โค้ด: เลือกทั้งหมด
ถ้ามองจากวิวัฒนาการของสัตว์ขนาดใหญ่ที่มีอยู่ในโลกแล้ว ผมคิดว่าเต่าเป็นสัตว์ที่ประสบความสำเร็จพอสมควรทีเดียว ข้อแรก มันอยู่มานานมากแล้วน่าจะนานเป็นหลายล้านปี ข้อสอง มันไม่ได้เป็นสัตว์ที่เสี่ยงจะสูญพันธุ์ในเร็ววัน นอกจากนั้น โดยโครงสร้างของร่างกาย ผมคิดว่าเต่านั้นได้เปรียบสัตว์อื่นอยู่มากในแง่ของการหลบหลีกศัตรูและป้องกันตนเองเพราะมันหนีลงน้ำได้และมันมีกระดองป้องกันตัวที่แข็งแกร่งนอกเหนือจากความสามารถในการวางไข่ที่ทำได้ครั้งละมาก ๆ ดังนั้นแม้ว่ามันจะไม่ได้มีเขี้ยวเล็บอะไรที่จะไปทำร้ายใครแต่การที่สัตว์อื่นจะทำร้ายมันก็ค่อนข้างยาก ด้วยคุณลักษณะดังกล่าว ผมจึงชอบเปรียบเทียบหุ้นและนักลงทุนที่มีคุณสมบัติแบบนั้นว่าเป็น “หุ้นเต่า” หรือ “การลงทุนแบบเต่า”
หุ้น “เต่า” นั้นเป็นหุ้นของบริษัทที่อยู่และจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์มานานและดูไปแล้วน่าจะยังอยู่ต่อไปอีกนาน เป็นบริษัทที่เปลี่ยนแปลงช้า ทำธุรกิจอะไรก็ทำอยู่อย่างนั้นมาหลายสิบปี บริษัทไม่มีการเปลี่ยนแปลงไปทำอย่างอื่นแบบหน้ามือเป็นหลังมือหรือทำอะไรตามแฟชั่นที่กำลังเกิดขึ้น ที่จะมีการเปลี่ยนแปลงก็มักจะเป็นการพัฒนาหรือต่อยอดจากสินค้าเดิมของบริษัทเท่านั้น ธุรกิจของหุ้นเต่ามักเป็นธุรกิจที่ผลิตสินค้าหรือบริการที่เป็นสิ่งจำเป็นต้องใช้ในชีวิตประจำวันและหาสิ่งอื่นมาทดแทนได้ยาก ตัวอย่างเช่นอาหารการกินมื้อหลัก ที่อยู่อาศัย พลังงาน เงิน ยารักษาโรค เครื่องนุ่งห่ม และในปัจจุบันก็น่าจะรวมไปถึงระบบการติดต่อสื่อสารทางคลื่นหรือทางอากาศ เป็นต้น
หุ้นเต่านั้น คือหุ้นที่ “เดินช้า” ซึ่งความหมายของผมก็คือ ราคาหุ้นไม่ค่อยปรับตัวขึ้นเท่าไรในหลายปีที่ผ่านมาและในช่วงเร็ว ๆ นี้โดยเฉพาะในยามที่ตลาดหุ้นวิ่งขึ้นอย่างคึกคักและ “หุ้นกระต่าย” หรือคือหุ้นที่มีคุณสมบัติในการขึ้นลงรุนแรงหรือเป็นหุ้นเก็งกำไรสูงต่างก็วิ่งขึ้นไปล่วงหน้าก่อนแล้ว ถ้าเป็นภาษาหุ้นก็คือเป็นหุ้น “Laggard” ที่ไม่วิ่งตามดัชนีตลาดหุ้นอย่างหุ้นอื่น ๆ ดังนั้นหุ้นเต่าจึงมักไม่เป็นที่สนใจของนักลงทุนโดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เน้นการเก็งกำไรในหุ้น หุ้นเต่าจะไม่ค่อยมีคนพูดถึงและปริมาณการซื้อขายหุ้นก็จะต่ำกว่าที่ควรเป็นเมื่อเทียบกับบริษัทที่มีขนาดพอ ๆ กัน
ยอดขายและกำไรของหุ้นเต่าเองนั้น ในช่วงที่ผ่านมาหลายปีก็มักจะไม่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ แต่ก็มักจะไม่ลดลงเช่นเดียวกัน กำไรที่ผ่านมาคงจะพูดได้ว่าทรง ๆ ดูแล้วคล้ายบริษัทที่ “ไม่โต” หรือ “อิ่มตัว” อย่างไรก็ตาม อัตรากำไรที่บริษัททำได้นั้นก็มักจะไม่เลวร้าย กำไรต่อส่วนของผู้ถือหุ้นอยู่ในหลักประมาณ 10% ต่อปีเศษ ๆ ซึ่งก็น่าจะถือว่าใช้ได้เมื่อเทียบกับผลตอบแทนจากธุรกิจอื่นหรือการลงทุนในหลักทรัพย์หรือเครื่องมือการเงินอื่น ๆ ในภาวะปัจจุบัน
