ค่าขวดเมื่อเปลี่ยนมาเป็นแบบ Cold Aseptic Fill แล้วจะประหยัดได้ 1.8 บาท ต่อขวดครับ ค่าขวดสำหรับแบบ Hot Fill แบบเก่าที่ใช้เนื้อพลาสติกมากกว่าอยู่ที่ขวดละ 3 บาท SOURCE:1Q12 Opportunity Daybirthboro เขียน:thekiller เขียน:ครับ ตอนแรกคิดว่า ชาเขียว รายย่อย รายเล็กน่าจะสูญพันธ์ไปจากการแข่งขันที่รุนแรงไปแล้ว โออิชิ คงได้เปรียบเชิงการแข่งขันที่ยั่งยืนlex999 เขียน:ยูนิฟ ก็เห็นกลับมาขายราคา 12 บาทเอง รสชาติอร่อยด้วย ผมซื้อกินด้วยครับหอมกลิ่นผลไม้
แต่ตอนนี้ การแข่งขันรอบใหม่ เหมือนจะเพิ่งเริ่มครับ ที่สำคัญ รายเดิมและรายใหม่ เหมือนจะทำได้ดี ทั้งรสชาติ กลิ่น เพ็คเกจ
มาร์จิ้นคงโดนบีบหละครับหากไม่มีอะไรโดดเด่นจริงๆ
ในส่วนชาเขียวต้องมองว่าใครมีความได้เปรียบในการแข่งขันบ้างครับ เพราะจริงๆแล้ว
ใครก็เข้ามาได้ สำหรับโออิชิผมมองว่ามีข้อได้เปรียบดังนี้
1. คนชินที่จะหยิบโออิชิ ทั้งรสชาติ และความคุ้นเคย และ branding
2. เป็นเจ้าตลาดอยู่ทำให้ ได้เปรียบในส่วน economic of scale
3. ทุนหนา และกล้าทุ่มโฆษณา เพราะมั่นใจว่ามียอดขายตุนอยู่ในมืออย่างไรก็ไม่เข้าเนื้อ
และกล้าทำในสิ่งที่คนอื่นไม่ทำ เช่น นำ onepiece มาลงในกล่อง
4. มีการจัดส่งที่ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีบริษัทอย่างเสริมสุขมาร่วมทีม
5. มีพันธมิตร อย่าง BJC ทำให้ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆง่าย เช่น แบบกระป๋อง หรือ โอโนริ
6. พันธมิตรอย่างช้าง ช่วยในเรื่องการตลาดในต่างแดน....(ไปบุกเบิกไว้ก่อนแล้ว)
7. ต้นทุนต่ำ เช่นมีนวัตกรรม cold fill ทำให้ลดต้นทุนค่า package ได้(รู้สึกว่าขวดละ 3 บาท) เลยทีเดียว
8. เป็นองค์กรที่ไม่หยุดนิ่ง คิดผลิตภัณฑ์ใหม่ๆและ พัฒนาตัวเองอยู่ตลอด
9. ประสบการณ์ที่ทำชาเขียวมานานและก่อนใคร...
สรุปก็คือ ฐานที่มั่นที่เขามีอยู่แล้วยากที่คนอื่นจะเข้ามาตี เข้ามาก็ได้แต่ก็เจ็บครับ จะเจ็บทั้งคู่หรือ เจ็บกลับไปก็อีกเรื่องหนึ่ง ถ้าเข้ามาด้วยเรื่องราคา ผมว่าโออิชิพร้อมชนอยู่แล้วครับ
ล้มช้าง(ไทยเบฟ) ล้มได้แต่ไม่ง่ายนะครับ
แค่อีก 1 ความเห็นนะครับ
OISHI
Re: OISHI
อดทนไว้ กำไรยั่งยืน
Re: OISHI
โออิชิเป็นคนเริ่มก่อนเพราะโรงงานที่นวนครเปิดเมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว เท่าที่ทราบโรงงานอิชิตันที่โรจนะใช้ Cold Fill เหมือนกันครับแต่ตามหมายกำหนดการเดิมโรงงานคุณตันเปิดหลังโออิชิซักสามเดือนได้cccc เขียน:อิชิตันใช้เทคโนโลยีcold fill รึป่าวครับหรือโออิชิเป็นเจ้าแรกที่นำเข้ามาใช้ในการผลิตขวดครับ
ตอนนี้เท่าที่ผมสังเกตุข้างขวดของอิชิตัน มีเพียงรสน้ำผึ้งผสมมะนาวเท่านั้นที่ผลิตที่โรจนะ รสอื่นยังจ้าง UNIF PRESIDENT กับ European Food ผลิตให้อยู่ ซึ่งโรงงานทั้งสองไม่น่าจะเป็น Cold Fill เพราะใช้ line เดิมผลิต cold aseptic มีค่าเครื่องจักรที่แพงกว่า ด้วย Volume ของทั้งสอง OEM ไม่น่าจะลงทุนได้ น่าจะใช้ Line เก่า ดังนั้นต้นทุนของ อิชิตัน ที่ไป outsource เขามาก็ต้องสูงตามไปด้วย
ถ้าใครเห็นว่า อิชิตันรสอื่นผลิตที่โรจนะแล้วรบกวนช่วย update ด้วยครับ
อดทนไว้ กำไรยั่งยืน
Re: OISHI
เครดิตหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจครับ
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจฉบับที่ 2,747 วันที่ 10-13 มิถุนายน พ.ศ. 2555
เอกซเรย์กำลังซื้อครึ่งปีแรกผ่านฉลุย "โออิชิ" ปลื้มยอดขาย-ลูกค้าโตเกินคาด เร่งขยายสาขา อัดโปรโมชันกระตุ้นต่อ มั่นใจการเมืองเดือดไม่กระทบ
ปัจจัยบวกและลบที่เกิดขึ้นตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท , ค่าน้ำมัน , ค่าครองชีพที่พุ่งสูงขึ้น ฯลฯ ส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อของผู้บริโภคอย่างเห็นได้ชัด ทำให้ผู้ประกอบการต่างปรับนโยบายการดำเนินธุรกิจให้สอดรับกับกำลังซื้อ ซึ่งแนวทางดังกล่าวจะสามารถกระตุ้นได้มากน้อยเพียงใด และในครึ่งปีหลังที่กำลังจะมาถึงสถานการณ์กำลังซื้อจะเป็นอย่างไรนั้น
นายไพศาล อ่าวสถาพร รองกรรมการผู้จัดการ สายงานธุรกิจอาหาร บริษัท โออิชิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารร้านอาหารญี่ปุ่นสไตล์บุฟเฟ่ต์โออิชิ แกรนด์ , ชาบูชิ , โออิชิราเมน ฯลฯ กล่าวกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า กำลังซื้อผู้บริโภคในช่วงที่ผ่านมายังคงขยายตัวได้ดี แม้จะมีปัญหาทางการเมืองเกิดขึ้น ทำให้ครึ่งปีหลังบริษัทยังเดินหน้าจัดกิจกรรมทางการตลาดกระตุ้นยอดขายให้เติบโตต่อเนื่อง โดยจะใช้งบการตลาดราว 100 ล้านบาท เพื่อจัดโปรโมชันในร้านอาหารสาขาต่างๆ ของเครือ อาทิ มา 4 จ่าย 3 ท่าน ที่ร้านนิกุยะบุฟเฟ่ต์, ลดราคา 10-20% เป็นต้น เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย
สำหรับภาพรวมยอดขายและการเข้าใช้บริการของลูกค้าก็มีการเติบโตปกติ สะท้อนว่าผู้บริโภคเริ่มเข้าใจสถานการณ์และปรับตัวรับกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ เพราะจากช่วงที่ผ่านมาจะเกิดปัญหาทางการเมืองและชุมนุมบ้าง แต่ยอดขายของร้านอาหาร อาทิ ชาบูชิ โออิชิบุฟเฟ่ต์ เป็นต้น ยังเติบโตได้ประมาณ 15-20% โดยบางสาขาเติบโต 17-18% ขณะที่จำนวนลูกค้าเข้ามาใช้บริการเติบโตขึ้น 15%
ทั้งนี้ ครึ่งปีหลังบริษัทไม่มีการปรับแผนธุรกิจแต่อย่างใด โดยมุ่งเดินหน้าลงทุนขยายสาขาร้านอาหารเพิ่มอีก 41 สาขา จากครึ่งปีแรกเปิดไปแล้ว 19 สาขา เพื่อให้เป็นไปตามแผนทั้งปีที่ตั้งไว้จะเปิดสาขาทั้งสิ้น 60 สาขา สูงสุดในรอบ 13 ปีที่ดำเนินธุรกิจร้านอาหารมา โดยสาขาใหม่ที่เปิดจะมีการกระจายความเสี่ยงไปยังต่างจังหวัดมากขึ้นในสัดส่วนใกล้เคียงกัน เพราะต้องยอมรับว่าที่ผ่านมาเมื่อเกิดเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมืองส่งผลกระทบต่อยอดขายของธุรกิจร้านอาหารที่ตั้งอยู่ภายในศูนย์การค้าย่านใจกลางธุรกิจ(ซีบีดี)อาทิ สยามดิสคัฟเวอรี่, สยามเซ็นเตอร์, ดิจิตอลเกตเวย์, เอ็มบีเค และเซ็นทรัลเวิลด์ให้ลดลงประมาณ 5%
"กำลังซื้อผู้บริโภคถือว่ายังดี เนื่องจากโออิชิเป็นร้านอาหารแบบบุฟเฟ่ต์ มีการกำหนดยอดการใช้จ่ายต่อคนอยู่แล้ว แต่ที่เพิ่มขึ้นคือจำนวนลูกค้าที่ใช้บริการถี่ขึ้น แม้ที่ผ่านมาจะมีเหตุการณ์ทางการเมืองเกิดขึ้น แต่บริษัทคาดว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจร้านอาหารมากนัก ส่วนหนึ่งเพราะผู้บริโภคมีความเคยชินกับสถานการณ์และปรับตัวได้ และหากมีการชุมนุมทางการเมืองเคลื่อนมายังย่านใจกลางธุรกิจ ผู้บริโภคก็ปรับตัวด้วยการหันไปใช้บริการในสาขาอื่นแทน ซึ่งยอดขายก็จะโตในสาขานั้นๆ ประมาณ 3-4% ทดแทนส่วนที่หายไปได้" นายไพศาล กล่าวและว่า
