FANCY
FANCY - เกิดอะไรขึ้น ??!
ถือไว้ตั้ง 50% ของพอร์ต
ราคาลงเอา ๆ จาก 12 -> 9.6
ขาดทุนทางบัญชี (Unrealized) เพียบเลย -___-"
เกิดอะไรขึ้นคะ?
ราคาลงเอา ๆ จาก 12 -> 9.6
ขาดทุนทางบัญชี (Unrealized) เพียบเลย -___-"
เกิดอะไรขึ้นคะ?
จากผลการดำเนินงานปี 46 อาจดูเหมือนว่ากำไรสุทธิลดลงค่อนข้างเยอะ แต่เมื่อดูรายละเอียดจริงๆแล้วกลับพบว่า กำไรที่ลดลงนั้นมาจาก
1.ค่าเงินบาทที่แข็งขึ้น (มีโอกาสอ่อนตัวได้เช่นกัน)
2.ราคาไม้ยางแพงขึ้น ทำให้ต้นทุนสูงขึ้น (ในอนาตต ต้นทุนตรงนี้จะต่ำลงเนื่องจากมีการปลูกยางกันมากขึ้น)
3.การลงทุนขยายโรงงานใหม่ (ซึ่งมีโอกาสเติบโตได้ในอนาคต)
ซึ่งทั้งหมดไม่เกี่ยวกับการดำเนินงานจริงๆเท่าไรนัก เนื่องจากยอดขายยังคงเดิมหรือเพิ่มขึ้นเล็กน้อย (0.04%) ในขณะที่ค่าใช้จ่ายในการขาย+บริหารนั้นยังคงเดิม เพียง 5% ของยอดขายเท่านั้น และยังคงมีปันผลอย่างสม่ำเสมอเช่นเดิม
.....กรณีแบบนี้พอจะเป็นตัวอย่างของการซื้อเมื่อมีข่าวร้าย โดยไม่เกี่ยวกับการดำเนินงานของบริษัท ในราคาที่ต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริงได้บ้างมั้ยคะ.....
1.ค่าเงินบาทที่แข็งขึ้น (มีโอกาสอ่อนตัวได้เช่นกัน)
2.ราคาไม้ยางแพงขึ้น ทำให้ต้นทุนสูงขึ้น (ในอนาตต ต้นทุนตรงนี้จะต่ำลงเนื่องจากมีการปลูกยางกันมากขึ้น)
3.การลงทุนขยายโรงงานใหม่ (ซึ่งมีโอกาสเติบโตได้ในอนาคต)
ซึ่งทั้งหมดไม่เกี่ยวกับการดำเนินงานจริงๆเท่าไรนัก เนื่องจากยอดขายยังคงเดิมหรือเพิ่มขึ้นเล็กน้อย (0.04%) ในขณะที่ค่าใช้จ่ายในการขาย+บริหารนั้นยังคงเดิม เพียง 5% ของยอดขายเท่านั้น และยังคงมีปันผลอย่างสม่ำเสมอเช่นเดิม
.....กรณีแบบนี้พอจะเป็นตัวอย่างของการซื้อเมื่อมีข่าวร้าย โดยไม่เกี่ยวกับการดำเนินงานของบริษัท ในราคาที่ต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริงได้บ้างมั้ยคะ.....