มองจาก “ความสามารถในการแข่งขัน” ของหุ้นเต่าในธุรกิจแล้ว ก็ดูเหมือนว่าบริษัทจะไม่ได้เหนือกว่าคู่แข่งอย่างเห็นได้ชัดเช่นเดียวกับที่มันก็ไม่ได้เป็นรองใครมากนัก เรียกได้ว่ามัน “แข่งขันได้” ว่าที่จริงการที่บริษัทอยู่มานานและไม่ได้ถดถอยลงก็เป็นการแสดงให้เห็นว่ามันเป็นบริษัทที่มีความสามารถและทรหดอดทนและสามารถฝ่าคลื่นลมและภาวะเลวร้ายในธุรกิจมาหลายรอบแล้ว และในภาวะปัจจุบันมันก็ยังคงฐานะแบบนั้น เต่านั้นไม่ตายง่าย ๆ เหมือนกระต่ายที่มักจะต้องเผชิญกับ “นักฆ่า” ที่มีเขี้ยวเล็บแหลมคม ความหมายก็คือ หุ้นเต่านั้นอาจจะอยู่ในธุรกิจที่คู่แข่งขันต่างก็สามารถพัฒนาปัจจัยในการแข่งขันได้เท่าเทียมกันหมดในเวลาไม่นาน ไม่มีใครจะเก่งหรือเหนือกว่าคนอื่นได้มากจนสามารถทำลายคู่แข่งรายอื่นที่มีความสามารถในการปรับตัวทันกับสถานการณ์ ถ้าจะสรุปอย่างง่าย ๆ ในประเด็นนี้ก็คือ หุ้นเต่านั้นมักจะมีคู่แข่งที่มีความสามารถพอ ๆ กันในอุตสาหกรรมหรือธุรกิจจำนวนหนึ่งที่ไม่มากหรือน้อยเกินไป ตัวอย่างเช่นในธุรกิจการเงินการธนาคารและอสังหาริมทรัพย์ เป็นต้น
ในภาวะที่เทคโนโลยีกำลัง Disrupt หรือทำลายธุรกิจเดิม ๆ เป็นว่าเล่นนั้น หุ้นเต่าเองจะเป็นกิจการที่จะไม่ถูกทำลายโดยเทคโนโลยีได้ง่าย ๆ ว่าที่จริงหุ้นเต่าเองอาจจะได้ประโยชน์จากการนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ คุณภาพ และลดต้นทุนของบริษัทได้ อย่างไรก็ตาม ถ้าบริษัทไม่ปรับตัวตามสถานการณ์ก็อาจจะถูกทำลายโดยคู่แข่งได้ ดังนั้น หุ้นเต่าเองจะต้องมีผู้บริหารที่ตื่นตัวและมีฐานะทางการเงินที่ดีพอที่จะปรับการดำเนินงานของบริษัทให้ทันสมัยอยู่เสมอ มองอีกมุมหนึ่งก็คือ ผู้บริหารจะต้องไม่เชื่องช้าเหมือนการเดินของเต่าแต่จะต้องสุขุมและมีกลยุทธ์ในการเดินทางที่ถูกต้องมั่นคงและปลอดภัย ไม่ต้องเร็วมากเหมือน “กระต่าย” แต่ต้อง “ช้าแต่ชัวร์”
หุ้นเต่าเองนั้น ในบางช่วงบางเวลาก็มีการเคลื่อนไหวที่ “เร็ว” เช่นเดียวกัน เปรียบไปก็เหมือนกับเต่าที่ว่ายผ่านน้ำ ความหมายก็คือ ในบางสถานการณ์ซึ่งรวมถึงภาวะที่อาจจะไม่ดีต่อธุรกิจทั่วไป หุ้นเต่าอาจจะเติบโตได้เร็วกว่ากิจการอื่นรวมถึง “หุ้นกระต่าย” ในยามนั้นภาพของการเป็นหุ้นเต่าก็อาจจะหายไป ผู้คนต่างก็มองว่านี่คือหุ้นที่ “โต” เป็นหุ้นที่น่าสนใจและคนเข้ามาซื้อขายกันมากมายและไม่ใช่หุ้นที่ “น่าเบื่อ” อีกต่อไป ว่าที่จริงถ้าเรามองย้อนหลังไปยาวนานเช่น 10 ปีและหาค่าเฉลี่ยของการเติบโตของหุ้นที่เรียกว่า “หุ้นเต่า” ในวันนี้ เราก็อาจจะพบว่ามันก็มีการเติบโตพอสมควรและอาจจะไม่ได้ต่ำกว่า “หุ้นเติบโต” หรือหุ้นกระต่ายก็เป็นได้
