โค้ด: เลือกทั้งหมด
กรีซจะขายเกาะเพื่อใช้หนี้?
วิวรรณ ธาราหิรัญโชติ CFPTM
สัปดาห์ที่แล้วมีคนฮือฮากันมาก เมื่อมีข่าวว่าประเทศกรีซกำลังพิจารณาว่าจะขายเกาะบางเกาะที่มี เอาไปใช้หนี้ เพื่อความอยู่รอดของประเทศ
จริงๆแล้วความคิดเรื่องขายเกาะนี้ ถูกนำเสนอผ่านสื่อตั้งแต่เดือน มีนาคม 2553 โดยนักการเมืองฝ่ายขวาของเยอรมนีเป็นผู้เสนอความเห็นเพื่อให้กรีซสามารถดูแลตัวเองได้บางส่วน จะได้ไม่ต้องกู้เงินมากมาย
ทั้งนี้ยังเสนอให้ขายโบราณสถาน และงานศิลปะบางส่วนอีกด้วย
หลังจากนั้นในเดือนมิถุนายน 2553 หนังสือพิมพ์การ์เดียนของอังกฤษ ก็ลงข่าวว่ากรีซซึ่งมีเกาะเล็กเกาะน้อย ที่มีแสงแดดเกือบตลอดทั้งปีประมาณ 6,000 เกาะ กำลังพิจารณาที่จะขายเกาะบางเกาะรัฐไม่สามารถพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานได้ เนื่องจากไม่มีงบประมาณ
ในบรรดา 6,000 กว่าเกาะนั้น มีเพียง 227 เกาะเท่านั้นที่มีคนอาศัยอยู่
การขายหรือให้เช่าระยะยาวเพื่อให้คนมาลงทุนสร้างสาธารณูปโภค สร้างแหล่งท่องเที่ยว ก็จะเกิดการจ้างงาน เกิดรายได้ แก่ประชาชน และนอกจากรัฐจะได้เงินก้อนจากการขายหรือให้เช่าระยะยาวแล้ว รัฐยังสามารถมีรายได้เพิ่มจากการเก็บภาษีอีกด้วย
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีของเยอรมนี และประธานาธิบดีของฝรั่งเศสได้ออกมากล่าวถึงกรีซในช่วงปลายสัปดาห์ที่แล้ว ก่อนที่ทางกลุ่มเจ้าหนี้จะพิจารณาให้เบิกจ่ายเงินกู้แก่กรีซอีกก้อนหนึ่ง โดยทั้งคู่ค่อนข้างระมัดระวังคำพูดที่ใช้มาก
นางอังเกลา แมร์เคล นายกรัฐมนตรีของเยอรมนีกล่าวว่า จะให้ความช่วยเหลือกับกรีซต่อไป และหวังจะเห็นการปฏิรูปเพื่อบรรลุเป้าหมายตามเงื่อนไขของเจ้าหนี้ ส่วนประธานาธิบดีออลองด์ ของฝรั่งเศส ก็กล่าวว่า เรา..ข้าพเจ้า อยากให้กรีซอยู่ในยูโรโซน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับว่ากรีซจะพยายามทำในสิ่งที่จำเป็นเพื่อให้ได้ตามเป้าหมายหรือไม่
หากพิจารณาลึกๆจะเห็นว่า การอยากให้กรีซอยู่ร่วมยูโรโซนต่อไป ไม่ได้เชิญให้อยู่อย่างสบายๆ แต่ต้องปฏิบัติตามกฎเหล็กอยู่ ต้องไปลดค่าใช้จ่าย ปฏิรูปต่างๆมากมาย ซึ่งแน่นอนว่า ต้องถูกประชาชนในประเทศต่อต้าน ประท้วง แน่นอน
กลับมาเรื่องการขายเกาะต่อค่ะ คาดว่าผู้สนใจซื้อน่าจะมาจากจีน หรือรัสเซีย เนื่องจากมีเงิน และมีกลุ่มประชากรที่มีรายได้สูงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และกลุ่มเหล่านี้นิยมไปท่องเที่ยวเมืองตากอากาศในแถบเมดิเตอร์เรเนียน
ถ้ามาอยู่แถวๆเอเชีย สิงคโปร์ อาจจะสนใจซื้อ เพราะสิงคโปร์ถมทะเลเพิ่มพื้นที่ออกไปเรื่อยๆ เพื่อรองรับการขยายตัวของเมือง และโครงการใหม่ๆ แต่ก็ไม่แน่นะคะ แม้จะอยู่ไกล สิงคโปร์ก็อาจจะสนใจซื้อก็ได้ ถือเป็นการลงทุนระยะยาวอย่างหนึ่ง