บริษัทยังทุ่มใช้งบประมาณอีก 50 ล้านบาท เพื่อจัดกิจกรรมและโปรโมชันต่างๆสำหรับธุรกิจใหม่อย่างสแน็ก ประเภทสาหร่ายแบรนด์โอโนริเพื่อรุกตลาดในช่วงครึ่งปีหลังด้วย รวมทั้งการบุกตลาดอาหารแช่แข็งเพิ่มเติมด้วย ซึ่งจากทิศทางกำลังซื้อที่ขยายตัวได้ดีและแผนตลาดดังกล่าวคาดว่าจะส่งผลให้ยอดขายทั้งปีเป็นไปตามเป้าที่วางไว้ 5,200 ล้านบาท เติบโต 28%
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจฉบับที่ 2,747 วันที่ 10-13 มิถุนายน พ.ศ. 2555
เอกซเรย์กำลังซื้อครึ่งปีแรกผ่านฉลุย "โออิชิ" ปลื้มยอดขาย-ลูกค้าโตเกินคาด เร่งขยายสาขา อัดโปรโมชันกระตุ้นต่อ มั่นใจการเมืองเดือดไม่กระทบ
ปัจจัยบวกและลบที่เกิดขึ้นตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท , ค่าน้ำมัน , ค่าครองชีพที่พุ่งสูงขึ้น ฯลฯ ส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อของผู้บริโภคอย่างเห็นได้ชัด ทำให้ผู้ประกอบการต่างปรับนโยบายการดำเนินธุรกิจให้สอดรับกับกำลังซื้อ ซึ่งแนวทางดังกล่าวจะสามารถกระตุ้นได้มากน้อยเพียงใด และในครึ่งปีหลังที่กำลังจะมาถึงสถานการณ์กำลังซื้อจะเป็นอย่างไรนั้น
นายไพศาล อ่าวสถาพร รองกรรมการผู้จัดการ สายงานธุรกิจอาหาร บริษัท โออิชิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารร้านอาหารญี่ปุ่นสไตล์บุฟเฟ่ต์โออิชิ แกรนด์ , ชาบูชิ , โออิชิราเมน ฯลฯ กล่าวกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า กำลังซื้อผู้บริโภคในช่วงที่ผ่านมายังคงขยายตัวได้ดี แม้จะมีปัญหาทางการเมืองเกิดขึ้น ทำให้ครึ่งปีหลังบริษัทยังเดินหน้าจัดกิจกรรมทางการตลาดกระตุ้นยอดขายให้เติบโตต่อเนื่อง โดยจะใช้งบการตลาดราว 100 ล้านบาท เพื่อจัดโปรโมชันในร้านอาหารสาขาต่างๆ ของเครือ อาทิ มา 4 จ่าย 3 ท่าน ที่ร้านนิกุยะบุฟเฟ่ต์, ลดราคา 10-20% เป็นต้น เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย
สำหรับภาพรวมยอดขายและการเข้าใช้บริการของลูกค้าก็มีการเติบโตปกติ สะท้อนว่าผู้บริโภคเริ่มเข้าใจสถานการณ์และปรับตัวรับกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ เพราะจากช่วงที่ผ่านมาจะเกิดปัญหาทางการเมืองและชุมนุมบ้าง แต่ยอดขายของร้านอาหาร อาทิ ชาบูชิ โออิชิบุฟเฟ่ต์ เป็นต้น ยังเติบโตได้ประมาณ 15-20% โดยบางสาขาเติบโต 17-18% ขณะที่จำนวนลูกค้าเข้ามาใช้บริการเติบโตขึ้น 15%
ทั้งนี้ ครึ่งปีหลังบริษัทไม่มีการปรับแผนธุรกิจแต่อย่างใด โดยมุ่งเดินหน้าลงทุนขยายสาขาร้านอาหารเพิ่มอีก 41 สาขา จากครึ่งปีแรกเปิดไปแล้ว 19 สาขา เพื่อให้เป็นไปตามแผนทั้งปีที่ตั้งไว้จะเปิดสาขาทั้งสิ้น 60 สาขา สูงสุดในรอบ 13 ปีที่ดำเนินธุรกิจร้านอาหารมา โดยสาขาใหม่ที่เปิดจะมีการกระจายความเสี่ยงไปยังต่างจังหวัดมากขึ้นในสัดส่วนใกล้เคียงกัน เพราะต้องยอมรับว่าที่ผ่านมาเมื่อเกิดเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมืองส่งผลกระทบต่อยอดขายของธุรกิจร้านอาหารที่ตั้งอยู่ภายในศูนย์การค้าย่านใจกลางธุรกิจ(ซีบีดี)อาทิ สยามดิสคัฟเวอรี่, สยามเซ็นเตอร์, ดิจิตอลเกตเวย์, เอ็มบีเค และเซ็นทรัลเวิลด์ให้ลดลงประมาณ 5%
"กำลังซื้อผู้บริโภคถือว่ายังดี เนื่องจากโออิชิเป็นร้านอาหารแบบบุฟเฟ่ต์ มีการกำหนดยอดการใช้จ่ายต่อคนอยู่แล้ว แต่ที่เพิ่มขึ้นคือจำนวนลูกค้าที่ใช้บริการถี่ขึ้น แม้ที่ผ่านมาจะมีเหตุการณ์ทางการเมืองเกิดขึ้น แต่บริษัทคาดว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจร้านอาหารมากนัก ส่วนหนึ่งเพราะผู้บริโภคมีความเคยชินกับสถานการณ์และปรับตัวได้ และหากมีการชุมนุมทางการเมืองเคลื่อนมายังย่านใจกลางธุรกิจ ผู้บริโภคก็ปรับตัวด้วยการหันไปใช้บริการในสาขาอื่นแทน ซึ่งยอดขายก็จะโตในสาขานั้นๆ ประมาณ 3-4% ทดแทนส่วนที่หายไปได้" นายไพศาล กล่าวและว่า
บริษัทยังทุ่มใช้งบประมาณอีก 50 ล้านบาท เพื่อจัดกิจกรรมและโปรโมชันต่างๆสำหรับธุรกิจใหม่อย่างสแน็ก ประเภทสาหร่ายแบรนด์โอโนริเพื่อรุกตลาดในช่วงครึ่งปีหลังด้วย รวมทั้งการบุกตลาดอาหารแช่แข็งเพิ่มเติมด้วย ซึ่งจากทิศทางกำลังซื้อที่ขยายตัวได้ดีและแผนตลาดดังกล่าวคาดว่าจะส่งผลให้ยอดขายทั้งปีเป็นไปตามเป้าที่วางไว้ 5,200 ล้านบาท เติบโต 28%
อดทนไว้ กำไรยั่งยืน
Re: OISHI
วันนี้เห็นแล้วครับ วางขายอยู่ที่ Gourmet Market ของ พารากอนMy House เขียน:เห็นในแฟนเฟจของ oishi (oishi news station) บอกว่า amino plus beauty มีวางขายแล้ว มีใครเห็นบ้างยังครับ
อดทนไว้ กำไรยั่งยืน
Re: OISHI
เริ่มกันอีกครั้งวันนี้ครับถึง ประมาณ 25 กรกฎา หลังจากจากออกโปรแลกซื้อไปเมื่อเดือนเมษา วันนี้เป็นวันแลกของการกลับมา
ซื้อของใน 7-11 ครบ 40 บาทแลกซื้อโออิชิได้สองขวด 25 บาท รวมทั้งยังซื้อเกี้ยวซ่าได้ในราคา 25 บาทจากเดิม 29 บาท
ซื้อของใน 7-11 ครบ 40 บาทแลกซื้อโออิชิได้สองขวด 25 บาท รวมทั้งยังซื้อเกี้ยวซ่าได้ในราคา 25 บาทจากเดิม 29 บาท
อดทนไว้ กำไรยั่งยืน
- Linzhichange
- User
- กระทู้: 1160
- ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ก.ค. 10, 2005 9:21 pm
Re: OISHI
โออิชิส่งสัญญาณกลับไปว่าอย่าแข่งราคาเลย
โปรนี้ได้ผลแรงมาก เดือนที่ผ่านมาอิชิตันก็มียอดขายดีขึ้นมากตามช่องทางซาลาเปานี้
เห็นของที่โลตัสขาดช่วงสองสามวันนี้ สงสัยถูกดึงเข้่าช่องทางซาลาเปา
การเล่นสงครามแรงแบบนี้ ก็คงจะไปจนกว่าอิชิตันจะเลิกแข่งราคา โออิชิควรจะส่งสัญญาณกลับไปแบบนี้ทุกครั้ง
ทั้งคู่จะได้ออกจากเกมส์นักโทษซะที
แต่โปรนี้คิดอีกทีก็มีผลดีต่อตลาดชาเขียว อยากกินขวดเดียวแต่ต้องซื้อสองขวดตลอด น้ำอื่นๆขายได้น้อยลงมาก
โปรนี้ได้ผลแรงมาก เดือนที่ผ่านมาอิชิตันก็มียอดขายดีขึ้นมากตามช่องทางซาลาเปานี้
เห็นของที่โลตัสขาดช่วงสองสามวันนี้ สงสัยถูกดึงเข้่าช่องทางซาลาเปา
การเล่นสงครามแรงแบบนี้ ก็คงจะไปจนกว่าอิชิตันจะเลิกแข่งราคา โออิชิควรจะส่งสัญญาณกลับไปแบบนี้ทุกครั้ง
ทั้งคู่จะได้ออกจากเกมส์นักโทษซะที
แต่โปรนี้คิดอีกทีก็มีผลดีต่อตลาดชาเขียว อยากกินขวดเดียวแต่ต้องซื้อสองขวดตลอด น้ำอื่นๆขายได้น้อยลงมาก
ก้าวช้า ๆ และเชื่อในปาฎิหารย์ของหุ้นเปลี่ยนชีวิต
There is no secret ingredient. It's just you.
There is no secret ingredient. It's just you.