เนื่องจากไม่ได้รับความสนใจจากนักลงทุนมานาน หุ้นเต่าจึงมี Valuation หรือราคาตลาดที่ต่ำถึงต่ำมาก ค่า PE ของหุ้นเต่ามักจะอยู่ในระดับ 10 เท่าเศษ ๆ ค่า PB บางทีก็อยู่ในระดับ 1 เท่าเศษ ๆ หรือไม่เกิน 2 เท่าเป็นอย่างมาก และระดับการปันผลต่อราคาหุ้นที่สูงไม่น้อยกว่า 3-4% ขึ้นไป บางบริษัทสูงถึง 5-6% ก็มี นอกจากนั้น ตัวเลขเหล่านี้มักจะไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้นในปีล่าสุดแต่มักจะเป็นแบบนั้นมานานหลายปี บางทีก็ถูกเรียกว่าเป็นประเภท “หุ้นถูกเรื้อรัง”
หุ้นเต่าเองนั้น ในยามที่ตลาดหุ้นร้อนแรงและดัชนีหุ้นวิ่งขึ้นไปโดดเด่นอย่างต่อเนื่อง หุ้นเต่าก็มักจะไม่ไปไหน คนดูว่าลงทุนในหุ้นเหล่านี้มัก “ได้แต่ปันผล” ซึ่งช้าและไม่คุ้มเทียบกับการเล่นหุ้นร้อนแรงและวิ่งเป็นกระต่ายไม่ได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อหุ้นกระต่ายวิ่งกันไปไกลมาก ราคาหุ้นก็แพงมาก ค่า PE ก็สูงลิ่วและปันผลน้อยนิด หุ้นหลายตัวที่คนคาดหวังว่าจะมีกำไรเติบโตอย่างก้าวกระโดดซึ่งจะทำให้ค่า PE ลดลงอย่างรวดเร็วนั้น ปรากฏว่ากำไรที่ทยอยประกาศมาทุกไตรมาศกลับไม่โตอย่างที่คิด บางบริษัทกำไรลดลงด้วยซ้ำ ความเชื่อมันของนักลงทุนในหุ้นกระต่ายจึงลดลงและหุ้นถูกขายทำให้ราคาลดลงมาก ในทางตรงกันข้าม หุ้นเต่ากลับมีผลประกอบการเติบโตขึ้น ถึงจะไม่หรูหราแต่มันขยับขึ้นทุกไตรมาศ ผลก็คือ นักลงทุนบางกลุ่มเริ่มเข้ามาซื้อหุ้นเพราะเห็นว่ามันถูกมากเมื่อเทียบกับกำไร บางคนก็คิดว่าแค่รอรับปันผลมันก็คุ้มแล้ว พวกเขาคิดว่าหุ้นที่มีราคาถูกมากและมีความมั่นคงสูงและเริ่มเห็นว่ามันก็จะโตด้วยนั้น เป็นหุ้นที่ “ปลอดภัย” ในยามที่ตลาดหุ้นอาจจะตกต่ำลงเนื่องจากภาวะร้อยแปดที่อาจจะเกิดขึ้นได้ทั้งในและต่างประเทศ ผลก็คือ หุ้นเต่าหลายตัวก็เริ่ม Perform หรือเริ่มปรับตัวขึ้น—อย่างช้า ๆ และมั่นคง
หุ้นเต่าบางตัวที่มี Story หรือมีเรื่องราวการขยายงานที่น่าสนใจบางตัวนั้น กลายเป็น “หุ้นกระต่าย” คือราคาวิ่งไปแรงไม่แพ้หุ้น “เติบโต” ในช่วงนี้ และแม้ว่าการวิ่งขึ้นของหุ้นเต่าก็มักจะไม่แรงขนาดราคาหุ้นปรับตัวเป็นเท่าตัวหรือหลายเท่าตัวเนื่องจากมันมักจะไม่ใช่หุ้นตัวเล็กแต่การปรับขึ้นอย่างเป็นเรื่องเป็นราวก็ถือว่าน่าประทับใจสำหรับคนที่เล่นหุ้นเต่าที่มักเน้นความปลอดภัยสูงและไม่ได้หวังผลตอบแทนมาก แต่มันก็สูงพอที่จะทำให้ผมเอง “ทึ่ง” ผมคิดว่าบางทีนี่อาจจะเป็นจุดเริ่มของ “อหังการของหุ้นเต่า” และถ้าจะจินตนาการก็คงต้องบอกว่าเวลานี้อาจจะเป็นการแข่งขันที่ทุกคนจะต้อง “วิ่งผ่านน้ำ” และเป็นทีของเต่าที่จะไปเร็วกว่าคนอื่น “หุ้นกระต่ายชิดซ้าย หุ้นเต่ากำลังจะมา”