หุ้นโมนาลิซ่า/คนขายของ

บทความต่างๆที่ตีพิมพ์ใน ThaiVI คุณสามารถแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม
ตอบกลับโพส
Thai VI Article
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
กระทู้: 1243
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ก.ค. 11, 2012 10:42 pm

หุ้นโมนาลิซ่า/คนขายของ

โพสต์ โดย Thai VI Article » พุธ ส.ค. 29, 2012 9:33 am

โค้ด: เลือกทั้งหมด

หุ้นโมนาลิซ่า โดย คนขายของ

“โมนาลิซ่า”  เป็นรูปวาดของสตรีนางหนึ่ง  สร้างสรรค์โดยจิตรกรชั้นเอก ลีโอนาโด ดาวินชี เมื่อห้าร้อยกว่าปีมาแล้ว จากการหาข้อมูลในอินเตอร์เนตพบว่า มูลค่าของภาพโมนาลิซ่า นั้นเขาใช้คำว่า “Priceless” หรือแปลเป็นไทยว่า “ประเมินค่ามิได้”

ในปี 1964 ทางพิพิธภัณฑ์ลูฟของฝรั่งเศสได้ทำการประกันภัยภาพวาดนี้เนื่องจากต้องนำภาพไปแสดงที่อเมริกา เป็นวงเงินมูลค่า 100 ล้านเหรียญสหรัฐในสมัยนั้น หากคิดเป็นเงินในตอนนี้ก็ตกประมาณ 768 ล้านเหรียญ ซึ่งก็ประมาณ 23,808 ล้านบาท ให้เห็นภาพชัดขึ้นก็คือ รูปหนึ่งรูป แลกกับนิคมเหมราชได้ทั้งบริษัท รูปวาดของจิตกรที่มีชื่อเสียงนั้นเป็นที่ต้องการอย่างมากของตลาด เพราะมีคุณค่าทางศิลปะ มีชิ้นเดียวในโลก และทำใหม่ขึ้นมาไม่ได้อีกแล้ว ปัญหาก็คือ ถ้าบังเอิญเมื่อห้าร้อยปีที่แล้วมีคนเอารูปโมนาลิซ่ามาให้เรา เราจะมองออกไหมว่า รูปวาดนั้นในกาลต่อมาจะมีมูลค่ามากกว่า ผึนผ้าใบ และ สีน้ำมันที่ลีโอนาโดใช้ไม่รู้กี่แสนกี่ล้านเท่า เราจะพอมีสิ่งที่เรียกว่า “ความซาบซึ้งทางศิลปะ” เพื่อที่จะรักษารูปนี้จนถึงลูกถึงหลานไหม

ในเรื่องของการลงทุนในหุ้น หลายคนพบกับอาการที่เรียกว่า “ขายหุ้นไปก่อนวัยอันควร” หรือเรียกกันเล่นๆว่า “ขายหมู” อยู่บ่อยๆ ทั้งนี้เป็นไปได้หรือไม่ว่า ที่เราขายหมูนั้นเพราะปัญหาของเราก็คือ เราขาดสิ่งที่คล้ายๆกับ……..“ความซาบซึ้งเชิงธุรกิจ”? การมองดูแต่ตัวเลขผลต่างของราคาซื้อขายอย่างเดียว อาจบดบังมูลค่าที่ยิ่งใหญ่ซึ่งมากกว่าอิฐหินปูนทรายที่ใช้สร้างโรงงานมากกว่าหม้อกะทะต้นหอมผักชีที่ใช้ในร้านอาหารเรื่องนี้ทำให้ผมนึกถึงเรื่องเมื่อนานมาแล้ว ผมแนะนำเพื่อนผมคนหนึ่งให้ซื้อหุ้นของกิจการค้าปลีกสมัยใหม่ตัวหนึ่งที่ราคาสี่บาท รอไม่นานหุ้นก็ขึ้นมาห้าบาท เพื่อนผมขายทันที ทำกำไรไปกว่า 25% แต่ถ้าหากเขาถือต่อมาเรื่อยๆถึงตอนนี้เขาก็น่าจะได้กำไรเกิน 15 เท่า 

อ่่านมาถึงตอนนี้หลายคนคงมีคำถามว่า แล้ว “ความซาบซึ้งเชิงธุรกิจ” มันต้องดูอะไรบ้าง? แบบไหนถึงเรียกว่าสวยงาม? แบบไหนที่เรียกว่าพิมพ์นิยม? ถ้าตอบรวมๆแบบง่ายก็คือ ให้ดูกิจการที่สร้างขึ้นใหม่ได้ยาก และ ไม่สามารถทำเลียนแบบได้ง่ายๆ เช่น ถ้าตอนนี้มีคนเอาเงิน แสนห้าหมื่นล้านมากองให้ ให้สร้างโรงพยาบาลทั่วประเทศไทย มีเครือข่ายในทุกภาค มีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับในต่างประเทศ ภายในสามปี  ผมเชื่อว่าไม่มีใครทำได้ ถึงจะสร้างตึกได้ ซื้อเครื่องมือได้ แต่จะหาหมอที่มีฝีมือมาจากไหน จะหาผู้บริหารโรงพยาบาลที่มีประสบการณ์ และไว้ใจได้มาได้อย่างไร ชื่อเสียงกว่าจะเป็นที่ยอมรับในต่างประเทศกว่าจะสร้างได้ ต้องใช้เวลาขนาดไหน….อย่างนี้ละครับผมว่าสวยงาม 

อีกกิจการเป็นร้านสุกี้ที่เปิดเพลงแล้วมีพนักงานมาเต้นๆ และ คอยเติมน้ำชา น้ำจิ้มให้โดยที่แทบไม่ต้องเรียก มีสาขามากมายทั่วประเทศ อาหารดูดี ร้านดูสะอาดสะอ้าน ราคาย่อมเยา ผู้บริหารมีธรรมาภิบาลสูงมาก ธุรกิจอย่างนี้ผมว่าสวยงาม ถ้าใครเคยทำร้านอาหารจะรู้ดึว่ามันยากแค่ไหนที่จะทำให้พนักงานทุกคนบริการลูกค้าด้วยใจ บริหารสาขาเดียวก็ปวดหัวแย่แล้ว จะทำอย่างไรถ้าต้องบริหาร 400 สาขา

แต่การเข้าซื้อหุ้นในกิจการเหล่านี้ ถ้าจะให้ได้ผลตอบแทนที่ดีเราไม่ควรซื้อตอนที่ตลาดให้ความนิยมไปมากแล้ว นักลงทุนที่ดีควรมีจินตนาการเห็นในสิ่งที่ตลาดยังไม่เห็น ระยะเวลาที่ดีในการลงทุนก็คือเวลาที่บริษัทที่สวยงามเหล่านั้นยังเป็นดักแด้อยู่ และกำลังกลายเป็นผีเสื้อในไม่ช้า เพราะราคาที่เราได้จะเป็นราคาที่มี margin of safety พอสมควร ในกรณีที่มีอุบัติเหตุกับดักแด้เราจะยังพอกลับตัวทัน ส่วนเราจะรู้ได้อย่างไรว่าดักแด้ตัวนี้กำลังจะเปลี่ยนไปเป็นผีเสื้อ มีอะไรที่เราพอสังเกตุได้บ้าง ไว้มาต่อกันในบทความต่อไปนะครับ
[/size]



ตอบกลับโพส