Re: OISHI
โดยทางบริษัทได้ลงทุนกว่า 70 ล้านบาทสำหรับงานนี้ SOURCE:กรุงเทพธุรกิจ 2 กรกฎาคม 2555
อดทนไว้ กำไรยั่งยืน
Re: OISHI
SOURCE: http://www.manager.co.th/Business/ViewN ... 0000081031
“โออิชิ”ทุ่มงบตลาด80ล. ปรับใหญ่”อะมิโนพลัส”
โออิชิ กรุ๊ป ทุ่ม 80 ล้านบาท ปรับโฉมครั้งใหญ่เครื่องดื่ม “อะมิโน พลัส” คว้า “อั้ม พัชราภา” ตัวแทนของผู้หญิงยุคใหม่ เป็นพรีเซ็นเตอร์ ลุยศึก 5.5 พันล้านบาท
นายอนิรุทธิ์ มหธร รองกรรมการผู้จัดการ สายงานธุรกิจเครื่องดื่ม บริษัท โออิชิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า โออิชิได้ทำการปรับโฉม อะมิโน พลัส ให้มีภาพลักษณ์สวยงามยิ่งขึ้น เราได้ปรับรูปทรงบรรจุภัณฑ์ให้เพรียวขึ้น และมีการสื่อสารที่ชัดเจน ด้วยฉลากที่บอกประโยชน์ที่จะได้รับจากการดื่ม โดยโออิชิได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ในกลุ่มนี้ขึ้น เพื่อตอบรับกับเทรนด์และกระแสของผู้บริโภคที่หันมาสนใจสินค้าเพื่อสุขภาพ ซึ่งเป็นเหตุผลที่ทำให้เครื่องดื่มฟังก์ชั่นนัลในปัจจุบันเติบโต และเป็นที่รู้จักในกลุ่มคนทั่วไปมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในเอเชีย โดยในแต่ละปีจะมีการแนะนำสารอาหารใหม่ๆ เข้าสู่ตลาดเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย
การปรับโฉมเครื่องดื่ม “อะมิโน พลัส” ในครั้งนี้ โออิชิได้เลือก “อั้ม พัชราภา ไชยเชื้อ” นักแสดงแถวหน้า ที่ถือเป็นไอดอลของสาวไทยในเรื่องความสวยเป็นพรีเซ็นเตอร์ โดย “อั้ม พัชราภา” โดยจะช่วยสะท้อนภาพลักษณ์ใหม่ของ อะมิโน พลัส และสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายหลัก ซึ่งมีอายุระหว่าง 22–25 ปี ที่เป็นนักศึกษา และพนักงานออฟฟิศที่ใส่ใจในสุขภาพและความสวยได้เป็นอย่างดี
ด้านนายสุธี ธรรมสิทธิ์บูรณ์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด สายงานธุรกิจเครื่องดื่ม บริษัท โออิชิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การปรับโฉมผลิตภัณฑ์ในครั้งนี้ เราได้วางแคมเปญสื่อสารการตลาดไว้อย่างครบวงจร ทั้งส่วนที่เป็น Above the line และ Below the line การสร้างการรับรู้ผลิตภัณฑ์ และภาพลักษณ์ใหม่ที่สะท้อนความสวยแบบสุขภาพดี ผ่านพรีเซ็นเตอร์ อย่างเต็มรูปแบบ
นอกจากนั้นแล้ว ยังเน้นการทำกิจกรรมออนไลน์ผ่านโซเชียลเน็ตเวิร์ก ซึ่งเป็นสื่อได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบันของกลุ่มเป้าหมาย โดยการสนับสนุนให้เกิดการรวมตัวของผู้ที่มีความสนใจในเรื่องความสวยความงามเหมือนกัน เพื่อการสื่อสาร การแบ่งปัน การแลกเปลี่ยนข้อมูล ตลอดจนการทำกิจกรรมร่วมกัน การกลับมาของอะมิโน พลัส ใหม่ ครั้งนี้ ดำเนินการภายใต้งบประมาณทางการตลาดกว่า 80 ล้านบาท โดยตั้งเป้าหมายยอดขายในปีนี้ไว้ที่ 400 ล้านบาทปัจจุบันอะมิโน พลัส มี 4 รสชาติ ขนาดบรรจุ 360 มิลลิลิตร ราคา 20 บาท
สำหรับมูลค่าตลาดรวมของฟังก์ชันนัล ดริ้งค์ ในประเทศไทยในปี 2555 มีมูลค่าอยู่ที่ 5,500 ล้านบาท แบ่งเป็นประเภท ฟังก์ชันนัล ดริ้งค์ พร้อมดื่ม 2,000 ล้านบาท และฟังก์ชันนัล ดริ้งค์ แบบช็อต 3,500 ล้านบาท โดยข้อมูลจากการทำวิจัยพบว่า กลุ่มที่ดื่มฟังก์ชั่นนัลดริ้งค์ คือผู้หญิงยุคใหม่ที่ต้องการให้ตัวเองมีภาพลักษณ์ที่ดูดี มีความมั่นใจ และประสบความสำเร็จในชีวิต ซึ่งคนกลุ่มนี้ได้แสดงความคิดเห็นว่า นอกจากความน่าสนใจในเรื่องบรรจุภัณฑ์ ที่มีรูปทรงสวยงาม ดูทันสมัย ขนาดพอดีต่อการดื่มในแต่ละครั้ง และรสชาติที่อร่อย แล้ว สารอาหารในฟังก์ชั่นนัล ดริ้งค์ มีความสำคัญอย่างมาก ต่อการตัดสินใจที่จะเลือกซื้อดื่
“โออิชิ”ทุ่มงบตลาด80ล. ปรับใหญ่”อะมิโนพลัส”
โออิชิ กรุ๊ป ทุ่ม 80 ล้านบาท ปรับโฉมครั้งใหญ่เครื่องดื่ม “อะมิโน พลัส” คว้า “อั้ม พัชราภา” ตัวแทนของผู้หญิงยุคใหม่ เป็นพรีเซ็นเตอร์ ลุยศึก 5.5 พันล้านบาท
นายอนิรุทธิ์ มหธร รองกรรมการผู้จัดการ สายงานธุรกิจเครื่องดื่ม บริษัท โออิชิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า โออิชิได้ทำการปรับโฉม อะมิโน พลัส ให้มีภาพลักษณ์สวยงามยิ่งขึ้น เราได้ปรับรูปทรงบรรจุภัณฑ์ให้เพรียวขึ้น และมีการสื่อสารที่ชัดเจน ด้วยฉลากที่บอกประโยชน์ที่จะได้รับจากการดื่ม โดยโออิชิได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ในกลุ่มนี้ขึ้น เพื่อตอบรับกับเทรนด์และกระแสของผู้บริโภคที่หันมาสนใจสินค้าเพื่อสุขภาพ ซึ่งเป็นเหตุผลที่ทำให้เครื่องดื่มฟังก์ชั่นนัลในปัจจุบันเติบโต และเป็นที่รู้จักในกลุ่มคนทั่วไปมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในเอเชีย โดยในแต่ละปีจะมีการแนะนำสารอาหารใหม่ๆ เข้าสู่ตลาดเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย
การปรับโฉมเครื่องดื่ม “อะมิโน พลัส” ในครั้งนี้ โออิชิได้เลือก “อั้ม พัชราภา ไชยเชื้อ” นักแสดงแถวหน้า ที่ถือเป็นไอดอลของสาวไทยในเรื่องความสวยเป็นพรีเซ็นเตอร์ โดย “อั้ม พัชราภา” โดยจะช่วยสะท้อนภาพลักษณ์ใหม่ของ อะมิโน พลัส และสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายหลัก ซึ่งมีอายุระหว่าง 22–25 ปี ที่เป็นนักศึกษา และพนักงานออฟฟิศที่ใส่ใจในสุขภาพและความสวยได้เป็นอย่างดี
ด้านนายสุธี ธรรมสิทธิ์บูรณ์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด สายงานธุรกิจเครื่องดื่ม บริษัท โออิชิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การปรับโฉมผลิตภัณฑ์ในครั้งนี้ เราได้วางแคมเปญสื่อสารการตลาดไว้อย่างครบวงจร ทั้งส่วนที่เป็น Above the line และ Below the line การสร้างการรับรู้ผลิตภัณฑ์ และภาพลักษณ์ใหม่ที่สะท้อนความสวยแบบสุขภาพดี ผ่านพรีเซ็นเตอร์ อย่างเต็มรูปแบบ
นอกจากนั้นแล้ว ยังเน้นการทำกิจกรรมออนไลน์ผ่านโซเชียลเน็ตเวิร์ก ซึ่งเป็นสื่อได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบันของกลุ่มเป้าหมาย โดยการสนับสนุนให้เกิดการรวมตัวของผู้ที่มีความสนใจในเรื่องความสวยความงามเหมือนกัน เพื่อการสื่อสาร การแบ่งปัน การแลกเปลี่ยนข้อมูล ตลอดจนการทำกิจกรรมร่วมกัน การกลับมาของอะมิโน พลัส ใหม่ ครั้งนี้ ดำเนินการภายใต้งบประมาณทางการตลาดกว่า 80 ล้านบาท โดยตั้งเป้าหมายยอดขายในปีนี้ไว้ที่ 400 ล้านบาทปัจจุบันอะมิโน พลัส มี 4 รสชาติ ขนาดบรรจุ 360 มิลลิลิตร ราคา 20 บาท
สำหรับมูลค่าตลาดรวมของฟังก์ชันนัล ดริ้งค์ ในประเทศไทยในปี 2555 มีมูลค่าอยู่ที่ 5,500 ล้านบาท แบ่งเป็นประเภท ฟังก์ชันนัล ดริ้งค์ พร้อมดื่ม 2,000 ล้านบาท และฟังก์ชันนัล ดริ้งค์ แบบช็อต 3,500 ล้านบาท โดยข้อมูลจากการทำวิจัยพบว่า กลุ่มที่ดื่มฟังก์ชั่นนัลดริ้งค์ คือผู้หญิงยุคใหม่ที่ต้องการให้ตัวเองมีภาพลักษณ์ที่ดูดี มีความมั่นใจ และประสบความสำเร็จในชีวิต ซึ่งคนกลุ่มนี้ได้แสดงความคิดเห็นว่า นอกจากความน่าสนใจในเรื่องบรรจุภัณฑ์ ที่มีรูปทรงสวยงาม ดูทันสมัย ขนาดพอดีต่อการดื่มในแต่ละครั้ง และรสชาติที่อร่อย แล้ว สารอาหารในฟังก์ชั่นนัล ดริ้งค์ มีความสำคัญอย่างมาก ต่อการตัดสินใจที่จะเลือกซื้อดื่
