Land of Growth/ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

บทความต่างๆที่ตีพิมพ์ใน ThaiVI คุณสามารถแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม
ตอบกลับโพส
Thai VI Article
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
กระทู้: 1243
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ก.ค. 11, 2012 10:42 pm

Land of Growth/ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์ โดย Thai VI Article » จันทร์ พ.ย. 06, 2017 12:34 am

โค้ด: เลือกทั้งหมด

    ผมเพิ่งกลับจากการสัมมนา-ดูงาน การลงทุนในตลาดเวียตนามที่จัดโดยสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า (ประเทศไทย) หลังจากที่ไม่ได้ไปเวียตนามเลยในช่วงประมาณ 2 ปีที่ผ่านมาทั้ง ๆ  ที่มีการลงทุนในตลาดหุ้นเวียตนามอยู่พอสมควร   สิ่งที่ผมได้พบเห็นในการเดินทางครั้งนี้ก็คือการเปลี่ยนแปลงที่เร็วมากและมันได้ “เปิดหูเปิดตา” ผมเพิ่มขึ้น  และต่อไปนี้คือข้อสังเกตของผมต่อเวียตนาม

    เรื่องแรกก็คือ  ผมอยากจะตั้ง “ฉายา” ของประเทศเวียตนามในเวลานี้ว่าเป็น  “Land of Growth” เหตุผลก็คือ  ทุกอย่างในประเทศนี้กำลังเติบโตมาก  คล้าย ๆ  เด็กเล็กที่กำลัง “โตวันโตคืน” และดูเหมือนว่าจะไม่มีอะไรมาหยุดยั้งเขาได้  ทางด้านตัวเลขทางเศรษฐกิจที่สำคัญเช่น GDP นั้น  ผมคิดว่าการเติบโตระดับ 6-7% ต่อปีนั้นคงจะดำเนินต่อไปได้อีกยาวนานน่าจะเป็น 10 ปีขึ้นไปโดยที่องค์ประกอบของการเติบโตนั้นมาจากทุกภาคส่วน

    ตัวเลขการเติบโตของการส่งออกนั้นจะโตในระดับสองหลักไปอีกหลาย ๆ  ปีและมูลค่าการส่งออกทั้งหมดน่าจะมากกว่าการส่งออกของไทยใน 2-3 ปีข้างหน้า  การลงทุนของภาคเอกชนนั้นเติบโตมากยิ่งกว่าและการลงทุนที่มาจากต่างประเทศหรือ FDI นั้นได้แซงไทยไปแล้วพอสมควรในปีล่าสุด    การบริโภคของประชาชนในประเทศเวียตนามเองนั้นก็เติบโตอย่างมากทุกปีทั้ง ๆ  ที่ระบบการกู้เงินเพื่อซื้อบ้านและรถยนต์นั้นยังมีน้อยมาก  ดังนั้น  ในอีกไม่นานเมื่อระบบการ “ผ่อนส่ง” เหล่านั้นแพร่หลาย  ผมคิดว่าการเติบโตของการบริโภคภาคครัวเรือนจะ “โตระเบิด” ไปอีกนาน  ในส่วนของการใช้จ่ายของรัฐบาลเองนั้นก็เติบโตขึ้นมากมายเนื่องจากประเทศยัง  “ล้าหลังมาก”  ในด้านของสาธารณูปโภค  ไฟฟ้ายังขาดแคลนหนัก  ถนนหนทางมีน้อยมากทำให้การเดินทางช้ามาก  สนามบินก็มีขนาดเล็กและเก่าจนจำเป็นที่จะต้องขยายเกือบทุกแห่ง  รถไฟฟ้าในเมืองสายแรกของโฮจิมินเองก็ยังไม่เปิดแม้ว่าจะสร้างมานาน  ทั้งหมดนั้นเป็นเพราะรัฐบาลมีเงินไม่พอ  อย่างไรก็ตาม  รัฐบาลก็กำลังเร่งขายรัฐวิสาหกิจเพื่อระดมเงินมาสร้างสาธารณูปโภคอย่างรีบเร่ง  ดังนั้น  สรุปได้ว่าทุกภาคส่วนของเศรษฐกิจกำลังเติบโตอย่าง “รุนแรง”

    พูดถึงการท่องเที่ยวเองนั้น  เวียตนามยิ่งมีการเติบโตมากกว่าสิ่งอื่น ๆ  ที่กล่าวถึงทั้งหมด  การเติบโตของจำนวนนักท่องเที่ยวในช่วงหลัง ๆ  นี้โตขึ้นปีละหลายสิบเปอร์เซ็นต์  ขณะนี้มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศต่อปีแตะสิบล้านคนแล้ว  แม้จะยังน้อยกว่าประเทศไทยที่มีนักท่องเที่ยวกว่า 30 ล้านคนมากแต่อัตราการเติบโตสูงกว่าไทยหลายเท่าและผมคิดว่าจะเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวของไทยในอนาคตเนื่องจากเวียตนามมีองค์ประกอบในการแข่งขันดึงดูดนักท่องเที่ยวไม่แพ้ไทยมากนัก