นอกจากชอบใจในความพยายามแก้ปัญหาของ fancy แล้วยังชื่นชอบในความพยายามของน้อง someone ด้วยค่ะ ที่ช่วยนำข้อมูลการประชุมมาเล่าสู่กันฟัง ข้อมูลละเอียด อ่านง่าย และเป็นประโยชน์มากเลย
ต้องขอขอบคุณ น้อง someone แทนผู้ถือหุ้นที่ไม่ได้ไปด้วยค่ะ
และขอขอบคุณลุงขวดที่ช่วยเป็นปากเป็นเสียงแทน
สุดท้ายต้องยกความดีให้กับผู้ก่อตั้งเว็บที่ทำให้นักลงทุนได้มีโอกาสเล่าสู่กันฟัง ช่วยกันสังเกตและวิเคราะห์บริษัทในหลายๆมุมมอง
แล้วในการประชุม เค้าได้พูดถึงเรื่อง ค่าเงินบาทที่แข็งขึ้น ว่ามีการรับมืออย่างไรบ้างมั้ยคะ รวมถึงที่พี่ครรชิตฝากถามมาน่ะค่ะ
แหม..นี่ถ้าจนท.เค้าเข้ามาอ่านเว็บนี้จริงๆอย่างที่ลุงขวดว่าก็นับว่าเจ๋งมากเลยค่ะ จะได้ถาม-ตอบปัญหากันได้โดยตรง เลิกข้องใจเรื่องความโปร่งใสกันไปได้เลย แสดงตัวหน่อยนะจ๊ะแฟนซีจ๋า จะได้อยู่ด้วยกันไปอีกนานๆๆๆๆๆๆ
ต้องขอขอบคุณ น้อง someone แทนผู้ถือหุ้นที่ไม่ได้ไปด้วยค่ะ
และขอขอบคุณลุงขวดที่ช่วยเป็นปากเป็นเสียงแทน
สุดท้ายต้องยกความดีให้กับผู้ก่อตั้งเว็บที่ทำให้นักลงทุนได้มีโอกาสเล่าสู่กันฟัง ช่วยกันสังเกตและวิเคราะห์บริษัทในหลายๆมุมมอง
แล้วในการประชุม เค้าได้พูดถึงเรื่อง ค่าเงินบาทที่แข็งขึ้น ว่ามีการรับมืออย่างไรบ้างมั้ยคะ รวมถึงที่พี่ครรชิตฝากถามมาน่ะค่ะ
แหม..นี่ถ้าจนท.เค้าเข้ามาอ่านเว็บนี้จริงๆอย่างที่ลุงขวดว่าก็นับว่าเจ๋งมากเลยค่ะ จะได้ถาม-ตอบปัญหากันได้โดยตรง เลิกข้องใจเรื่องความโปร่งใสกันไปได้เลย แสดงตัวหน่อยนะจ๊ะแฟนซีจ๋า จะได้อยู่ด้วยกันไปอีกนานๆๆๆๆๆๆ
ผู้บริหารขายต่ออีกแล้วครับ
แฟนซีวู๊ด อินดัสตรีส บมจ.(FANCY) วิชัย ตันพัฒนรัตน์ ผู้จัดทำ หุ้นสามัญ 05/07/2547 02/07/2547 8,200,700 5.90 ขาย
แหม ..คุณวิชัย นี่ขยันขายจริงๆครับ แต่สงสัยว่าขายให้ใคร ตั้ง 8 ล้านกว่าหุ้น ! หากลุงขวดมีโอกาสถาม รบกวนถามเรื่องประเด็นสัดส่วนการถือหุ้นของผู้บริหารหน่อยนะครับว่าเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรแล้ว รวมถึงประเด็นการขายหุ้นจำนวนมากที่ผ่านมาด้วยครับ
แฟนซีวู๊ด อินดัสตรีส บมจ.(FANCY) วิชัย ตันพัฒนรัตน์ ผู้จัดทำ หุ้นสามัญ 05/07/2547 02/07/2547 8,200,700 5.90 ขาย
แหม ..คุณวิชัย นี่ขยันขายจริงๆครับ แต่สงสัยว่าขายให้ใคร ตั้ง 8 ล้านกว่าหุ้น ! หากลุงขวดมีโอกาสถาม รบกวนถามเรื่องประเด็นสัดส่วนการถือหุ้นของผู้บริหารหน่อยนะครับว่าเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรแล้ว รวมถึงประเด็นการขายหุ้นจำนวนมากที่ผ่านมาด้วยครับ
นั่นสิครับ คุณ Harry ทำไมต้องสองปี FANCY ถึงกลับมา
ค่าเงินบาทก็ดีขึ้น
ภาษาใหม่ของ US ก็กัน จีน (คู่แข่ง).. เราน่าจะได้เปรียบด้วยซ้ำ
ส่วนเรื่องสินค้าที่เพิ่งออกใหม่ เกือบปีแล้ว น่าจะเริ่มดีขึ้นแล้ว
ยังสงสัยว่าทำไม กำไร Q1 ยังน้อยจัง
ยังสงสัยอีกว่า ทำไม ผู้บริหารขายหุ้นแยอะจัง
ปล. บทเรียน(ราคาแพง) นี้ สอนให้รู้ว่า:
1. หุ้นดี แต่ถ้าซื้อผิดเวลา ก็กลายไปหุ้นไม่ดี เหมือนกัน