อดทนไว้ กำไรยั่งยืน
Re: OISHI
ใครมีบทวิเคราะห์ที่ SCBS ออกมาในวันนี้ รบกวนช่วยส่งมาทาง email ให้หน่อยนะครับ จักขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง
[email protected]
[email protected]
อดทนไว้ กำไรยั่งยืน
- Linzhichange
- User
- กระทู้: 1160
- ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ก.ค. 10, 2005 9:21 pm
Re: OISHI
ผมส่งให้พี่คนขายของแล้วนะครับใน e-mail ผมตัดส่วนแรกมาแปะไว้ข้างล่างนี้
ผมขำว่าจั่วหัวว่า must read ด้วย อะไรจะเชียร์เวอร์ขนาดนี้ แต่เป็นบทวิจัยที่มีคุณภาพครับ
กำลังจะมาแรง
OISHI กำลังจะเป็นหุ้นที่มาแรงในฐานะบริษัทขายสินค้าอุปโภคบริโภคที่กำไรมีแนวโน้มเติบโตสูง
ตัวต่อไป โดยคาดว่ากำไรในปี 2554-2557 จะเติบโตที่อัตราเฉลี่ย 37% ต่อปี แบรนด์ OISHI กำลัง
เพิ่มโมเมนตัมในการเจาะตลาดกลุ่มใหม่จากกระแสการใส่ใจในสุขภาพที่มีมากขึ้น นอกจากนี้
การที่ไทยเบฟซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ OISHI เข้าซื้อหุ้นของ SSC ในปีที่ผ่านมายังช่วยขยาย
เครือข่ายการจัดจำหน่ายของกลุ่มครั้งใหญ่ด้วย ซึ่งจะสร้างประโยชน์ต่อ OISHI ในปีต่อๆ ไป
แนะนำ “ซื้อ”
เจาะตลาดใหม่ OISHI เป็นบริษัทที่ประกอบธุรกิจด้านอาหารและเครื่องดื่มสไตล์ญี่ปุ่นที่มีประวัติที่โดดเด่นและ
แบรนด์ที่มีชื่อเสียงด้วยส่วนแบ่งตลาดชาเขียวพร้อมดื่ม 59% กระแสความใส่ใจในสุขภาพที่มีมากขึ้นหนุนให้
บริษัทเจาะตลาดกลุ่มใหม่ จัดผลิตภัณฑ์ตามกลุ่มอายุ และทำธุรกิจข้ามกลุ่ม ผ่านการทำการตลาดและการคิดค้น
ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ อย่างชาญฉลาด นอกเหนือจากพัฒนาการที่กำลังเกิดขึ้นภายในสายผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่เดิมแล้ว
OISHI ยังขยายธุรกิจสู่ตลาดขนมขบเคี้ยวในปีนี้ด้วยการเปิดตัวผลิตภัณฑ์สาหร่ายปรุงรส “โอโนริ” ด้วย
เครือข่ายการจัดจำหน่ายที่แข็งแกร่งที่สุดของประเทศไทย OISHI ได้รับประโยชน์จากการเข้าถึงช่องทางการ
จัดจำหน่ายในฐานะบริษัทย่อยของไทยเบฟซึ่งเป็นผู้ผลิตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์รายใหญ่สุดของไทย การเข้าซื้อหุ้น
ของเสริมสุข (SSC) ในปีที่ผ่านมาทำให้ไทยเบฟมีเครือข่ายการจัดจำหน่ายเครื่องดื่มที่แข็งแกร่งมากที่สุดใน
ประเทศไทย SSC เป็นผู้จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ OISHI ผ่านทางช่องทางการจัดจำหน่ายแบบดั้งเดิม แต่ไม่ได้จัด
จำหน่ายผ่านช่องทางการจัดจำหน่ายแบบ on-trade (ผับและร้านอาหาร) โดยหลังจากสัญญาที่ SSC ทำไว้
กับเป๊ปซี่สิ้นสุดลงในช่วงปลายปี 2555 ก็จะเปิดโอกาสให้ OISHI ใช้ช่องทางการจัดจำหน่ายนี้ได้ ยอดขาย
เครื่องดื่มน้ำอัดลมในปี 2554 ของ SSC คิดเป็น 2.6 เท่าของยอดขายเครื่องดื่มของ OISHI
คาดกำไรในระหว่างปี 2554-2557 เติบโตเฉลี่ย 37% ต่อปี เราคาดว่ากำไรจากการดำเนินธุรกิจปกติของ
OISHI จะเติบโตที่อัตราเฉลี่ย 37% ต่อปีในระหว่างปี 2554-2557 โดยได้รับปัจจัยหนุนจากรายได้ที่เติบโตเฉลี่ย
30% ต่อปี และอัตรากำไรที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น นอกเหนือจากการเติบโตของรายได้จากผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่เดิมแล้ว เรา
คาดว่าผลิตภัณฑ์บรรจุขวดที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่และผลิตภัณฑ์ขนมขบเคี้ยวจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยหนุน
ให้รายได้ปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยคิดเป็น 15% และ 9% ของอัตราเติบโตที่เราคาดการณ์ไว้ ตามลำดับ นอกจากนี้เรา
ยังคาดด้วยว่าอัตรากำไรจากการดำเนินธุรกิจปกติของ OISHI จะปรับตัวเพิ่มขึ้นจากระดับ 8.5% ในปี 2554 สู่
ระดับ 10.0% ในปี 2557 หรือเท่ากับตัวเลขด้านล่างของอัตรากำไรจากการดำเนินธุรกิจปกติในช่วง 10.0-12.2%
ที่บริษัททำได้ในระหว่างปี 2550-2553 (ก่อนน้ำท่วม) เรามองว่าอัตรากำไรที่สูงขึ้นเป็นเรื่องปกติสำหรับแบรนด์ที่
มีชื่อเสียงและเติบโตอย่างรวดเร็วเพราะมีโครงสร้างต้นทุนที่ดี ค่าใช้จ่ายโฆษณาและส่งเสริมการขายซึ่งสามารถ
ยืดหยุ่นได้ คิดเป็น 89% ของกำไรสุทธิในปี 2554 เทียบกับ 58-80% ในระหว่างปี 2550-2553
เริ่มต้นการวิเคราะห์ด้วยคำแนะนำ “ซื้อ” และราคาเป้าหมาย 180 บาท เราเชื่อว่า OISHI จะกลายเป็นหุ้นที่
น่าสนใจในฐานะบริษัทขายสินค้าอุปโภคบริโภคที่กำไรมีแนวโน้มเติบโตสูงตัวต่อไปหลังจากกลุ่มค้าปลีกเติบโต
อย่างมากในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา กำไรที่มีแนวโน้มเติบโตสูงกว่าหุ้นอื่นๆ ในกลุ่มค้าปลีก ทำให้ Valuation ของ
OISHI น่าดึงดูดมากกว่า โดยเทรดที่ PE ปี 2555 ระดับ 24.6 เท่า และจะลดลงสู่ระดับ 16.8 เท่าในปี 2556 และ
12.2 เท่าในปี 2557 เราคำนวณราคาเป้าหมายกลางปี 2556 ของ OISHI ได้ที่ 180 บาท/หุ้น โดยอิงกับ PE เฉลี่ย
ของหุ้นกลุ่มเดียวกันในตลาดภูมิภาคที่ 26.4 เท่า ขณะที่การคำนวณด้วยวิธีส่วนลดกระแสเงินสด (DCF) จะได้
มูลค่าเหมาะสมที่สูงขึ้นเป็น 202 บาท/หุ้น
ผมขำว่าจั่วหัวว่า must read ด้วย อะไรจะเชียร์เวอร์ขนาดนี้ แต่เป็นบทวิจัยที่มีคุณภาพครับ
กำลังจะมาแรง
OISHI กำลังจะเป็นหุ้นที่มาแรงในฐานะบริษัทขายสินค้าอุปโภคบริโภคที่กำไรมีแนวโน้มเติบโตสูง
ตัวต่อไป โดยคาดว่ากำไรในปี 2554-2557 จะเติบโตที่อัตราเฉลี่ย 37% ต่อปี แบรนด์ OISHI กำลัง
เพิ่มโมเมนตัมในการเจาะตลาดกลุ่มใหม่จากกระแสการใส่ใจในสุขภาพที่มีมากขึ้น นอกจากนี้
การที่ไทยเบฟซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ OISHI เข้าซื้อหุ้นของ SSC ในปีที่ผ่านมายังช่วยขยาย
เครือข่ายการจัดจำหน่ายของกลุ่มครั้งใหญ่ด้วย ซึ่งจะสร้างประโยชน์ต่อ OISHI ในปีต่อๆ ไป
แนะนำ “ซื้อ”
เจาะตลาดใหม่ OISHI เป็นบริษัทที่ประกอบธุรกิจด้านอาหารและเครื่องดื่มสไตล์ญี่ปุ่นที่มีประวัติที่โดดเด่นและ
แบรนด์ที่มีชื่อเสียงด้วยส่วนแบ่งตลาดชาเขียวพร้อมดื่ม 59% กระแสความใส่ใจในสุขภาพที่มีมากขึ้นหนุนให้
บริษัทเจาะตลาดกลุ่มใหม่ จัดผลิตภัณฑ์ตามกลุ่มอายุ และทำธุรกิจข้ามกลุ่ม ผ่านการทำการตลาดและการคิดค้น
ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ อย่างชาญฉลาด นอกเหนือจากพัฒนาการที่กำลังเกิดขึ้นภายในสายผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่เดิมแล้ว
