โค้ด: เลือกทั้งหมด
บทความ Value Way กรุงเทพธุรกิจ Bizweek ฉบับวันที่ 13 สิงหาคม 2555
โดย ประภาคาร ภราดรภิบาล
มองหุ้นแบบ “นักลงทุน”
“เบนจามิน เกรแฮม” ปรมาจารย์แห่งการลงทุนแบบเน้นคุณค่า กล่าวไว้ว่า การลงทุนที่ชาญฉลาดคือลงทุนเสมือนเข้าร่วมทำธุรกิจ
เคยไหมครับที่คุณรู้สึกชอบสินค้าหรือชอบบริการของบริษัทบางแห่ง แล้วอยากร่วมเป็นหุ้นส่วน หรือพบเห็นกิจการที่ขายดี มีกำไร แล้วอยากมีส่วนเป็นเจ้าของด้วย
ถ้าคุณคิดอย่างนี้ ถือว่ามาถูกทางแล้วสำหรับการเป็น “นักลงทุน” ในตลาดหุ้น เพราะนี่คือทัศนคติที่เป็นพื้นฐานของการลงทุน
“วอร์เรน บัฟเฟตต์” สุดยอดนักลงทุนระดับโลก กล่าวว่า “นักลงทุน” นั้นจะให้ความสนใจกับตัวธุรกิจว่าเป็นอย่างไร ต่างไปจาก “นักเก็งกำไร” ที่จะหมกมุ่นอยู่กับการคาดเดาราคาหุ้นโดยไม่สนใจตัวธุรกิจ คำแนะนำที่ “บัฟเฟตต์” ให้ไว้สำหรับ “นักลงทุน” ก็คือ ควรคิดว่า การซื้อหุ้นคือการร่วมเป็นเจ้าของส่วนหนึ่งของธุรกิจ ไม่ใช่คิดว่าเป็นเจ้าของแผ่นกระดาษที่มีราคาแกว่งขึ้นแกว่งลงทุกวัน
“ในขณะที่ผมซื้อหุ้น ผมจะคิดเหมือนว่าผมกำลังจะซื้อบริษัทนั้นทั้งบริษัท เหมือนกับการที่ผมจะซื้อร้านขายของชำข้างถนนสักร้านหนึ่ง” ดังนั้นทุกครั้งที่ “บัฟเฟตต์” ตัดสินใจจะนำเงินไปลงทุนซื้อหุ้นของบริษัทหรือกิจการใดกิจการหนึ่ง เขาจะพิจารณาอย่างถี่ถ้วนและรอบด้าน กิจการที่เขาอยากเป็นเจ้าของจะต้องเป็นกิจการที่แข็งแกร่ง มีความได้เปรียบในการแข่งขันอย่างยั่งยืน มีผู้บริหารที่ซื่อสัตย์มีความสามารถ และมีราคาที่สมเหตุสมผลในการลงทุน
เซียนหุ้นชื่อดังอย่าง “ปีเตอร์ ลินซ์” ก็มองว่า หุ้นไม่ใช่สลากกินแบ่ง หรือชิปเล่นเกม แต่หุ้นคือความเป็นเจ้าของในบริษัทซึ่งมีคนจริงๆทำงานอยู่
“ลินซ์” เขียนไว้ในหนังสือของเขาว่า “มีบริษัทเชื่อมโยงอยู่กับหุ้นทุกตัว ถ้าบริษัทดำเนินธุรกิจได้แย่กว่าที่เคยหุ้นก็จะตก หากบริษัททำได้ดีขึ้นหุ้นก็จะขึ้น ถ้าคุณเป็นเจ้าของบริษัทดีที่สามารถทำกำไรเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง คุณก็จะได้รับผลดีตามไปด้วย”
ผลดีจากการเป็นเจ้าของบริษัทที่ดีก็คือ ในระหว่างที่ถือหุ้นอยู่ นักลงทุนจะได้รับ “เงินปันผล” ที่จัดสรรจากกำไรในการดำเนินงานของบริษัท และถ้าบริษัทมีการเติบโตและมีความสามารถในการทำกำไรเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง “มูลค่าของหุ้น” ก็มักจะเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆซึ่งจะทำให้นักลงทุนได้ “กำไรจากส่วนต่างของราคาหุ้น” อีกทางหนึ่ง
“ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร” Value Investor แนวหน้าของเมืองไทยก็ย้ำว่าแนวคิด “ซื้อหุ้นเหมือนการลงทุนทำธุรกิจ” เป็น “เข็มทิศการลงทุน” ที่สำคัญที่สุด “เวลาซื้อหุ้น ให้ทำเหมือนกับว่าเรากำลังลงทุนทำธุรกิจหรือเข้าหุ้นทำธุรกิจกับเพื่อน นี่เป็น “เข็มทิศ” ที่สำคัญที่สุด หุ้นไม่ใช่กระดาษแผ่นเล็กๆที่ราคาขึ้นๆลงๆ เบื้องหลังของหุ้นนั้นมีโรงงาน มีสำนักงาน มีร้านค้า มีพนักงาน มียี่ห้อ มีระบบการบริหาร มีลูกค้า และมีสิ่งต่างๆที่จำเป็นในการสร้างมูลค่าเพิ่ม สร้างกำไร และจ่ายปันผลให้เราซึ่งเป็นผู้ถือหุ้น ถ้าเรายึดแนวทางนี้อย่างมั่นคง การลงทุนของเราก็จะ “ไม่หลง” โอกาสผิดพลาดมีน้อย”
จะเห็นได้ว่า ในมุมมองของ “นักลงทุน” ที่ประสบความสำเร็จ หุ้นไม่ได้เป็นแค่สินค้าที่มีราคาผันผวนขึ้นลงให้ซื้อขายเพื่อเก็งกำไรหรือเสี่ยงโชค แต่หุ้นคือส่วนหนึ่งของธุรกิจ และตลาดหุ้นก็คือแหล่งระดมทุนของธุรกิจประเภทต่างๆ
หากไล่เรียงดูรายชื่อของบริษัทต่างๆที่อยู่ในตลาดหุ้น คุณจะพบว่ามีกิจการหลากประเภทหลายอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็นกิจการเสื้อผ้า, อาหาร, เครื่องดื่ม, เครื่องใช้, ค่ายโทรศัพท์มือถือ, โรงแรม, โรงพยาบาล, ธนาคาร-สถาบันการเงิน, ร้านสะดวกซื้อ, ห้างค้าปลีก-ค้าส่ง, บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และอื่นๆอีกมากมายกว่า 500 บริษัทให้เลือกลงทุน
อาจมีกิจการใดกิจการหนึ่งที่สามารถสร้างผลตอบแทนยอดเยี่ยมให้กับ “ผู้ร่วมเป็นเจ้าของกิจการ” อย่างคุณก็ได้ ถ้าลองใช้สายตาของ “นักลงทุน” ค้นหาดูให้ดี
[/size]