2. หมั่นตรวจเช็ดสุขภาพ(หุ้น)เสมอ
3. จากข้อสอง , Stop loss ให้เป็น
ค่าเงินบาทก็ดีขึ้น
ภาษาใหม่ของ US ก็กัน จีน (คู่แข่ง).. เราน่าจะได้เปรียบด้วยซ้ำ
ส่วนเรื่องสินค้าที่เพิ่งออกใหม่ เกือบปีแล้ว น่าจะเริ่มดีขึ้นแล้ว
ยังสงสัยว่าทำไม กำไร Q1 ยังน้อยจัง
ยังสงสัยอีกว่า ทำไม ผู้บริหารขายหุ้นแยอะจัง
ปล. บทเรียน(ราคาแพง) นี้ สอนให้รู้ว่า:
1. หุ้นดี แต่ถ้าซื้อผิดเวลา ก็กลายไปหุ้นไม่ดี เหมือนกัน
2. หมั่นตรวจเช็ดสุขภาพ(หุ้น)เสมอ
3. จากข้อสอง , Stop loss ให้เป็น
www.thannews.th.com/detialNews.php?id=T0419531&issue=195
เฟอร์นิเจอร์ไทยพบศึกหนัก 150 รง.ในจีนแห่ลงทุนญวนหนีเอดี/ปีหน้าแย่งคืนตลาดสหรัฐ
ส่งออกเฟอร์นิเจอร์ไทยไปสหรัฐปี 48 เจอศึกหนัก หลัง 150 โรงงานในจีนแห่ย้ายฐานเข้าเวียดนามหวังเลี่ยงภาษีเอดีสหรัฐ คาดปีหน้าเปิดฉากแย่งตลาดคืนจากไทยแน่ ขณะที่ผู้ประกอบการในประเทศเผยขีดแข่งขันเริ่มเดี้ยง เหตุแบกต้นทุนอ่วม ไม้ยางพารา-เหล็กและวัตถุดิบต่อเนื่องราคาพุ่ง50-100% หลังพิงฝาปรับราคาเมื่อไรลูกค้าหายทันที ระบุเป้าปีหน้าโต 15% มีปัญหา
นายไพบูลย์ พินิจกาญจนพันธุ์ อุปนายกสมาคมอุตสาหกรรมเครื่องเรือนไทย เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ"ว่า จากการที่สหรัฐอเมริกาได้เรียกเก็บภาษีตอบโต้การทุ่มตลาด(เอดี)สินค้าเฟอร์นิเจอร์ห้องนอนนำเข้าจากจีนตั้งแต่เดือนมิถุนายนที่ผ่านมาในอัตรา 7-190% และอยู่ระหว่างการพิจารณาเพื่อเก็บภาษีเอดีเฟอร์นิเจอร์ชุดอาหาร และชุดรับแขกจากจีน ส่งผลให้ตั้งแต่ช่วงกลางปีที่ผ่านมาผู้นำเข้าสหรัฐได้หันมานำเข้าสินค้าจากไทยและจากประเทศอื่นที่ไม่ต้องเสียภาษีนำเข้าสหรัฐเพิ่มขึ้น ทำให้เวลานี้การส่งออกเฟอร์นิเจอร์ และชิ้นส่วนของไทยไปสหรัฐได้เพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยจากตัวเลขของกรมส่งเสริมการส่งออกระบุในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ไทยสามารถส่งออกเฟอร์นิเจอร์และชิ้นส่วนไปสหรัฐมูลค่า 12,774 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว 20% ขณะที่ภาพรวมการส่งออกไปทุกตลาด 9 เดือนแรกของปีนี้มีมูลค่า 35,172 ล้านบาทท ขยายตัวเพิ่มขึ้น 11%
"ส่งออกเฟอร์นิเจอร์ใน 47 คาดจะขยายตัวเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วไม่ต่ำกว่า 15% หรือมีมูลค่าประมาณ 4.6 หมื่นล้านบาท ส่วนในปีหน้าเราตั้งเป้าการส่งออกขยายตัวจากปีนี้ที่ 15% มูลค่า 5 หมื่นล้านบาท อย่างไรก็ตามเป้าหมายนี้คงเหนื่อยเพิ่มขึ้นจากปีนี้"เขากล่าวและได้ขยายความว่าสาเหตุที่การส่งออกในปีหน้าจะไม่ค่อยราบรื่นนักมาจากหลายสาเหตุ ที่สำคัญคือ จากการที่สหรัฐเรียกเก็บภาษีเอดีสินค้าเฟอร์นิเจอร์จากจีน มีผลให้โรงงานเฟอร์นิเจอร์ของชาวไต้หวันและสหรัฐบางส่วนที่ไปตั้งฐานการผลิตในจีนก่อนหน้านี้ได้ย้ายฐานการผลิตไปยังประเทศเวียดนามรวมประมาณ 150 โรง คาดว่าโรงงานเหล่านี้จะก่อสร้างแล้วเสร็จและสามารถเดินเครื่องผลิตได้ในช่วงไตรมาสแรกของปีหน้า