OISHI ยังขยายธุรกิจสู่ตลาดขนมขบเคี้ยวในปีนี้ด้วยการเปิดตัวผลิตภัณฑ์สาหร่ายปรุงรส “โอโนริ” ด้วย
เครือข่ายการจัดจำหน่ายที่แข็งแกร่งที่สุดของประเทศไทย OISHI ได้รับประโยชน์จากการเข้าถึงช่องทางการ
จัดจำหน่ายในฐานะบริษัทย่อยของไทยเบฟซึ่งเป็นผู้ผลิตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์รายใหญ่สุดของไทย การเข้าซื้อหุ้น
ของเสริมสุข (SSC) ในปีที่ผ่านมาทำให้ไทยเบฟมีเครือข่ายการจัดจำหน่ายเครื่องดื่มที่แข็งแกร่งมากที่สุดใน
ประเทศไทย SSC เป็นผู้จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ OISHI ผ่านทางช่องทางการจัดจำหน่ายแบบดั้งเดิม แต่ไม่ได้จัด
จำหน่ายผ่านช่องทางการจัดจำหน่ายแบบ on-trade (ผับและร้านอาหาร) โดยหลังจากสัญญาที่ SSC ทำไว้
กับเป๊ปซี่สิ้นสุดลงในช่วงปลายปี 2555 ก็จะเปิดโอกาสให้ OISHI ใช้ช่องทางการจัดจำหน่ายนี้ได้ ยอดขาย
เครื่องดื่มน้ำอัดลมในปี 2554 ของ SSC คิดเป็น 2.6 เท่าของยอดขายเครื่องดื่มของ OISHI
คาดกำไรในระหว่างปี 2554-2557 เติบโตเฉลี่ย 37% ต่อปี เราคาดว่ากำไรจากการดำเนินธุรกิจปกติของ
OISHI จะเติบโตที่อัตราเฉลี่ย 37% ต่อปีในระหว่างปี 2554-2557 โดยได้รับปัจจัยหนุนจากรายได้ที่เติบโตเฉลี่ย
30% ต่อปี และอัตรากำไรที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น นอกเหนือจากการเติบโตของรายได้จากผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่เดิมแล้ว เรา
คาดว่าผลิตภัณฑ์บรรจุขวดที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่และผลิตภัณฑ์ขนมขบเคี้ยวจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยหนุน
ให้รายได้ปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยคิดเป็น 15% และ 9% ของอัตราเติบโตที่เราคาดการณ์ไว้ ตามลำดับ นอกจากนี้เรา
ยังคาดด้วยว่าอัตรากำไรจากการดำเนินธุรกิจปกติของ OISHI จะปรับตัวเพิ่มขึ้นจากระดับ 8.5% ในปี 2554 สู่
ระดับ 10.0% ในปี 2557 หรือเท่ากับตัวเลขด้านล่างของอัตรากำไรจากการดำเนินธุรกิจปกติในช่วง 10.0-12.2%
ที่บริษัททำได้ในระหว่างปี 2550-2553 (ก่อนน้ำท่วม) เรามองว่าอัตรากำไรที่สูงขึ้นเป็นเรื่องปกติสำหรับแบรนด์ที่
มีชื่อเสียงและเติบโตอย่างรวดเร็วเพราะมีโครงสร้างต้นทุนที่ดี ค่าใช้จ่ายโฆษณาและส่งเสริมการขายซึ่งสามารถ
ยืดหยุ่นได้ คิดเป็น 89% ของกำไรสุทธิในปี 2554 เทียบกับ 58-80% ในระหว่างปี 2550-2553
เริ่มต้นการวิเคราะห์ด้วยคำแนะนำ “ซื้อ” และราคาเป้าหมาย 180 บาท เราเชื่อว่า OISHI จะกลายเป็นหุ้นที่
น่าสนใจในฐานะบริษัทขายสินค้าอุปโภคบริโภคที่กำไรมีแนวโน้มเติบโตสูงตัวต่อไปหลังจากกลุ่มค้าปลีกเติบโต
อย่างมากในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา กำไรที่มีแนวโน้มเติบโตสูงกว่าหุ้นอื่นๆ ในกลุ่มค้าปลีก ทำให้ Valuation ของ
OISHI น่าดึงดูดมากกว่า โดยเทรดที่ PE ปี 2555 ระดับ 24.6 เท่า และจะลดลงสู่ระดับ 16.8 เท่าในปี 2556 และ
12.2 เท่าในปี 2557 เราคำนวณราคาเป้าหมายกลางปี 2556 ของ OISHI ได้ที่ 180 บาท/หุ้น โดยอิงกับ PE เฉลี่ย
ของหุ้นกลุ่มเดียวกันในตลาดภูมิภาคที่ 26.4 เท่า ขณะที่การคำนวณด้วยวิธีส่วนลดกระแสเงินสด (DCF) จะได้
มูลค่าเหมาะสมที่สูงขึ้นเป็น 202 บาท/หุ้น
ก้าวช้า ๆ และเชื่อในปาฎิหารย์ของหุ้นเปลี่ยนชีวิต
There is no secret ingredient. It's just you.
There is no secret ingredient. It's just you.
Re: OISHI
ขอบคุณคุณ Linzhi และคุณ Gondar มากครับสำหรับบทวิเคราะห์ thaiviไม่เคยแล้งน้ำใจ เพราะเหตุนี้ผมจึงยังคงปักหลัก post กระทู้ที่นี่ต่อไป
ตอนนี้ก็สมัครกับเขาไปแล้วห้าปี จ่ายไปสองพันบาทเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ค่าใช้จ่ายตรงนี้เทียบไม่ได้กับน้ำใจและการช่วยเหลือที่เพื่อนสมาชิกมีให้ต่อกัน
ขอบคุณครับ
ตอนนี้ก็สมัครกับเขาไปแล้วห้าปี จ่ายไปสองพันบาทเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ค่าใช้จ่ายตรงนี้เทียบไม่ได้กับน้ำใจและการช่วยเหลือที่เพื่อนสมาชิกมีให้ต่อกัน
ขอบคุณครับ
อดทนไว้ กำไรยั่งยืน
Re: OISHI
รูปที่ท่านเห็นนี้เป็นรูปตู้เป็ปซี่ของคอร์ทแบดที่ผมตีประจำอยู่ โดยปกติผมจะดื่ม Gatorade สีเขียวเป็นประจำหนึ่งขวด แต่เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาคนขายกลับบอกผมว่า
ไม่มี Gatorade ถ้าท่านสังเกตุดูมุมขวาของภาพท่านจะเห็นขวดสีออกชมพู ชมพู แดงๆ นั่นแหละครับ AMINO+ ของโออิชิ ที่ผมพิ่มเห็นมาวางเป็นสัปดาห์แรก
แต่นั่นแหละครับ อย่างที่เขาบอกว่า One Customer is not "Marketing". ถ้าท่านอื่นได้เห็นการเปลี่ยนแปลงที่คล้ายคลึงกันนี้ก็ช่วย update หน่อยละกันนะครับ
ไม่มี Gatorade ถ้าท่านสังเกตุดูมุมขวาของภาพท่านจะเห็นขวดสีออกชมพู ชมพู แดงๆ นั่นแหละครับ AMINO+ ของโออิชิ ที่ผมพิ่มเห็นมาวางเป็นสัปดาห์แรก
แต่นั่นแหละครับ อย่างที่เขาบอกว่า One Customer is not "Marketing". ถ้าท่านอื่นได้เห็นการเปลี่ยนแปลงที่คล้ายคลึงกันนี้ก็ช่วย update หน่อยละกันนะครับ
อดทนไว้ กำไรยั่งยืน
Re: OISHI
ถ้าผมจำไม่ผิด ทาง THAIBEV ปิดดีลเสริมสุขประมาณเดือนตุลาคมปีที่แล้ว ซึ่งพอดีกับเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ ซึ่งอาจเป็นผลทำให้ลูกค้าอาจไม่ได้ของเพราะกำลังผลิตหายไปเยอะ และ การขนส่งทำได้ลำบากครับคนคอน เขียน:อันที่จริงผมพบการเปลี่ยนแปลงของเสริมสุขตั้งแต่เสี่ยเจริญเข้ามาเทคใหม่ๆ เลยคือ ทางเซลล์เสริมสุข บอกว่าหากจะเอาโออิชิด้วยสั่งทางเค้าก็ได้ แต่สั่งไปตอนนั้นรู้สึกจะไม่ได้ของเลย ไม่ได้สั่งอีกเลย
อดทนไว้ กำไรยั่งยืน
- Linzhichange
- User
- กระทู้: 1160
- ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ก.ค. 10, 2005 9:21 pm
Re: OISHI
ก้าวช้า ๆ และเชื่อในปาฎิหารย์ของหุ้นเปลี่ยนชีวิต
There is no secret ingredient. It's just you.
There is no secret ingredient. It's just you.
Re: OISHI
ขายผ่านเบียร์สิงห์ก็ไม่มีทางเหมือนการขายผ่านเสริมสุขครับทั้งนี้เป็นเพราะเบียร์สิงห์เน้นการกระจายสินค้าผ่านยี่ปั๊วเป็นหลัก ช่องทางหลักของเสริมสุขเป็นแบบ "On Premise" ครับleaderinshadow เขียน:ช่วงนี้ เป็นช่วงที่ pepsi อ่อนแอครับ
หลังจากเรื่องของ SSC ทำให้การทำตลาดของ pepsi แทบจะหายไปเลย
เลยเป็นโอกาสของโค๊ก หรือรายอื่นๆ อย่าง OISHI ที่ทำผลิตภัณฑ์ทดแทนน้ำอัดลม
เรื่องของเป๊ปซี่ ก็ยังไม่รู้จะจบยังไง
ก็มีข่าวลือว่าจะไปจับมือ กับกลุ่มเบียร์สิงห์ (เหมือนอิชิตัน ที่กระจายสินค้าผ่านกลุ่มเบียร์สิงห์)
ซึ่งจะก็อาจจะเป็นไปได้ แต่จะยังไงก็คงปลายปี ถึงจะรู้ว่ายังไง
ถ้าจะตีตลาด แย่งมาร์เก็ตแชร์ ก็ต้องเร่งตีช่วงนี้เท่านั้น
ก่อนที่ pepsi จะกลับมา...
