รัฐธรรมนูญใหม่ถูกใจประชาชนหรือไม่/วิวรรณ ธาราหิรัญโชติ

บทความต่างๆที่ตีพิมพ์ใน ThaiVI คุณสามารถแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม
ตอบกลับโพส
Thai VI Article
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
กระทู้: 1243
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ก.ค. 11, 2012 10:42 pm

รัฐธรรมนูญใหม่ถูกใจประชาชนหรือไม่/วิวรรณ ธาราหิรัญโชติ

โพสต์ โดย Thai VI Article » จันทร์ ส.ค. 31, 2015 1:17 pm

โค้ด: เลือกทั้งหมด

ดิฉันเคยเขียนไปแล้วว่าเศรษฐกิจกับการเมืองเป็นสิ่งที่เกี่ยวพันกัน สัปดาห์นี้จึงขอเขียนถึงเรื่องฮอตฮิตในปัจจุบันคือเรื่องรัฐธรรมนูญใหม่ ซึ่งดิฉันโชคดีมีโอกาสได้ฟังและได้สนทนากับประธานคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ศ.ดร.บวรศักดิ์ อุวรรณโณ และกรรมาธิการอีกสามท่านคือ พลเอกเลิศรัตน์ รัตนวานิช  ดร.ถวิลวดี บุรีกุล และ ดร.เจษฎ์ โทณะวณิก ในต่างวาระและต่างโอกาสกัน เพื่อทำความเข้าใจกับร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เพื่อนำมาวิเคราะห์และเสนอมุมมองในฐานะของพลเมืองที่มีความตื่นตัว (Active Citizen)คนหนึ่ง

สรุปสิ่งที่คณะกรรมาธิการต้องการสื่อสารคือ ประชาชนคนไทยต้องตระหนักว่า เราอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่าน ในช่วง 5 ปีแรกของการบังคับใช้รัฐธรรมนูญนี้ จึงเป็นช่วงที่ ดร.บวรศักดิ์เรียกว่า Transitional Democracy หรือ ประชาธิปไตยเปลี่ยนผ่าน เนื่องจากเรามีวัตถุประสงค์เฉพาะที่จะป้องกันความขัดแย้ง สร้างความปรองดอง และปฏิรูป เป็นเวลาอย่างน้อย 5 ปี หลังจากนั้นเราจึงปล่อยให้กลไกปกติค่อยๆเข้ามาจนเป็น Full Democracy

ถามว่าประเทศอื่นมีรัฐธรรมนูญแบบนี้หรือไม่ ดร.เจษฎ์ ได้เล่าให้ฟังว่าประเทศในยุโรปที่เคยมีการทำรัฐประหาร เช่นโปรตุเกส ก็มีการร่างรัฐธรรมนูญในลักษณะให้มีช่วงเปลี่ยนผ่าน เพื่อเข้าสู่ประชาธิปไตยเต็มที่

ที่มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์กันมาก คือ “คณะกรรมการยุทธศาสตร์ปฏิรูปและการปรองดองแห่งชาติ” ซึ่งวิจารณ์กันว่ามีอำนาจเหนือรัฐบาล เหตุผลในการมีคณะกรรมการนี้คือ เพื่อป้องกันและระงับความขัดแย้ง  ขับเคลื่อนการปฏิรูปรวมทั้งอำนาจยับยั้งการกระทำที่ขัดขวางการปฏิรูปและการปรองดอง ตรวจสอบไต่สวนการไม่ปฏิบัติตามแผนและส่งปัญหาเรื่องอำนาจหน้าที่ให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย

คณะกรรมการยุทธศาสตร์ฯนี้จะคอยดูแลให้มีการนำแผนปฏิรูปไปปฏิบัติ มิฉะนั้นแผนปฏิรูปก็อาจจะขึ้นหิ้งไปได้อย่างที่เคยเป็นมา หากรัฐบาลไม่นำไปปฏิบัติ ท่านที่สนใจเรื่องการปฏิรูป สามารถดูได้ในภาค 4 ซึ่งว่าด้วยการปฏิรูปและการสร้างความปรองดองค่ะ

ในด้านเศรษฐกิจ ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล ได้เขียนเอาไว้ในบทความสาระสำคัญของร่างรัฐธรรมนูญฉบับเสนอสภาปฏิรูปแห่งชาติเพื่อลงมติว่า “นับเป็นครั้งแรกที่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยให้ความสำคัญกับ ยุทธศาสตร์ชาติ การยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันในทุกภาคเศรษฐกิจตามมาตรฐานสากล การพัฒนาเศรษฐกิจฐานความรู้ รวมทั้งเศรษฐกิจสร้างสรรค์และนวัตกรรม การปฏิรูปประเทศ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและระบบโลจิสติกส์อย่างบูรณาการ เศรษฐกิจระหว่างประเทศ และการส่งเสริมสังคมผู้ประกอบการ”

ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้มี 4 ภาค รวม 286 มาตรา ภาค 1 รากฐานของระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ภาค 2 ผู้นำการเมืองที่ดีและสถาบันการเมือง ภาค 3 หลักนิติธรรม ศาล และองค์กรตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ และภาค 4 ว่าด้วยการปฏิรูปและการสร้างความปรองดอง ตามที่ดิฉันกล่าวถึงข้างต้น

ดร. บวรศักดิ์บอกว่า เป็นร่างรัฐธรรมนูญฉบับแรกที่มีดัชนีค้นคำ แต่ร่างที่ดิฉันดาวน์โหลดมาจากเว็ปไซต์ของคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ 124 หน้า ยังไม่มีส่วนของดัชนีคำค่ะ

แนะนำให้ท่านที่สนใจศึกษาร่างรัฐธรรมนูญ สามารถดาวน์โหลดได้จาก www.parliament.go.th/ewtcc

มีทั้งร่างรัฐธรรมนูญ และมีตารางเปรียบเทียบรัฐธรรมนูญปี 2540 และ 2550 และตารางสรุปเจตนารมณ์รายมาตราของร่างรัฐธรรมนูญ และรวมสาระสำคัญของร่างรัฐธรรมนูญ

การเมืองไม่ใช่เรื่องไกลตัว และที่ผ่านมาทุกคนก็ตระหนักแล้วว่า เมื่อการเมืองวุ่นวาย ความเสียหายทางธุรกิจและเศรษฐกิจก็ตามมา ดังนั้นในฐานะประชาชน เราต้องสร้างความตื่นตัวในการรับรู้ ในการเรียนรู้ และทำความเข้าใจกับบริบทต่างๆในสังคม เพื่อให้สังคมส่วนรวมอยู่ร่วมกันอย่างมีสันติสุข

ถ้าถามดิฉัน สิ่งที่ภาคเอกชนต้องการคือ “ความนิ่ง” ของการเมือง  หลายๆห้วงที่ผ่านมา การเมืองเป็นตัวฉุดรั้งศักยภาพในการเติบโตและพัฒนาของธุรกิจ และของเศรษฐกิจ และบางครั้งก็เลยเถิดไปกระทบถึงภาคสังคมด้วย

หากรัฐธรรมนูญฉบับนี้และการดำเนินการการเมืองภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับนี้ สามารถก่อให้เกิด”ความนิ่ง”ได้ ดิฉันเชื่อแน่ว่า ประชาชนจะถูกใจ แม้กลิ่นอายความเป็นประชาธิปไตยในรัฐธรรมนูญจะไม่“เต็มร้อย”ตามที่มีผู้วิจารณ์ไว้ก็ตาม

ถ้าเปรียบประเทศไทยเป็นคน เราก็ไม่ได้มีรูปร่างที่สมบูรณ์แบบขนาดที่ว่าเมื่อสวมชุดสำเร็จรูปแล้วจะสวมได้สวยงามพอดี  ไหนๆเราก็เชิญช่างตัดเสื้อมาวัดตัวตัดให้แล้ว เราก็ควรจะได้ชุดเสื้อผ้าที่เหมาะสมกับตัวเรา ไม่จำเป็นต้องไปสวมชุดสำเร็จรูปที่มีขายอยู่ในประเทศตะวันตก ซึ่งอาจไม่เหมาะสมกับเรา

ประชาชนต้องรอให้สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.)ลงมติก่อนในวันที่ 6 กันยายน 2558 นี้ ในกรณีที่สปช.ผ่านร่างรัฐธรรมนูญ  ประชาชนจะได้ลงประชามติในช่วงประมาณเดือนมกราคม 2559 และคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ จะต้องทำหน้าที่ร่างกฎหมายลูกให้เสร็จ ซึ่งจะใช้เวลาอีก 6 เดือน โดยคาดว่าน่าจะมีการเลือกตั้งในช่วงปลายปี 2559 และจะได้รัฐบาลใหม่ประมาณเดือนมกราคม ปี 2560 ค่ะ

ในกรณีที่สภาปฏิรูปแห่งชาติ(สปช.)ลงมติไม่ผ่านร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้  สปช.จะแต่งตั้งคณะกรรมาธิการร่างรัฐธรรมนูญขึ้นมาใหม่อีกชุดหนึ่ง จำนวน 21 คน ทำการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ในเสร็จภายใน 6 เดือน (ประมาณเดือนเมษายน 2559) นำขึ้นมาเสนอให้สปช.ลงมติผ่านหรือไม่ผ่าน หากผ่าน จึงไปทำประชามติอีกประมาณ 4 เดือน ออกกฎหมายลูกใช้เวลา 6 เดือน เสร็จประมาณเดือนมีนาคม 2560 เลือกตั้งประมาณเดือนกรกฎาคม และได้รัฐบาลใหม่ประมาณ เดือนกันยายน 2560ค่ะ
[/size]



ตอบกลับโพส