อหังการของหุ้นเต่า/ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

บทความต่างๆที่ตีพิมพ์ใน ThaiVI คุณสามารถแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม
ตอบกลับโพส
Thai VI Article
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
กระทู้: 1243
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ก.ค. 11, 2012 10:42 pm

อหังการของหุ้นเต่า/ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์ โดย Thai VI Article » อาทิตย์ ม.ค. 14, 2018 4:33 pm

โค้ด: เลือกทั้งหมด

    ถ้ามองจากวิวัฒนาการของสัตว์ขนาดใหญ่ที่มีอยู่ในโลกแล้ว  ผมคิดว่าเต่าเป็นสัตว์ที่ประสบความสำเร็จพอสมควรทีเดียว  ข้อแรก  มันอยู่มานานมากแล้วน่าจะนานเป็นหลายล้านปี  ข้อสอง  มันไม่ได้เป็นสัตว์ที่เสี่ยงจะสูญพันธุ์ในเร็ววัน  นอกจากนั้น  โดยโครงสร้างของร่างกาย  ผมคิดว่าเต่านั้นได้เปรียบสัตว์อื่นอยู่มากในแง่ของการหลบหลีกศัตรูและป้องกันตนเองเพราะมันหนีลงน้ำได้และมันมีกระดองป้องกันตัวที่แข็งแกร่งนอกเหนือจากความสามารถในการวางไข่ที่ทำได้ครั้งละมาก ๆ    ดังนั้นแม้ว่ามันจะไม่ได้มีเขี้ยวเล็บอะไรที่จะไปทำร้ายใครแต่การที่สัตว์อื่นจะทำร้ายมันก็ค่อนข้างยาก  ด้วยคุณลักษณะดังกล่าว  ผมจึงชอบเปรียบเทียบหุ้นและนักลงทุนที่มีคุณสมบัติแบบนั้นว่าเป็น  “หุ้นเต่า” หรือ  “การลงทุนแบบเต่า”

    หุ้น “เต่า” นั้นเป็นหุ้นของบริษัทที่อยู่และจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์มานานและดูไปแล้วน่าจะยังอยู่ต่อไปอีกนาน  เป็นบริษัทที่เปลี่ยนแปลงช้า  ทำธุรกิจอะไรก็ทำอยู่อย่างนั้นมาหลายสิบปี  บริษัทไม่มีการเปลี่ยนแปลงไปทำอย่างอื่นแบบหน้ามือเป็นหลังมือหรือทำอะไรตามแฟชั่นที่กำลังเกิดขึ้น  ที่จะมีการเปลี่ยนแปลงก็มักจะเป็นการพัฒนาหรือต่อยอดจากสินค้าเดิมของบริษัทเท่านั้น  ธุรกิจของหุ้นเต่ามักเป็นธุรกิจที่ผลิตสินค้าหรือบริการที่เป็นสิ่งจำเป็นต้องใช้ในชีวิตประจำวันและหาสิ่งอื่นมาทดแทนได้ยาก  ตัวอย่างเช่นอาหารการกินมื้อหลัก   ที่อยู่อาศัย พลังงาน  เงิน  ยารักษาโรค  เครื่องนุ่งห่ม  และในปัจจุบันก็น่าจะรวมไปถึงระบบการติดต่อสื่อสารทางคลื่นหรือทางอากาศ เป็นต้น

    หุ้นเต่านั้น  คือหุ้นที่ “เดินช้า”  ซึ่งความหมายของผมก็คือ  ราคาหุ้นไม่ค่อยปรับตัวขึ้นเท่าไรในหลายปีที่ผ่านมาและในช่วงเร็ว ๆ  นี้โดยเฉพาะในยามที่ตลาดหุ้นวิ่งขึ้นอย่างคึกคักและ  “หุ้นกระต่าย” หรือคือหุ้นที่มีคุณสมบัติในการขึ้นลงรุนแรงหรือเป็นหุ้นเก็งกำไรสูงต่างก็วิ่งขึ้นไปล่วงหน้าก่อนแล้ว   ถ้าเป็นภาษาหุ้นก็คือเป็นหุ้น  “Laggard”  ที่ไม่วิ่งตามดัชนีตลาดหุ้นอย่างหุ้นอื่น ๆ  ดังนั้นหุ้นเต่าจึงมักไม่เป็นที่สนใจของนักลงทุนโดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เน้นการเก็งกำไรในหุ้น  หุ้นเต่าจะไม่ค่อยมีคนพูดถึงและปริมาณการซื้อขายหุ้นก็จะต่ำกว่าที่ควรเป็นเมื่อเทียบกับบริษัทที่มีขนาดพอ ๆ  กัน