พูดถึงเศรษฐีของจีน สถาบันวิจัยหูหรัน หรือเรียกกันว่า Forbes ของจีน เพิ่งมีการแถลงเกี่ยวกับงานวิจัยเมื่อเร็วๆนี้ว่า ในปี 2554 ที่ผ่านมา จำนวนอภิมหาเศรษฐีในจีน ที่มีเงินลงทุนในสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องมากกว่า 10 ล้านหยวน (ประมาณ 50 ล้านบาท) เพิ่มขึ้นเป็น 1.02 ล้านคนแล้ว โดยเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 6.3%
ส่วนผู้ที่มีความมั่งคั่งมากกว่า 1,000 ล้านหยวน (ประมาณ 5,000 ล้านบาท) ก็เพิ่มขึ้นเป็น 63,500 คน โดยเพิ่มขึ้น 5.8% จากปี 2553 ก็คิดว่าผู้คนเหล่านี้อาจจะสนใจไปซื้อหาบ้านพักตากอากาศในกรีซ หรืออย่างน้อย ไปท่องเที่ยวและพักในโรงแรมในกรีซบ้าง ดังนั้นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในจีนก็อาจจะสนใจที่จะไปเช่าหรือซื้อเกาะที่กรีซจะขายออกมา
เพราะจากการสำรวจพบอีกว่า 60%ของผู้มีความมั่งคั่งสูงเหล่านี้ วางแผนจะโยกย้ายไปอยู่ต่างประเทศ และ 85% จะส่งลูกไปเรียนต่างประเทศทั้งในช่วงก่อนมัธยมและช่วงมัธยม โดยสามประเทศยอดฮิตที่จะไปเรียนคือประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลักคือ สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร และแคนาดาค่ะ
แต่วิกฤติยูโรโซนก็ทำให้ประเทศต่างๆในเอเชีย รวมถึงไทยและจีนกระเทือนเหมือนกันค่ะ ผู้มีความมั่งคั่งสูงเหล่านี้ มีเพียง 28%เท่านั้นที่มีความมั่นใจในความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจในประเทศจีน ลดลงไปจากปีก่อนถึงครึ่งหนึ่ง
และล่าสุด ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคอุตสาหกรรมของจีนที่ประกาศของเดือนสิงหาคม ตกลงไป 47.8 จากระดับ 49.5 ในเดือนกรกฎาคม จึงอาจทำให้ความมั่นในใจเศรษฐกิจของประเทศจีนลดน้อยถอยลงไปบ้างค่ะ
เห็นประเทศต้องขายสมบัติเอาเงินมาเลี้ยงตัวเองแล้ว ดูก็ไม่แตกต่างไปจากคนเรามากนัก ถ้าเราบริหารจัดการการใช้จ่ายของเราไม่ดี ใช้เงินเกินตัว เราก็ต้องกู้ยืมเงินมาใช้จ่าย และเมื่อถึงวันหนึ่งที่หนี้เราพอกพูนขึ้น แถมรายได้ยังลดลง เราก็อาจจะต้องถึงกับขายสินทรัพย์ที่มี เพื่อเอาเงินมาลดหนี้ลงไปบ้าง เพราะหนี้พอกมากๆก็ล้มละลายได้ค่ะ
นายกรัฐมนตรีกรีซ ท่าทางจะเอาจริง เพราะได้ออกมากล่าวเสริมว่า การออกจากยูโร ยิ่งจะทำให้สถานการณ์เลวร้าย เพราะตอนนี้มาตรฐานความเป็นอยู่ของคนกรีซก็ลดลงไปแล้ว 35% ถ้าต้องออกจากยูโร เชื่อว่ามาตรฐานจะลดลงไปถึง 70% เลยทีเดียว
การที่กรีซจะนำเกาะมาขายหรือให้เช่าระยะยาวจึงเป็นไปได้มากทีเดียว และเมื่อกรีซทำ ประเทศเจ้าหนี้ ก็อาจจะขอให้ สเปนและอิตาลี ซึ่งมีสมบัติอยู่มากพอสมควร พิจารณานำออกมาขายบ้าง ตามที่ดิฉันเคยเขียนไปแล้วว่า อิตาลียังมีรัฐวิสาหกิจที่สามารถแปรรูปได้อีกมากมาย และสเปนก็มีโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่สร้างไม่เสร็จอีกมากต้องหยุดชะงักไปหลังวิกฤติแฮมเบอร์เกอร์ สถาบันการเงินอาจจะยึดแล้วนำมาขายต่อให้คนต่างชาติได้ค่ะ หากไม่ติดเรื่องกฎเกณฑ์ในการถือครอง
ท่านผู้อ่านที่มีเงินก็อาจจะสนใจที่จะเตรียมเอาไว้ไปประมูลซื้อที่และบ้านในยุโรปได้ค่ะ แล้วอย่าลืมชวนดิฉันไปพักบ้างนะคะ