คือเป็นแบบเอารถไปส่งของถึงที่และเก็บเงินสด ซึ่งเสริมสุขมีเครือข่ายประมาณ 300,000 ร้านค้าที่เป็นร้านเครื่องดื่มย่อย ร้านก๋วยเตียว ร้านข้าวแกง
ปัญหาหนักอกอีกอย่างของ PEPSI THAILAND คือจะหาขวดแก้วมาจากไหนหลายสิบล้านขวดในเวลาอันสั้นผมเดาว่า PEPSI THAILAND คงเน้นการขานผ่าน Modern Trade
โดยเฉพาะ 7-11 ซึ่งเน้นขวดพลาสติกเป็นหลัก แต่ทั้งนี้หมายความว่า PEPSI THAILAND จะต้องทิ้งตลาดขวดแก้วไปก่อน ซึ่งในตลาดไทยนั้นน้ำอัดลมบรรจุขวดแก้ว
คิดเป็นประมาณ 40% ของตลาดรวม หรือประมาณ 16,000 บ้านบาท จากตลาดน้ำอัดลมปีนี้ที่น่าจะโตประมาณ 10% มาอยู่ที่ 40,000 ล้านบาทครับ
และถึงแม้จะหาขวดแก้วเป็นสิบล้านขวดมาได้ในอนาคต ปัญหาต่อมาก็คือจะหาใครกระจายบรรจุภัณฑ์ขวดแก้วแบบ On Premise ให้ ต้องมีรถกี่คัน ต้องมี customer database ขนาดไหน
ในเมืองไทย ไทยน้ำทิพย์ไม่มีทางกระจายให้ เสริมสุขไม่กระจายให้ PEPSI THAILAND จะหาใครได้ หรือว่าต้อง Greenfield ผมเองก็จะติดตาม case นี้ต่อไปครับ
อดทนไว้ กำไรยั่งยืน
Re: OISHI
แนะนำอ่านเพื่อจะได้เห็นภาพธุรกิจน้ำอัดลม และ ความสามารถของเสริมสุขครับ
เป็นความเห็นของที่ปรึกษาทางการเงินต่อการเข้าซื้อกิจการของเสริมสุขของกลุ่มไทยเบฟ
http://www.set.or.th/set/companynews.do ... symbol=SSC
ดูวันที่ 5 ตุลาคม 2554 ตอน 8:45AM
เป็นความเห็นของที่ปรึกษาทางการเงินต่อการเข้าซื้อกิจการของเสริมสุขของกลุ่มไทยเบฟ
http://www.set.or.th/set/companynews.do ... symbol=SSC
ดูวันที่ 5 ตุลาคม 2554 ตอน 8:45AM
อดทนไว้ กำไรยั่งยืน
Re: OISHI
ผมว่าหลายๆท่านคงได้ทราบข่าว ThaiBev ยื่นข้อเสนอเข้าซื้อหุ้น F&N จากทาง OCBC แล้ว หลังจากทราบข่าวนี้
ผมได้เข้าไปหา presentation ของ F&N และพบว่ามี presentation ที่เป็นประโยชน์ต่อการเข้าใจธุรกิจเครื่องดื่ม และ Growth Strategy ใน Emerging Market
PPT นี้เป็น PPT ที่ F&N ไป Roadshow ที่ยุโรปกับทาง CLSA เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา
เลยเอามาแชร์ให้คนที่สนใจธุรกิจเครื่องดื่มได้ลองศึกษาดูนะครับ
http://www.fraserandneave.com/library/E ... _May28.pdf
ผมได้เข้าไปหา presentation ของ F&N และพบว่ามี presentation ที่เป็นประโยชน์ต่อการเข้าใจธุรกิจเครื่องดื่ม และ Growth Strategy ใน Emerging Market
PPT นี้เป็น PPT ที่ F&N ไป Roadshow ที่ยุโรปกับทาง CLSA เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา
เลยเอามาแชร์ให้คนที่สนใจธุรกิจเครื่องดื่มได้ลองศึกษาดูนะครับ
http://www.fraserandneave.com/library/E ... _May28.pdf
อดทนไว้ กำไรยั่งยืน
Re: OISHI
โออิชิล้ำขายชาเขียวคืนขวด
SOURCE: http://www.thaipost.net/news/080812/60684
เสริมสุข เล็งประเดิมขายชาเขียวคืนขวดให้โออิชิครั้งแรกในไทยผ่านช่องทางภัตตาคาร ร้านอาหาร หวังสร้างปรากฏการณ์ใหม่วงการเครื่องดื่ม
แหล่งข่าวจากวงการอุตสาหกรรมเครื่องดื่มรายใหญ่ เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัท เสริมสุข จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายน้ำอัดลมยี่ห้อ เป๊ปซี่ มิรินด้า และเซเว่นอัพ กำลังอยู่ระหว่างการเตรียมความพร้อม เพื่อเริ่มจัดจำหน่ายเครื่องดื่มชาเขียวจาก บริษัท โออิชิ กรุ๊ป จำกัด ในบรรจุภัณฑ์ชนิดคืนขวดในเมืองไทยเป็นครั้งแรก ในช่องทางร้านภัตตาคารและร้านอาหาร ซึ่งปัจจุบันมีมูลค่ากว่า 2 แสนล้านบาทต่อปี โดยในส่วนของโออิชิบรรจุภัณฑ์แบบคืนขวดนี้ คาดว่าจะพร้อมวางตลาดภายในไม่กี่วันนี้
ทั้งนี้ การจำหน่ายสินค้าในรูปแบบดังกล่าวถือเป็นการต่อยอดขายให้กับชาเขียวโออิชิ และสร้างปรากฏการณ์ใหม่ให้กับวงการเครื่องดื่ม เนื่องจากที่ผ่านมาจะมีเพียงน้ำอัดลมและน้ำดื่มเท่านั้นที่มีบรรจุภัณฑ์แบบคืนขวดจำหน่ายในตลาด และสัดส่วนการขายสินค้าชนิดคืนขวดนี้ก็มีสัดส่วนสูงกว่าสินค้าในบรรจุภัณฑ์แบบไม่คืนขวด จึงทำให้บริษัทโออิชิสนใจเข้ามาทำตลาดสินค้าในรูปแบบดังกล่าว
“นี่จะเป็นสินค้าไฮไลต์ตัวแรกจากกลุ่มโออิชิที่พัฒนาออกสู่ตลาด เพื่อรองรับการขยายธุรกิจของเสริมสุขในอนาคตโดยเฉพาะ นับเป็นการรุกครั้งแรก หลังจากนายเจริญ สิริวัฒนภักดี ได้เข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ในเสริมสุขในสองปีที่ผ่านมา” แหล่งข่าวกล่าว
นอกจากนี้ รายงานข่าวยังแจ้งว่า เมื่อเร็วๆ นี้ บริษัท เสริมสุข จำกัด (มหาชน) ได้มีการจัดตั้งบริษัทย่อยขึ้นมาใหม่อีก 2 แห่ง คือบริษัท เสริมสุข เทรนนิ่ง จำกัด ในวันที่ 5 มิ.ย.ที่ผ่านมา ภายใต้ทุนจดทะเบียน 10 ล้านบาท เพื่อพัฒนาบุคลากรและองค์กร ขณะที่บริษัท เกรท แบรนด์ ลิมิเต็ด จำกัด ตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 1 มิ.ย.ที่ผ่านมา ภายใต้ทุนจดทะเบียน 1 ล้านเหรียญฮ่องกง เพื่อดูแลการบริหารแบรนด์ภายใต้บริษัทเสริมสุขทั่วโลก
นายฐิติวุฒิ์ บุลสุข กรรมการผู้จัดการ บริษัท เสริมสุข จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทได้มีการเปิดตัว ‘เสริมสุขลุคส์ใหม่’ ภายใต้คอนเซ็ปต์ ‘เติมสุข ทุกโอกาส’ เพื่อสื่อถึงวัฒนธรรมใหม่ขององค์กรที่เข้มแข็ง และสื่อถึงความพร้อมของเสริมสุขในการแสดงศักยภาพการนำเสนอผลิตภัณฑ์คุณภาพ ขณะเดียวกันก็จะเดินหน้าปฏิบัติการ ‘เติมสุข ทุกโอกาส’ จากภายในสู่ภายนอก ด้วยการจัดกิจกรรมพลิกโฉมองค์กร เริ่มจากพนักงานกว่า 8,000 คน 5 โรงงาน เกือบ 50 สาขา รถลำเลียง รถขาย นอกจากนี้ บริษัทยังจะมีภาพยนตร์โฆษณาองค์กรออกอากาศเป็นครั้งแรกในวันที่ 9 ส.ค.นี้.