ผลกระทบที่คาดว่าจะเกิดกับไทยคือ การส่งออกเฟอร์นิเจอร์จากเวียดนามไปสหรัฐในปีหน้าจะเพิ่มสูงขึ้นอย่างมากเพราะการส่งออกจากเวียดนามไม่ต้องเสียภาษีนำเข้าเช่นเดียวกับไทย อีกทั้งการผลิตในเวียดนามได้เปรียบเรื่องต้นทุนค่าแรงที่ตกประมาณวันละ 1 ดอลลาร์สหรัฐ(40 บาท)เท่านั้น รวมถึงมีวัตถุดิบไม้ยางพาราเช่นเดียวกับไทย ซึ่งโรงงานเหล่านี้คาดว่าจะกลับมาทวงคืนส่วนแบ่งตลาดในสหรัฐที่เสียให้กับไทยในปีนี้ และจะมีการแข่งขันที่รุนแรงเพิ่มขึ้น ขณะที่ขีดความสามารถในการแข่งขันของไทยในเวลานี้เริ่มลดลง
ทั้งนี้มีปัจจัยสำคัญจากต้นทุนของผู้ประกอบการสูงขึ้นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่ไม้ยางพาราแปรรูปในประเทศซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญเริ่มขาดแคลน เป็นผลจากการที่รัฐบาลเปิดให้โรงเลื่อยสามารถส่งออกไม้ยางพาราได้โดยเสรี ทำให้ในปีนี้ไทยมีการส่งออกไม้ยางพาราไปจีน และเวียดนามซึ่งเป็นคู่แข่งสำคัญด้านเฟอร์นิเจอร์เพิ่มขึ้นอย่างมาก เนื่องจากได้ราคาดี ส่งผลทำให้ไม้ยางในประเทศขาดแคลนและปรับราคาเพิ่มขึ้นจากช่วงต้นปีไปแล้วประมาณ 50% ในทุกขนาด ขณะเดียวกันจากการที่ราคาเหล็กในตลาดโลกได้ปรับตัวสูงขึ้นกว่าเท่าตัว ทำให้ต้นทุนการผลิตเฟอร์นิเจอร์โลหะของไทยที่ส่งออกรองลงมาจากเฟอร์นิเจอร์ไม้ ได้เพิ่มขึ้นกว่า 100% นอกจากนี้จากการที่ราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้นส่งผลให้ราคาแล็คเกอร์ ทินเนอร์ และเคมีภัณฑ์ต่างๆ ที่ใช้ในการผลิตปรับราคาสูงขึ้นมากกว่า 100% เช่นเดียวกัน
"จากต้นทุนที่พุ่งสูงขึ้นในเวลานี้ ทางโรงงานผู้ผลิตและส่งออกเฟอร์นิเจอร์ในประเทศที่มีอยู่ประมาณ 280 โรง แต่ส่งออกจริงๆ ประมาณ 20-30 โรงไม่สามารถปรับราคาขายได้ เพราะหากปรับราคาขายเมื่อไรจะมีผลต่อการตัดสินใจของผู้นำเข้าทันทีและอาจหันไปนำเข้าจากประเทศอื่นแทน มาร์จิ้นของผู้ส่งออกในเวลานี้ลดลงเหลือแค่ 10% หรือต่ำกว่า จากปกติจะมีมาร์จิ้นประมาณ 20-25% ซึ่งหากเราปรับราคาเมื่อไหร่เป้าส่งออกปีหน้าขยายตัวที่ 15% มีปัญหาแน่"
อนึ่ง ในปี 46 ที่ผ่านมาสินค้าเฟอร์นิเจอร์ และชิ้นส่วนของไทยมีตลาดหลักที่สหรัฐอเมริกาญี่ปุ่น สหราชอาณาจักร แคนาดาและออสเตรเลีย สัดส่วน 33,31,8,4,และ3% ตามลำดับ ช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้สหรัฐมีการนำเข้าเฟอร์นิเจอร์ใช้ในครัวเรือนมูลค่า 50,280 ล้านบาท ขยายตัว 14% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยมีจีน แคนาดา และเม็กซิโกเป็นแหล่งนำเข้าสัดส่วนรวมกันถึง 72% ของการนำเข้าทั้งหมด ขณะที่การนำเข้าจากไทยอยู่ที่อันดับ 8 ส่วนแบ่งตลาดประมาณ 2% ปัจจุบันไทยมีโรงงานผลิตเฟอร์นิเจอร์ทั่วประเทศประมาณ 2,400 ราย แยกเป็นเฟอร์นิเจอร์ไม้สัดส่วน 70% เฟอร์นิเจอร์ไม้ 12% และเฟอร์นิเจอร์อื่นๆ(พลาสติก หนัง หวาย ผักตบชวา)18%
...
