โค้ด: เลือกทั้งหมด
ธ สถิตในดวงใจตราบนิรันดร น้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นอันหาที่สุดมิได้
ข้าพระพุทธเจ้า นางวิวรรณ ธาราหิรัญโชติ
หัวเรื่องในวันนี้ เป็นคำกล่าวของคุณรพี สุจริตกุล เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ เนื่องในพิธีรับมอบวุฒิบัตรนักวางแผนการเงิน CFP และ AFPT ในกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา
ท่านกล่าวว่า ต่อไปนี้อาจจะต้องมีคำเตือนนี้ออกไป แทนที่จะเตือนว่า “การลงทุนมีความเสี่ยง” และท่านได้มอบหมายให้นักวางแผนการเงิน ช่วยกันเตือนคนทั่วไปด้วยว่า หากไม่ยอมลงทุน จะเสี่ยงต่อการที่มีเงินไม่พอในยามสูงวัย
งานสัมมนาของสมาคมนักวางแผนการเงินไทยในปีนี้ จัดเป็นปีที่สอง ปีที่แล้วเน้นหัวข้อเทคโนโลยี ที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนและการจัดการการเงิน และในปีนี้ เน้นหัวข้อ การบริหารความมั่งคั่งของครอบครัว ดิฉันขอสรุปเนื้อหาย่อๆ เพื่อให้ท่านที่สนใจได้รับทราบ แต่คงไม่ได้สาระครบถ้วนเหมือนไปฟังเองค่ะ
คุณดิเร็ค โต๋ว จาก ยูบีเอส สิงคโปร์ ได้จำแนกรูปแบบการวางแผนการเงินของครอบครัว เป็นสี่ประเภทคือ ใช้บัญชีส่วนตัว ใช้บัญชีร่วม ใช้บริษัทในต่างประเทศ และใช้ทรัสต์ โดยสามรูปแบบแรกอาจจะสะดวกในการบริหารจัดการกรณีผู้ตัดสินในหลักมีชีวิตอยู่ แต่จะไม่สะดวกในการส่งต่อถึงทายาท เหมือนกับรูปแบบสุดท้ายคือ ทรัสต์
คุณดิเร็ค เล่าให้ทราบถึงที่มาที่ไปของทรัสต์ ว่า เกิดจากสมัยก่อนที่อัศวินของอังกฤษไปรบไกลๆ หลายๆปี กลับมาพบว่ามีคนอื่นมาครอบครองทรัพย์สินที่ดินไป เพราะนึกว่าอัศวินคงไม่ได้กลับมาแล้ว จึงเกิดมีกฎหมายทรัสต์ เพื่อมอบหมายให้มีคนดูแลทรัพย์สินแทน เรียกว่าทรัสตี และดำเนินการแจกจ่ายผลประโยชน์ไปตามที่เจ้าของระบุไว้ เช่นจ่ายเป็นค่าใช้จ่ายของครอบครัว ฯลฯ หรือหากไปสงครามแล้วไม่ได้กลับมา ก็จะมีการจัดแบ่งมรดกอย่างที่เจ้าของต้องการ
การใช้ทรัสตี เป็นผู้ดูแลผลประโยชน์ จึงเป็นวิธีการที่ผู้มีความมั่งคั่งสูงในโลกนิยมมาจนถึงปัจจุบัน ทั้งนี้ประเทศไทยมีกฎหมายทรัสต์ที่นำมาใช้ในกรอบจำกัดแล้วค่ะ เป็นการบริหารจัดการเงินของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนเพื่อลูกค้า
ในการจัดการความมั่งคั่งของครอบครัวนั้น วิทยากรสามท่านคือ คุณวิเชฐ ตันติวานิช คุณสุวภา เจริญยิ่ง และ คุณนโรดม วาณิชฤดี ได้กล่าวถึงสถาบันครอบครัวที่แข็งแกร่ง ต้องประกอบด้วย ความเป็นเจ้าของ ครอบครัว และธุรกิจ ซึ่งจะมีความทับซ้อนกัน ในการจัดการจะมีเรื่องต่างๆเข้ามาเป็นปัจจัย เช่น เรื่องครอบครัว อารมณ์ ความรู้สึก และเรื่องการบริหาร ซึ่งจะซับซ้อนกว่าธุรกิจที่บริหารโดยมืออาชีพ
วิทยากรได้แนะนำให้มีธรรมนูญครอบครัว ซึ่งเป็นค่านิยมและกติกาเพื่อความสัมพันธ์ที่ดีของสมาชิกในครอบครัว เกี่ยวกับ การจัดการและการสืบทอดธุรกิจ การจ้างงานและกำหนดค่าตอบแทนให้สมาชิก การบริหารเงินกงสีหรือเงินส่วนกลาง กำหนดโครงสร้างและการจัดการและการถือครองหุ้น รวมไปถึงการกำหนดวิธีการสื่อสาร กลไกการตัดสินใจ และการระงับข้อพิพาท
สำหรับกฎหมายที่ควรทราบเกี่ยวกับการจัดการทรัพย์สินของครอบครัวนั้น อาจารย์ชินภัทร วิสุทธิแพทย์ ได้แนะนำทางเลือกในการตั้งบริษัท และแปลงสินทรัพย์ของบุคคลธรรมดา ให้เป็นทุนของบริษัทใหม่ โดยรัฐได้ประกาศให้สิทธิพิเศษในการโอนที่ดินจนถึงสินปี 2560 นี้ โดยยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะ และอากรแสตมป์ และลดค่าธรรมเนียมการโอนที่ดิน จาก 2% เหลือเพียง 0.01%
นอกจากนี้ อาจารย์ยังเสนอทางเลือกในการบริหารทรัพย์สิน เช่น บริหารอสังหาริมทรัพย์ ด้วย กองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REITs) บริหารการลงทุนในหุ้น และบริหารเงินปันผล ด้วยการจัดโครงสร้างการถือหุ้นแบบบริษัทโฮลดิ้ง และเตือนให้ระมัดระวังการบริหารสินทรัพย์ทางปัญญา และบริหารแบรนด์ ซึ่งหลายครอบครัวละเลยไป จึงทำให้แรนด์เสียหาย หรือในบางกรณี ถึงกับสูญเสียแบรนด์ไปเลย
ในตอนท้ายของการสัมมนา ดร.ก้องเกียรติ โอภาสวงการ กูรูด้านการลงทุนของไทย ได้เล่าประสบการณ์ทั้งของท่านเองและของลูกค้า ในการลงทุนในสินทรัพย์ทางเลือก หรือ Alternative Investment (AI) ทั้งในเรื่องของ การลงทุนในหุ้นนอกตลาด การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ และการลงทุนในศิลปะ
ข้อเตือนใจเกี่ยวกับการลงทุนในหุ้นนอกตลาดคือ การขายเงินลงทุนอาจทำได้ยาก เพราะผลประกอบการไม่เป็นไปตามที่คาดไว้ จึงต้องพิจารณาให้ดี สำหรับการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ต้องเลือกทำเลที่ตั้ง และสำหรับการลงทุนในศิลปะ ต้องมีการศึกษาให้เข้าใจผลงานของศิลปินคนนั้นๆก่อน เลือกลงทุนที่มีจำนวนจำกัด (Limited Edition)
และเคล็ดลับในการลงทุนทางเลือก ไม่ว่าจะเป็น หุ้นนอกตลาด อสังหาริมทรัพย์ หรือศิลปะ คือ “ลงทุนในสิ่งที่ซื้อยาก ขายง่าย” ค่ะ