SOURCE: http://www.thaipost.net/news/080812/60684
เสริมสุข เล็งประเดิมขายชาเขียวคืนขวดให้โออิชิครั้งแรกในไทยผ่านช่องทางภัตตาคาร ร้านอาหาร หวังสร้างปรากฏการณ์ใหม่วงการเครื่องดื่ม
แหล่งข่าวจากวงการอุตสาหกรรมเครื่องดื่มรายใหญ่ เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัท เสริมสุข จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายน้ำอัดลมยี่ห้อ เป๊ปซี่ มิรินด้า และเซเว่นอัพ กำลังอยู่ระหว่างการเตรียมความพร้อม เพื่อเริ่มจัดจำหน่ายเครื่องดื่มชาเขียวจาก บริษัท โออิชิ กรุ๊ป จำกัด ในบรรจุภัณฑ์ชนิดคืนขวดในเมืองไทยเป็นครั้งแรก ในช่องทางร้านภัตตาคารและร้านอาหาร ซึ่งปัจจุบันมีมูลค่ากว่า 2 แสนล้านบาทต่อปี โดยในส่วนของโออิชิบรรจุภัณฑ์แบบคืนขวดนี้ คาดว่าจะพร้อมวางตลาดภายในไม่กี่วันนี้
ทั้งนี้ การจำหน่ายสินค้าในรูปแบบดังกล่าวถือเป็นการต่อยอดขายให้กับชาเขียวโออิชิ และสร้างปรากฏการณ์ใหม่ให้กับวงการเครื่องดื่ม เนื่องจากที่ผ่านมาจะมีเพียงน้ำอัดลมและน้ำดื่มเท่านั้นที่มีบรรจุภัณฑ์แบบคืนขวดจำหน่ายในตลาด และสัดส่วนการขายสินค้าชนิดคืนขวดนี้ก็มีสัดส่วนสูงกว่าสินค้าในบรรจุภัณฑ์แบบไม่คืนขวด จึงทำให้บริษัทโออิชิสนใจเข้ามาทำตลาดสินค้าในรูปแบบดังกล่าว
“นี่จะเป็นสินค้าไฮไลต์ตัวแรกจากกลุ่มโออิชิที่พัฒนาออกสู่ตลาด เพื่อรองรับการขยายธุรกิจของเสริมสุขในอนาคตโดยเฉพาะ นับเป็นการรุกครั้งแรก หลังจากนายเจริญ สิริวัฒนภักดี ได้เข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ในเสริมสุขในสองปีที่ผ่านมา” แหล่งข่าวกล่าว
นอกจากนี้ รายงานข่าวยังแจ้งว่า เมื่อเร็วๆ นี้ บริษัท เสริมสุข จำกัด (มหาชน) ได้มีการจัดตั้งบริษัทย่อยขึ้นมาใหม่อีก 2 แห่ง คือบริษัท เสริมสุข เทรนนิ่ง จำกัด ในวันที่ 5 มิ.ย.ที่ผ่านมา ภายใต้ทุนจดทะเบียน 10 ล้านบาท เพื่อพัฒนาบุคลากรและองค์กร ขณะที่บริษัท เกรท แบรนด์ ลิมิเต็ด จำกัด ตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 1 มิ.ย.ที่ผ่านมา ภายใต้ทุนจดทะเบียน 1 ล้านเหรียญฮ่องกง เพื่อดูแลการบริหารแบรนด์ภายใต้บริษัทเสริมสุขทั่วโลก
นายฐิติวุฒิ์ บุลสุข กรรมการผู้จัดการ บริษัท เสริมสุข จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทได้มีการเปิดตัว ‘เสริมสุขลุคส์ใหม่’ ภายใต้คอนเซ็ปต์ ‘เติมสุข ทุกโอกาส’ เพื่อสื่อถึงวัฒนธรรมใหม่ขององค์กรที่เข้มแข็ง และสื่อถึงความพร้อมของเสริมสุขในการแสดงศักยภาพการนำเสนอผลิตภัณฑ์คุณภาพ ขณะเดียวกันก็จะเดินหน้าปฏิบัติการ ‘เติมสุข ทุกโอกาส’ จากภายในสู่ภายนอก ด้วยการจัดกิจกรรมพลิกโฉมองค์กร เริ่มจากพนักงานกว่า 8,000 คน 5 โรงงาน เกือบ 50 สาขา รถลำเลียง รถขาย นอกจากนี้ บริษัทยังจะมีภาพยนตร์โฆษณาองค์กรออกอากาศเป็นครั้งแรกในวันที่ 9 ส.ค.นี้.
อดทนไว้ กำไรยั่งยืน
- Linzhichange
- User
- กระทู้: 1160
- ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ก.ค. 10, 2005 9:21 pm
Re: OISHI
ผมไม่ใช่คนกินน้ำอัดลม แต่ก็นึกสนุกดูเรื่อง pricing ไม่รู้ว่าถูกรึเปล่านะครับ ไม่ได้กินนานแล้ว
ราคาจำหน่ายปลีกของน้ำอัดลม (เป๊ปซี่)
2006
ขนาด 6 oz. ราคาขวดละ 6 บาท,
6.5 oz ขวดละ 6.50 บาท,
10 oz. ขวดละ 8 บาท,
15 oz. ขวดละ 9 บาท, 21 oz.ขวดละ 12 บาท, 35 oz. ขวดละ 17 บาท, 250 ซีซี คูลแฮนด์ ขวดละ 10 บาท, 500 ซีซี ขวดละ 17 บาท, 325 ซีซี กระป๋องละ 14 บาท, 1.25 ลิตร ขวดละ 26 บาท และ 2 ลิตร ขวดละ 38 บาท
2012
ขนาด 15 oz ราคารับ 170-190/ลัง ขายที่ 12/ขวด
ขนาด 10 oz ราคารับ 150-160/ลัง ขายที่ 10/ขวด
ส่วน 6.5oz ราคารับ 90-100/ลัง ขายที่ 7/ขวด
ถ้าเทียบ
15oz = 440cc ประมาณ cc ใกล้เคียงอิชิตัน 420cc (16 บาท)
10oz = 295cc ประมาณใกล้เคียงกระป๋อง 320cc (15 บาท)
6.5oz = 192cc ก็เล็กลงมาเลย เล็กกว่ากล่อง UHT 250cc (10 บาท)
ขายถูกกว่า UHT 6.5oz ยังกำไรเพียบ เพราะไม่ต้องแบ่งโมเดิร์นเทรดที่เก็บโหด มีช่องว่างเยอะพอสมควร
หนทางนี้อีกยาวไกล การแข่งขันน่าสนุก น่าติดตามจริง ๆ
ราคาจำหน่ายปลีกของน้ำอัดลม (เป๊ปซี่)
2006
ขนาด 6 oz. ราคาขวดละ 6 บาท,
6.5 oz ขวดละ 6.50 บาท,
10 oz. ขวดละ 8 บาท,
15 oz. ขวดละ 9 บาท, 21 oz.ขวดละ 12 บาท, 35 oz. ขวดละ 17 บาท, 250 ซีซี คูลแฮนด์ ขวดละ 10 บาท, 500 ซีซี ขวดละ 17 บาท, 325 ซีซี กระป๋องละ 14 บาท, 1.25 ลิตร ขวดละ 26 บาท และ 2 ลิตร ขวดละ 38 บาท
2012
ขนาด 15 oz ราคารับ 170-190/ลัง ขายที่ 12/ขวด
ขนาด 10 oz ราคารับ 150-160/ลัง ขายที่ 10/ขวด
ส่วน 6.5oz ราคารับ 90-100/ลัง ขายที่ 7/ขวด
ถ้าเทียบ
15oz = 440cc ประมาณ cc ใกล้เคียงอิชิตัน 420cc (16 บาท)
10oz = 295cc ประมาณใกล้เคียงกระป๋อง 320cc (15 บาท)
6.5oz = 192cc ก็เล็กลงมาเลย เล็กกว่ากล่อง UHT 250cc (10 บาท)
ขายถูกกว่า UHT 6.5oz ยังกำไรเพียบ เพราะไม่ต้องแบ่งโมเดิร์นเทรดที่เก็บโหด มีช่องว่างเยอะพอสมควร
หนทางนี้อีกยาวไกล การแข่งขันน่าสนุก น่าติดตามจริง ๆ
ก้าวช้า ๆ และเชื่อในปาฎิหารย์ของหุ้นเปลี่ยนชีวิต
There is no secret ingredient. It's just you.
There is no secret ingredient. It's just you.
Re: OISHI
เท่าที่ผมรู้คือขวดแก้วเป็นบรรจุภัณฑ์ที่มีต้นทุนต่อหน่วยต่ำสุดครับ เพราะสามารถนำมา recycle ได้
อีกอย่าง สำหรับประเทศไทยน้ำอัดลมเป็นสินค้าควบคุมราคา ทำให้ตั้งราคาเอาเองมากไม่ได้ คงเป็นอีกเหตุนึงที่ทำให้ราคาตอ cc ดูน้อยกว่า
ตอนนี้ Modern Trade โดยเฉพาะร้านสะดวกซื้อได้ Margin จากเครื่องดื่มอย่างงามมาก
ขายผ่านเสริมสุข OISHI ก็ต้องจ่ายค่าจัดจำหน่ายสินค้าอยู่ดีครับ แต่เท่าที่ทราบจาก Case ในอดีต การจัดเก็บจะประนีประนอมกว่า
ดังนั้นผมเชื่อว่าการขายผ่านเสริมสุขมากขึ้นน่าจะชวย Margin Improvement ของโออิชิให้มากขึ้น
จริงแล้วในธุรกิจเครื่องดื่ม เมื่อก่อนใครๆก็อยากให้เสริมสุขกระจายสินค้าให้ เพราะรู้ซึ้งถึงศักยภาพของบริษัท
M100/M150 ของโอสถนี่ถ้าไม่ได้เสริมสุขช่วยตอนแรกๆก็ไม่เกิดขนาดนี้นะครับ
ถ้ามีโอกาสคงได้นั่งคุยกับคุณ LINZHI เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นบ้าง เห็นว่ามองหา ผู้ผลิต Consumer Goods ที่มีศักยภาพเหมือนกัน
ทีแรกก็ว่าจะหาโอกาสไปงานเลี้ยงสมาคมกับเขาบ้าง แต่เห็นน้องๆอยากไปกันเยอะก็เลยว่าเอาไว้ก่อนละกัน
อีกอย่าง สำหรับประเทศไทยน้ำอัดลมเป็นสินค้าควบคุมราคา ทำให้ตั้งราคาเอาเองมากไม่ได้ คงเป็นอีกเหตุนึงที่ทำให้ราคาตอ cc ดูน้อยกว่า
ตอนนี้ Modern Trade โดยเฉพาะร้านสะดวกซื้อได้ Margin จากเครื่องดื่มอย่างงามมาก
ขายผ่านเสริมสุข OISHI ก็ต้องจ่ายค่าจัดจำหน่ายสินค้าอยู่ดีครับ แต่เท่าที่ทราบจาก Case ในอดีต การจัดเก็บจะประนีประนอมกว่า
ดังนั้นผมเชื่อว่าการขายผ่านเสริมสุขมากขึ้นน่าจะชวย Margin Improvement ของโออิชิให้มากขึ้น
จริงแล้วในธุรกิจเครื่องดื่ม เมื่อก่อนใครๆก็อยากให้เสริมสุขกระจายสินค้าให้ เพราะรู้ซึ้งถึงศักยภาพของบริษัท
M100/M150 ของโอสถนี่ถ้าไม่ได้เสริมสุขช่วยตอนแรกๆก็ไม่เกิดขนาดนี้นะครับ
ถ้ามีโอกาสคงได้นั่งคุยกับคุณ LINZHI เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นบ้าง เห็นว่ามองหา ผู้ผลิต Consumer Goods ที่มีศักยภาพเหมือนกัน
ทีแรกก็ว่าจะหาโอกาสไปงานเลี้ยงสมาคมกับเขาบ้าง แต่เห็นน้องๆอยากไปกันเยอะก็เลยว่าเอาไว้ก่อนละกัน
อดทนไว้ กำไรยั่งยืน
- Linzhichange
- User
- กระทู้: 1160
- ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ก.ค. 10, 2005 9:21 pm
Re: OISHI
ยินดียิ่งยวด เจอกันนอกรอบเล็ก ๆ ก็ได้ครับ นอกจากผมแล้ว มีพี่ในสมาคมอยากเจอพี่หลายคนเลยครับคนขายของ เขียน: ถ้ามีโอกาสคงได้นั่งคุยกับคุณ LINZHI เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นบ้าง เห็นว่ามองหา ผู้ผลิต Consumer Goods ที่มีศักยภาพเหมือนกัน
ทีแรกก็ว่าจะหาโอกาสไปงานเลี้ยงสมาคมกับเขาบ้าง แต่เห็นน้องๆอยากไปกันเยอะก็เลยว่าเอาไว้ก่อนละกัน
ก้าวช้า ๆ และเชื่อในปาฎิหารย์ของหุ้นเปลี่ยนชีวิต
There is no secret ingredient. It's just you.