ส่งออกเฟอร์นิเจอร์ไทยไปสหรัฐปี 48 เจอศึกหนัก หลัง 150 โรงงานในจีนแห่ย้ายฐานเข้าเวียดนามหวังเลี่ยงภาษีเอดีสหรัฐ คาดปีหน้าเปิดฉากแย่งตลาดคืนจากไทยแน่ ขณะที่ผู้ประกอบการในประเทศเผยขีดแข่งขันเริ่มเดี้ยง เหตุแบกต้นทุนอ่วม ไม้ยางพารา-เหล็กและวัตถุดิบต่อเนื่องราคาพุ่ง50-100% หลังพิงฝาปรับราคาเมื่อไรลูกค้าหายทันที ระบุเป้าปีหน้าโต 15% มีปัญหา
นายไพบูลย์ พินิจกาญจนพันธุ์ อุปนายกสมาคมอุตสาหกรรมเครื่องเรือนไทย เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ"ว่า จากการที่สหรัฐอเมริกาได้เรียกเก็บภาษีตอบโต้การทุ่มตลาด(เอดี)สินค้าเฟอร์นิเจอร์ห้องนอนนำเข้าจากจีนตั้งแต่เดือนมิถุนายนที่ผ่านมาในอัตรา 7-190% และอยู่ระหว่างการพิจารณาเพื่อเก็บภาษีเอดีเฟอร์นิเจอร์ชุดอาหาร และชุดรับแขกจากจีน ส่งผลให้ตั้งแต่ช่วงกลางปีที่ผ่านมาผู้นำเข้าสหรัฐได้หันมานำเข้าสินค้าจากไทยและจากประเทศอื่นที่ไม่ต้องเสียภาษีนำเข้าสหรัฐเพิ่มขึ้น ทำให้เวลานี้การส่งออกเฟอร์นิเจอร์ และชิ้นส่วนของไทยไปสหรัฐได้เพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยจากตัวเลขของกรมส่งเสริมการส่งออกระบุในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ไทยสามารถส่งออกเฟอร์นิเจอร์และชิ้นส่วนไปสหรัฐมูลค่า 12,774 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว 20% ขณะที่ภาพรวมการส่งออกไปทุกตลาด 9 เดือนแรกของปีนี้มีมูลค่า 35,172 ล้านบาทท ขยายตัวเพิ่มขึ้น 11%
"ส่งออกเฟอร์นิเจอร์ใน 47 คาดจะขยายตัวเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วไม่ต่ำกว่า 15% หรือมีมูลค่าประมาณ 4.6 หมื่นล้านบาท ส่วนในปีหน้าเราตั้งเป้าการส่งออกขยายตัวจากปีนี้ที่ 15% มูลค่า 5 หมื่นล้านบาท อย่างไรก็ตามเป้าหมายนี้คงเหนื่อยเพิ่มขึ้นจากปีนี้"เขากล่าวและได้ขยายความว่าสาเหตุที่การส่งออกในปีหน้าจะไม่ค่อยราบรื่นนักมาจากหลายสาเหตุ ที่สำคัญคือ จากการที่สหรัฐเรียกเก็บภาษีเอดีสินค้าเฟอร์นิเจอร์จากจีน มีผลให้โรงงานเฟอร์นิเจอร์ของชาวไต้หวันและสหรัฐบางส่วนที่ไปตั้งฐานการผลิตในจีนก่อนหน้านี้ได้ย้ายฐานการผลิตไปยังประเทศเวียดนามรวมประมาณ 150 โรง คาดว่าโรงงานเหล่านี้จะก่อสร้างแล้วเสร็จและสามารถเดินเครื่องผลิตได้ในช่วงไตรมาสแรกของปีหน้า