    นอกจากเรื่องของตัวเลขที่แสดงให้เห็นถึงการเติบโตแล้ว  “บรรยากาศ” หรือ “ความรู้สึก” จากการที่ได้ “สัมผัส” หรือ “เห็น” หรือ “ได้ยิน”  จากการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาก็ทำให้ผมรู้สึกว่าเวียตนามกำลังโตแบบ  “บ้าคลั่ง”  ร้านค้าที่เป็นห้างทันสมัยไม่ว่าจะเป็นช็อบปิงมอลขนาดใหญ่  ร้านกาแฟเครือข่ายอย่างสตาร์บักส์เต็มไปด้วยผู้คนหนุ่มสาวที่มาใช้บริการ  ถนนคนเดินและบาทวิถีที่เป็นแหล่ง Hang Out หรือพบปะของคนหนุ่มสาวเวียตนามตามปกติอยู่แล้วนั้น  งวดนี้ที่ผมมามีเพิ่มขึ้นมากจนรู้สึกได้  ร้านหนังสือขนาดใหญ่กลางเมืองที่ผมมักแวะไปดูทุกครั้งที่ไปเวียตนามและพบว่ามีคนซึ่งรวมถึงเด็กจำนวนมากเข้าไปใช้บริการแม้ว่าจะเป็นเวลาค่ำนั้น  ขณะนี้คึกคักขึ้นไปอีกในขณะที่ร้านหนังสือในไทยดูเหมือนว่าจะเหงาลงไปแล้ว   ทั้งหมดนี้ทำให้ผมรู้สึก  “คึกคัก” เป็นพิเศษ  พูดตามความจริง  ในระยะหลัง ๆ  เวลาผมไปเที่ยวต่างประเทศนั้น  ผมไม่เคยไปประเทศที่ “กำลังโตเร็ว”  แบบนี้  ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะว่าผมมักไปเที่ยวในประเทศที่เจริญแล้วที่มักจะโตจนอิ่มตัวหรือเริ่ม “แก่” แล้ว

    สิ่งที่แสดงให้เห็นถึงการเติบโต “สุดยอด”  นั้น  น่าจะมาจากการขยายตัวของอสังหาริมทรัพย์โดยเฉพาะอาคารสูงทั้งที่เป็นสำนักงานและคอนโดที่อยู่อาศัยระดับไฮเอนด์ในกรุงโฮจิมิน  การเดินทางครั้งนี้คณะนักลงทุนได้มีโอกาสเยี่ยมชมโครงการอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่หรูหราที่เกิดขึ้นแล้วและกำลังเกิดขึ้นจำนวนมากโดยเฉพาะในเขตเมืองใหม่ของโฮจิมินที่เรียกว่าเขต “ตู่เตียม”  ที่เดิมเป็นที่ดิน “กระเพาะหมู”  ล้อมรอบโดยแม่น้ำไซ่ง่อนคล้าย ๆ  กับเขตบางกระเจ้าของกรุงเทพ   เดิมเนื่องจากไม่มีสะพานข้ามแม่น้ำ  ทำให้ที่ดินนั้นไม่มีการพัฒนาทั้ง ๆ  ที่อยู่ติดกับพื้นที่เขต 1 ที่เจริญที่สุดและเป็นเขต CBD ของโฮจิมิน  ต่อมารัฐบาลต้องการพัฒนาพื้นที่นี้ให้เป็นศูนย์กลางของเมืองใหม่  จึงได้สร้างสะพานและอุโมงข้ามแม่น้ำซึ่งทำให้มีการพัฒนาโครงการขนาดใหญ่ที่หรูหรารวมถึงการเป็นศูนย์กลางทางการเงินของโฮจิมินหรือของประเทศ

    ผมเองไม่ได้ชอบหรือเชี่ยวชาญการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์  แต่เมื่อวิเคราะห์ดูศักยภาพและคุณค่าของการที่จะลงทุนซื้อห้องชุดหรือพื้นที่ในอาคารหรูหราเหล่านั้นแล้ว  ผมก็คิดว่าการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์โดยเฉพาะในพื้นที่อาคารเหล่านั้นน่าจะเป็นการลงทุนที่  “ปิดประตูแพ้”  เหตุผลก็คือ  เวียตนามกำลังเติบโตเร็วมาก  ความต้องที่จะมีสำนักงานที่สวยและทันสมัยโดยเฉพาะจากบริษัทต่างประเทศและที่อยู่อาศัยของชาวต่างชาติที่มาทำงานจะมีเพิ่มขึ้นมากในขณะที่พื้นที่เดิมซึ่งเก่าและไม่สะดวกไม่สามารถจะรองรับได้  เหนือสิ่งอื่นใด  เขตโฮจิมินส่วนที่เป็นเมืองเก่านั้นแออัดมากและดูเหมือนว่าจะไม่มีพื้นที่ว่างขนาดใหญ่ให้พัฒนาได้เลย  ทำให้อาคารในเขตเมืองใหม่เป็นที่ต้องการเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ   เอเจนซีขายโครงการย้ำกับพวกเราตลอดว่า  นี่จะเหมือนกับเขตเมืองใหม่ผู่ตงของเมืองเซี่ยงไฮ้ที่จะเจริญสุดยอด   ผมเองเชื่อว่าจะเป็นอย่างนั้น  เพราะผังเมืองตู่เตียมถูกวางไว้อย่างดีมีสาธารณูปโภคสมบูรณ์รวมถึง  “ป่า”  เล็ก ๆ  ที่มีเส้นทางคนเดินหรือวิ่งสำหรับ “คนมีระดับ” ที่อาศัยในเขตตู่เตียม