    ยอดขายและกำไรของหุ้นเต่าเองนั้น  ในช่วงที่ผ่านมาหลายปีก็มักจะไม่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ  แต่ก็มักจะไม่ลดลงเช่นเดียวกัน   กำไรที่ผ่านมาคงจะพูดได้ว่าทรง ๆ  ดูแล้วคล้ายบริษัทที่  “ไม่โต”  หรือ “อิ่มตัว”  อย่างไรก็ตาม  อัตรากำไรที่บริษัททำได้นั้นก็มักจะไม่เลวร้าย  กำไรต่อส่วนของผู้ถือหุ้นอยู่ในหลักประมาณ 10% ต่อปีเศษ ๆ  ซึ่งก็น่าจะถือว่าใช้ได้เมื่อเทียบกับผลตอบแทนจากธุรกิจอื่นหรือการลงทุนในหลักทรัพย์หรือเครื่องมือการเงินอื่น ๆ  ในภาวะปัจจุบัน

    มองจาก “ความสามารถในการแข่งขัน” ของหุ้นเต่าในธุรกิจแล้ว  ก็ดูเหมือนว่าบริษัทจะไม่ได้เหนือกว่าคู่แข่งอย่างเห็นได้ชัดเช่นเดียวกับที่มันก็ไม่ได้เป็นรองใครมากนัก   เรียกได้ว่ามัน “แข่งขันได้”  ว่าที่จริงการที่บริษัทอยู่มานานและไม่ได้ถดถอยลงก็เป็นการแสดงให้เห็นว่ามันเป็นบริษัทที่มีความสามารถและทรหดอดทนและสามารถฝ่าคลื่นลมและภาวะเลวร้ายในธุรกิจมาหลายรอบแล้ว  และในภาวะปัจจุบันมันก็ยังคงฐานะแบบนั้น  เต่านั้นไม่ตายง่าย ๆ  เหมือนกระต่ายที่มักจะต้องเผชิญกับ  “นักฆ่า”  ที่มีเขี้ยวเล็บแหลมคม   ความหมายก็คือ  หุ้นเต่านั้นอาจจะอยู่ในธุรกิจที่คู่แข่งขันต่างก็สามารถพัฒนาปัจจัยในการแข่งขันได้เท่าเทียมกันหมดในเวลาไม่นาน  ไม่มีใครจะเก่งหรือเหนือกว่าคนอื่นได้มากจนสามารถทำลายคู่แข่งรายอื่นที่มีความสามารถในการปรับตัวทันกับสถานการณ์  ถ้าจะสรุปอย่างง่าย ๆ  ในประเด็นนี้ก็คือ  หุ้นเต่านั้นมักจะมีคู่แข่งที่มีความสามารถพอ ๆ  กันในอุตสาหกรรมหรือธุรกิจจำนวนหนึ่งที่ไม่มากหรือน้อยเกินไป  ตัวอย่างเช่นในธุรกิจการเงินการธนาคารและอสังหาริมทรัพย์ เป็นต้น

    ในภาวะที่เทคโนโลยีกำลัง Disrupt หรือทำลายธุรกิจเดิม ๆ  เป็นว่าเล่นนั้น  หุ้นเต่าเองจะเป็นกิจการที่จะไม่ถูกทำลายโดยเทคโนโลยีได้ง่าย ๆ   ว่าที่จริงหุ้นเต่าเองอาจจะได้ประโยชน์จากการนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ  คุณภาพ  และลดต้นทุนของบริษัทได้  อย่างไรก็ตาม  ถ้าบริษัทไม่ปรับตัวตามสถานการณ์ก็อาจจะถูกทำลายโดยคู่แข่งได้  ดังนั้น  หุ้นเต่าเองจะต้องมีผู้บริหารที่ตื่นตัวและมีฐานะทางการเงินที่ดีพอที่จะปรับการดำเนินงานของบริษัทให้ทันสมัยอยู่เสมอ  มองอีกมุมหนึ่งก็คือ  ผู้บริหารจะต้องไม่เชื่องช้าเหมือนการเดินของเต่าแต่จะต้องสุขุมและมีกลยุทธ์ในการเดินทางที่ถูกต้องมั่นคงและปลอดภัย  ไม่ต้องเร็วมากเหมือน “กระต่าย” แต่ต้อง  “ช้าแต่ชัวร์”

    หุ้นเต่าเองนั้น  ในบางช่วงบางเวลาก็มีการเคลื่อนไหวที่ “เร็ว”  เช่นเดียวกัน  เปรียบไปก็เหมือนกับเต่าที่ว่ายผ่านน้ำ   ความหมายก็คือ  ในบางสถานการณ์ซึ่งรวมถึงภาวะที่อาจจะไม่ดีต่อธุรกิจทั่วไป  หุ้นเต่าอาจจะเติบโตได้เร็วกว่ากิจการอื่นรวมถึง “หุ้นกระต่าย”   ในยามนั้นภาพของการเป็นหุ้นเต่าก็อาจจะหายไป  ผู้คนต่างก็มองว่านี่คือหุ้นที่ “โต”  เป็นหุ้นที่น่าสนใจและคนเข้ามาซื้อขายกันมากมายและไม่ใช่หุ้นที่  “น่าเบื่อ”  อีกต่อไป   ว่าที่จริงถ้าเรามองย้อนหลังไปยาวนานเช่น 10 ปีและหาค่าเฉลี่ยของการเติบโตของหุ้นที่เรียกว่า  “หุ้นเต่า”  ในวันนี้  เราก็อาจจะพบว่ามันก็มีการเติบโตพอสมควรและอาจจะไม่ได้ต่ำกว่า  “หุ้นเติบโต”   หรือหุ้นกระต่ายก็เป็นได้