There is no secret ingredient. It's just you.
Re: OISHI
สรุปผลการดำเนินงานของบจ.และรวมของบริษัทย่อย (F45-3)
บริษัท โออิชิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)
(หน่วย : พันบาท)
งบการเงินรวม
ไตรมาสที่ 2 งวด 6 เดือน
สอบทาน สอบทาน
สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 30 มิถุนายน
ปี 2555 2554 2555 2554
กำไร (ขาดทุน) สุทธิ 349,918 166,411 597,046 503,044
กำไร (ขาดทุน) สุทธิ 1.87 0.89 3.18 2.68
ต่อหุ้น (บาท)
งบการเงินเฉพาะกิจการ
ไตรมาสที่ 2 งวด 6 เดือน
สอบทาน สอบทาน
สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 30 มิถุนายน
ปี 2555 2554 2555 2554
กำไร (ขาดทุน) สุทธิ 430 2,393 30,162 31,782
กำไร (ขาดทุน) สุทธิ 0.002 0.01 0.16 0.17
ต่อหุ้น (บาท)
ประเภทรายงานของผู้สอบบัญชีในงบการเงิน
ไม่มีเงื่อนไข
หมายเหตุ
โปรดดูรายละเอียดงบการเงิน รายงานของผู้สอบบัญชี และหมายเหตุประกอบ
งบการเงินจากระบบบริการข้อมูลตลาดหลักทรัพย์
"ข้าพเจ้าขอรับรองว่าข้อมูลที่รายงานข้างต้นนี้ถูกต้องทุกประการ พร้อมกันนี้บริษัทได้จัดส่งงบการเงิน
ฉบับเต็มผ่านทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ของตลาดหลักทรัพย์และส่งต้นฉบับให้กับสำนักงาน ก.ล.ต.
เรียบร้อยแล้ว"
ลงลายมือชื่อ ___________________________
( นายไพบูลย์ คุจารีวณิช )
รองกรรมการผู้จัดการ
ผู้มีอำนาจรายงานสารสนเทศ
บริษัท โออิชิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)
(หน่วย : พันบาท)
งบการเงินรวม
ไตรมาสที่ 2 งวด 6 เดือน
สอบทาน สอบทาน
สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 30 มิถุนายน
ปี 2555 2554 2555 2554
กำไร (ขาดทุน) สุทธิ 349,918 166,411 597,046 503,044
กำไร (ขาดทุน) สุทธิ 1.87 0.89 3.18 2.68
ต่อหุ้น (บาท)
งบการเงินเฉพาะกิจการ
ไตรมาสที่ 2 งวด 6 เดือน
สอบทาน สอบทาน
สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 30 มิถุนายน
ปี 2555 2554 2555 2554
กำไร (ขาดทุน) สุทธิ 430 2,393 30,162 31,782
กำไร (ขาดทุน) สุทธิ 0.002 0.01 0.16 0.17
ต่อหุ้น (บาท)
ประเภทรายงานของผู้สอบบัญชีในงบการเงิน
ไม่มีเงื่อนไข
หมายเหตุ
โปรดดูรายละเอียดงบการเงิน รายงานของผู้สอบบัญชี และหมายเหตุประกอบ
งบการเงินจากระบบบริการข้อมูลตลาดหลักทรัพย์
"ข้าพเจ้าขอรับรองว่าข้อมูลที่รายงานข้างต้นนี้ถูกต้องทุกประการ พร้อมกันนี้บริษัทได้จัดส่งงบการเงิน
ฉบับเต็มผ่านทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ของตลาดหลักทรัพย์และส่งต้นฉบับให้กับสำนักงาน ก.ล.ต.
เรียบร้อยแล้ว"
ลงลายมือชื่อ ___________________________
( นายไพบูลย์ คุจารีวณิช )
รองกรรมการผู้จัดการ
ผู้มีอำนาจรายงานสารสนเทศ
อดทนไว้ กำไรยั่งยืน
- Linzhichange
- User
- กระทู้: 1160
- ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ก.ค. 10, 2005 9:21 pm
Re: OISHI
Campaign ชิงโชคไม่เหมาะมาทำไตรมาส 4 ที่ยอดขายไม่มากเลยครับbaggio เขียน:รอดูเหมือนกันครับ ว่าโออิชิจะ reaction กับกลยุทธ์นี้อย่างไร สู้กันดุเดือดจิง ๆ เลยflyingspk เขียน:อิชิตัน แจก 60 วัน 60 ล้าน!! เริ่มส่งรหัสใต้ฝา หรือ ในกล่อง อิชิตัน ตั้งแต่ 1 ต.ค. 55 เป็นตันไป
5 กฏเหล็ก ร่วมลุ้นรวยกับอิชิตัน
1.อย่าทิ้ง และ อย่าเพิ่งโทร รักษาสิทธิ์ของคุณไว้ เริ่มส่งได้ 1 ต.ค. 55
2.หากส่งรหัสผิด หรือ ส่งซ้ำ เกิน 3 ครั้ง เบอร์มือถือจะถูกระงับสิทธิ์การร่วมสนุกทันที
3.ใน 1 วัน ส่งรหัสที่ถูกต้องได้ไม่เกิน 10 รหัส ต่อ 1 เบอร์โทร หากส่งเกิน เบอร์มือถือจะถูกระงับสิทธิ์การร่วมสนุกทันที
4.ส่งรหัส 1 ครั้ง ได้ลุ้น 2 ครั้ง คือ รอบที่ส่ง และ รอบสุดท้าย เก็บฝาหรือกล่องไว้ เป็นหลักฐานในการรับรางวัล ห้ามทิ้ง
5.ไม่มีฝาหรือกล่อง ไม่มีสิทธิ์รับรางวัล เก็บฝาหรือกล่องไว้ พร้อม ซิมการด์เบอร์ที่ใช้ส่ง
เป็นวิธีการที่ฉลาดมากครับ ไม่ต้องเขียน ไม่ต้องส่ง แค่กดมือถือก็จบ
น่าสนใจว่าโออิชิจะแก้เกมส์อย่างไร
แถมขนาดรางวัลก็ใหญ่ไม่แพ้หน้าร้อนด้วย
น่าศึกษาๆ ครับ
แต่ 7 วัน 1 แถม 1 ของ oishi ก็เป็นหมากเตะตัดหน้าที่สมกับเป็นมวยรู้ทาง
คิดว่าคงมีอะไรเล่นกัน ตอนปลายตค -พย อีกที
อัดกันตั้งแต่ต้นปียันปลายปีเลย สนุกจริงๆ
ก้าวช้า ๆ และเชื่อในปาฎิหารย์ของหุ้นเปลี่ยนชีวิต
There is no secret ingredient. It's just you.
There is no secret ingredient. It's just you.
- Linzhichange
- User
- กระทู้: 1160
- ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ก.ค. 10, 2005 9:21 pm
Re: OISHI
ขวดแก้วราคา 12 บาทได้ 400 cc นี่ยอดเลยครับ ทานได้ 2 คนสบาย ๆ
รูปทรงขวด ผมไปสอบถามความเห็นร้านค้า สรุปว่าสวยเลยครับ ขวดสีเขียว ให้ position premium น่าจะขายเข้าร้านดี ๆ ได้ด้วย
แยกรสชาติจากฝา ก็เป็นกลยุทธ์ที่ช่วยให้ลดต้นทุนการเปลี่ยนรสชาติได้อีก ผมว่า ssc กับ oishi ทำการบ้านมาดีครับ
สำคัญที่สุด สุดท้ายขายได้ดีรึเปล่า คงต้องรอดูซักสองไตรมาส อาจจะแป๊กก็ได้ครับ
รูปทรงขวด ผมไปสอบถามความเห็นร้านค้า สรุปว่าสวยเลยครับ ขวดสีเขียว ให้ position premium น่าจะขายเข้าร้านดี ๆ ได้ด้วย
แยกรสชาติจากฝา ก็เป็นกลยุทธ์ที่ช่วยให้ลดต้นทุนการเปลี่ยนรสชาติได้อีก ผมว่า ssc กับ oishi ทำการบ้านมาดีครับ
สำคัญที่สุด สุดท้ายขายได้ดีรึเปล่า คงต้องรอดูซักสองไตรมาส อาจจะแป๊กก็ได้ครับ
ก้าวช้า ๆ และเชื่อในปาฎิหารย์ของหุ้นเปลี่ยนชีวิต
There is no secret ingredient. It's just you.
There is no secret ingredient. It's just you.
Re: OISHI
ประทับใจผู้บริหารของโออิชิตรงที่ว่า มีของขายก่อน ค่อยทำโฆษณาออกมา พอยิงโฆษณาปุ๊ปถ้าลูกค้าสนใจก็ไปลองได้เลย
ผมเคยได้ยินว่าในอดีตมีบางบริษัท ยิงโฆษณาไปก่อน แต่ supply chain เอาของออกวางไม่ทัน ถ้าเป็นอย่างนั้นมันก็ตำน้ำพริกละลายแม่น้ำดีๆนี่เอง
ขอบคุณเพื่อนๆทุกคนที่นำข้อมูลมา update กันตลอดครับ
ผมเคยได้ยินว่าในอดีตมีบางบริษัท ยิงโฆษณาไปก่อน แต่ supply chain เอาของออกวางไม่ทัน ถ้าเป็นอย่างนั้นมันก็ตำน้ำพริกละลายแม่น้ำดีๆนี่เอง
ขอบคุณเพื่อนๆทุกคนที่นำข้อมูลมา update กันตลอดครับ
อดทนไว้ กำไรยั่งยืน