    ราคาของคอนโดมิเนียมในเขตตู่เตียมและที่อยู่ในเขต 1 ที่อยู่ติดกันนั้นดูเหมือนว่าจะยังไม่สูงนักเมื่อเทียบกับราคาในกรุงเทพ  โครงการที่ “แพงที่สุด” ในช่วงนี้อยู่ที่ตารางเมตรละประมาณ 150,000-200,000 บาท เทียบกับกว่า 300,000 บาท ในกรุงเทพ ในขณะที่ทำเลของโฮจิมินนั้นคืออยู่ในศูนย์กลางธุรกิจและติด “ริมแม่น้ำ” ด้วย   เช่นเดียวกัน  โครงการที่อยู่ในเขต 1 และติดสถานีรถไฟฟ้าที่กำลังใกล้เปิดบางโครงการของโฮจิมินเองนั้นก็มีราคาแค่ประมาณ 100,000 บาทต่อตารางเมตร  ดูแล้วน่าจะถูกกว่าราคาคอนโดในกรุงเทพและน่าจะมีโอกาสปรับขึ้นไปเร็วในอนาคต  ว่าที่จริงหลายโครงการหรูที่เปิดในช่วงเร็ว ๆ  นี้  ถูกจองหมดอย่างรวดเร็วโดยชาวต่างประเทศและราคาขึ้นไปแทบจะทันที

    การเติบโตของเวียตนามเองนั้น  คงไม่ได้เกิดขึ้นสั้น ๆ  แล้ว “สะดุด” ลงง่าย ๆ  เหตุผลก็คือ  พื้นฐานของคนเวียตนามเองที่เป็นคนที่มีความขยันขันแข็งและมีคุณภาพสูงวัดจากผลการศึกษาที่เด็กเวียตนามนั้นทำได้เท่ากับประเทศที่เจริญแล้ว  ไปเวียตนามครั้งนี้ผมเองรู้สึกว่าคนเวียตนามนั้นสามารถใช้ภาษาอังกฤษได้ดีกว่าไทยมาก  คนที่มาพรีเซ็นต์หรือมาพูดให้เราฟังนั้นใช้ภาษาได้คล่องแคล่วรวมไปถึงพนักงานค้าขายทั่ว ๆ  ไปนั้นพูดภาษาอังกฤษได้ดีกว่าคนไทย  หลายคนที่ติดต่อกับลูกค้าไทยเช่นคนในโรงแรมก็พูดไทยได้  พนักงานเวียตนามจำนวนมากนั้นต่างก็หมั่นศึกษาและเรียนรู้เพิ่มเติมโดยเฉพาะทางด้านภาษาหลังเลิกงานเพื่อที่จะเพิ่มศักยภาพและเงินเดือนของตนเอง  ซึ่งนี่ก็เป็นเครื่องรับประกันอย่างหนึ่งว่าเวียตนามจะสามารถเติบโตไปได้อีกนาน

    ทั้งหมดนั้นก็เป็นภาพที่ผมเห็นในการเดินทางไปเวียตนามหลังจากที่ผ่านไป 2 ปีนับจากวันที่ผมเริ่มลงทุนอย่างจริงจังในเวียตนาม  ภาพใหญ่นั้นยังดูสดใสเหมือนเดิมหรือเพิ่มขึ้น   อย่างไรก็ตาม  ผลการลงทุนในปีนี้ของผมที่เวียตนามเองนั้นกลับไม่สดใส  ส่วนหนึ่งเป็นเพราะค่าเงินบาทที่แข็งขึ้นเกือบ 10%  อย่างไรก็ตาม  ผมคงไม่ถอนการลงทุน  ผมคงต้องรอจนกว่าคนจะเห็นและเข้ามาซื้อหุ้นที่ผมลงทุนมากขึ้น  อย่างไรก็ตาม  บทเรียนของผมก็คือ  การลงทุนไม่ใช่เรื่องง่าย  แม้ว่าภาพใหญ่จะดีมากแต่การลงทุนให้ประสบความสำเร็จจริง ๆ  นั้น  เราอาจจะจำเป็นที่จะต้องศึกษาเรียนรู้อย่างเข้มข้นมากกว่านั้น  สำหรับคนหนุ่มสาวที่พร้อมจะทำ  ผมก็คิดว่าตลาดเวียตนามนั้น  เป็นสถานที่ที่น่าสนใจที่จะลงทุนมากที่สุดแห่งหนึ่งในเวลานี้
[/size]



ตอบกลับโพส