็กล่าวชื่นชม “มังเจอร์” ว่า “เขาใช้ชีวิตอย่างมีเหตุผล ผมไม่เคยเห็นเขากล่าวหาหรือแอบอิจฉาใครลับหลังเลย”
และที่สำคัญ “แฝดคนละฝา” คู่นี้ต่างมีอิทธิพลต่อการเปลี่ยนแปลงชีวิตของกันและกันไม่น้อย
ก่อนหน้านี้ “มังเจอร์” ทำงานเป็นทนายความ ซึ่งเป็นอาชีพที่ครอบครัวของเขาทำกันต่อเนื่องมาสองสามชั่วอายุคน “บัฟเฟตต์” เป็นผู้แนะนำให้ “มังเจอร์” เลิกอาชีพทนายความมาเป็นนักลงทุน ซึ่ง “มังเจอร์” ให้สัมภาษณ์ในภายหลังว่า นั่นเป็นคำแนะนำที่ดีที่สุดที่เขาได้รับจาก “บัฟเฟตต์” เลยทีเดียว
ส่วน “มังเกอร์” ก็เป็นผู้แนะนำให้ “บัฟเฟตต์” ปรับแนวทางการลงทุน จากการลงทุนซื้อหุ้นราคาถูกตามแบบฉบับของ “เบนจามิน เกรแฮม” มาเป็นการลงทุนซื้อหุ้นของบริษัทที่ยอดเยี่ยมแล้วถือไว้ให้นานๆ ตามแนวทางของ “ฟิลลิป ฟิชเชอร์” ซึ่งเมื่อ “บัฟเฟตต์” นำแนวทางทั้งสองมาปรับใช้ให้เป็นแบบฉบับของเขาเอง ได้สร้างผลตอบแทนทางการลงทุนได้อย่างมหาศาล
“บัฟเฟตต์” ยอมรับว่า คำแนะนำของ “มังเจอร์” เป็นสิ่งที่ถูกต้องและมีผลอย่างมากต่อการลงทุนของเขาในปัจจุบัน และส่งผลให้เขากลายเป็นนักลงทุนแถวหน้าของโลกจนถึงทุกวันนี้