    เนื่องจากไม่ได้รับความสนใจจากนักลงทุนมานาน  หุ้นเต่าจึงมี Valuation หรือราคาตลาดที่ต่ำถึงต่ำมาก  ค่า PE ของหุ้นเต่ามักจะอยู่ในระดับ 10 เท่าเศษ ๆ   ค่า PB บางทีก็อยู่ในระดับ 1 เท่าเศษ ๆ หรือไม่เกิน 2 เท่าเป็นอย่างมาก  และระดับการปันผลต่อราคาหุ้นที่สูงไม่น้อยกว่า 3-4% ขึ้นไป  บางบริษัทสูงถึง 5-6% ก็มี  นอกจากนั้น  ตัวเลขเหล่านี้มักจะไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้นในปีล่าสุดแต่มักจะเป็นแบบนั้นมานานหลายปี  บางทีก็ถูกเรียกว่าเป็นประเภท  “หุ้นถูกเรื้อรัง”

    หุ้นเต่าเองนั้น  ในยามที่ตลาดหุ้นร้อนแรงและดัชนีหุ้นวิ่งขึ้นไปโดดเด่นอย่างต่อเนื่อง  หุ้นเต่าก็มักจะไม่ไปไหน  คนดูว่าลงทุนในหุ้นเหล่านี้มัก “ได้แต่ปันผล”  ซึ่งช้าและไม่คุ้มเทียบกับการเล่นหุ้นร้อนแรงและวิ่งเป็นกระต่ายไม่ได้  อย่างไรก็ตาม  เมื่อหุ้นกระต่ายวิ่งกันไปไกลมาก  ราคาหุ้นก็แพงมาก  ค่า PE ก็สูงลิ่วและปันผลน้อยนิด  หุ้นหลายตัวที่คนคาดหวังว่าจะมีกำไรเติบโตอย่างก้าวกระโดดซึ่งจะทำให้ค่า PE ลดลงอย่างรวดเร็วนั้น  ปรากฏว่ากำไรที่ทยอยประกาศมาทุกไตรมาศกลับไม่โตอย่างที่คิด  บางบริษัทกำไรลดลงด้วยซ้ำ   ความเชื่อมันของนักลงทุนในหุ้นกระต่ายจึงลดลงและหุ้นถูกขายทำให้ราคาลดลงมาก  ในทางตรงกันข้าม  หุ้นเต่ากลับมีผลประกอบการเติบโตขึ้น  ถึงจะไม่หรูหราแต่มันขยับขึ้นทุกไตรมาศ  ผลก็คือ  นักลงทุนบางกลุ่มเริ่มเข้ามาซื้อหุ้นเพราะเห็นว่ามันถูกมากเมื่อเทียบกับกำไร  บางคนก็คิดว่าแค่รอรับปันผลมันก็คุ้มแล้ว  พวกเขาคิดว่าหุ้นที่มีราคาถูกมากและมีความมั่นคงสูงและเริ่มเห็นว่ามันก็จะโตด้วยนั้น  เป็นหุ้นที่ “ปลอดภัย” ในยามที่ตลาดหุ้นอาจจะตกต่ำลงเนื่องจากภาวะร้อยแปดที่อาจจะเกิดขึ้นได้ทั้งในและต่างประเทศ  ผลก็คือ  หุ้นเต่าหลายตัวก็เริ่ม Perform  หรือเริ่มปรับตัวขึ้น—อย่างช้า ๆ  และมั่นคง

    หุ้นเต่าบางตัวที่มี  Story หรือมีเรื่องราวการขยายงานที่น่าสนใจบางตัวนั้น  กลายเป็น  “หุ้นกระต่าย”  คือราคาวิ่งไปแรงไม่แพ้หุ้น  “เติบโต” ในช่วงนี้  และแม้ว่าการวิ่งขึ้นของหุ้นเต่าก็มักจะไม่แรงขนาดราคาหุ้นปรับตัวเป็นเท่าตัวหรือหลายเท่าตัวเนื่องจากมันมักจะไม่ใช่หุ้นตัวเล็กแต่การปรับขึ้นอย่างเป็นเรื่องเป็นราวก็ถือว่าน่าประทับใจสำหรับคนที่เล่นหุ้นเต่าที่มักเน้นความปลอดภัยสูงและไม่ได้หวังผลตอบแทนมาก   แต่มันก็สูงพอที่จะทำให้ผมเอง “ทึ่ง”  ผมคิดว่าบางทีนี่อาจจะเป็นจุดเริ่มของ  “อหังการของหุ้นเต่า”  และถ้าจะจินตนาการก็คงต้องบอกว่าเวลานี้อาจจะเป็นการแข่งขันที่ทุกคนจะต้อง “วิ่งผ่านน้ำ”  และเป็นทีของเต่าที่จะไปเร็วกว่าคนอื่น  “หุ้นกระต่ายชิดซ้าย  หุ้นเต่ากำลังจะมา”
[/size]



ตอบกลับโพส