ผลกระทบที่คาดว่าจะเกิดกับไทยคือ การส่งออกเฟอร์นิเจอร์จากเวียดนามไปสหรัฐในปีหน้าจะเพิ่มสูงขึ้นอย่างมากเพราะการส่งออกจากเวียดนามไม่ต้องเสียภาษีนำเข้าเช่นเดียวกับไทย อีกทั้งการผลิตในเวียดนามได้เปรียบเรื่องต้นทุนค่าแรงที่ตกประมาณวันละ 1 ดอลลาร์สหรัฐ(40 บาท)เท่านั้น รวมถึงมีวัตถุดิบไม้ยางพาราเช่นเดียวกับไทย ซึ่งโรงงานเหล่านี้คาดว่าจะกลับมาทวงคืนส่วนแบ่งตลาดในสหรัฐที่เสียให้กับไทยในปีนี้ และจะมีการแข่งขันที่รุนแรงเพิ่มขึ้น ขณะที่ขีดความสามารถในการแข่งขันของไทยในเวลานี้เริ่มลดลง
ทั้งนี้มีปัจจัยสำคัญจากต้นทุนของผู้ประกอบการสูงขึ้นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่ไม้ยางพาราแปรรูปในประเทศซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญเริ่มขาดแคลน เป็นผลจากการที่รัฐบาลเปิดให้โรงเลื่อยสามารถส่งออกไม้ยางพาราได้โดยเสรี ทำให้ในปีนี้ไทยมีการส่งออกไม้ยางพาราไปจีน และเวียดนามซึ่งเป็นคู่แข่งสำคัญด้านเฟอร์นิเจอร์เพิ่มขึ้นอย่างมาก เนื่องจากได้ราคาดี ส่งผลทำให้ไม้ยางในประเทศขาดแคลนและปรับราคาเพิ่มขึ้นจากช่วงต้นปีไปแล้วประมาณ 50% ในทุกขนาด ขณะเดียวกันจากการที่ราคาเหล็กในตลาดโลกได้ปรับตัวสูงขึ้นกว่าเท่าตัว ทำให้ต้นทุนการผลิตเฟอร์นิเจอร์โลหะของไทยที่ส่งออกรองลงมาจากเฟอร์นิเจอร์ไม้ ได้เพิ่มขึ้นกว่า 100% นอกจากนี้จากการที่ราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้นส่งผลให้ราคาแล็คเกอร์ ทินเนอร์ และเคมีภัณฑ์ต่างๆ ที่ใช้ในการผลิตปรับราคาสูงขึ้นมากกว่า 100% เช่นเดียวกัน
"จากต้นทุนที่พุ่งสูงขึ้นในเวลานี้ ทางโรงงานผู้ผลิตและส่งออกเฟอร์นิเจอร์ในประเทศที่มีอยู่ประมาณ 280 โรง แต่ส่งออกจริงๆ ประมาณ 20-30 โรงไม่สามารถปรับราคาขายได้ เพราะหากปรับราคาขายเมื่อไรจะมีผลต่อการตัดสินใจของผู้นำเข้าทันทีและอาจหันไปนำเข้าจากประเทศอื่นแทน มาร์จิ้นของผู้ส่งออกในเวลานี้ลดลงเหลือแค่ 10% หรือต่ำกว่า จากปกติจะมีมาร์จิ้นประมาณ 20-25% ซึ่งหากเราปรับราคาเมื่อไหร่เป้าส่งออกปีหน้าขยายตัวที่ 15% มีปัญหาแน่"
อนึ่ง ในปี 46 ที่ผ่านมาสินค้าเฟอร์นิเจอร์ และชิ้นส่วนของไทยมีตลาดหลักที่สหรัฐอเมริกาญี่ปุ่น สหราชอาณาจักร แคนาดาและออสเตรเลีย สัดส่วน 33,31,8,4,และ3% ตามลำดับ ช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้สหรัฐมีการนำเข้าเฟอร์นิเจอร์ใช้ในครัวเรือนมูลค่า 50,280 ล้านบาท ขยายตัว 14% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยมีจีน แคนาดา และเม็กซิโกเป็นแหล่งนำเข้าสัดส่วนรวมกันถึง 72% ของการนำเข้าทั้งหมด ขณะที่การนำเข้าจากไทยอยู่ที่อันดับ 8 ส่วนแบ่งตลาดประมาณ 2% ปัจจุบันไทยมีโรงงานผลิตเฟอร์นิเจอร์ทั่วประเทศประมาณ 2,400 ราย แยกเป็นเฟอร์นิเจอร์ไม้สัดส่วน 70% เฟอร์นิเจอร์ไม้ 12% และเฟอร์นิเจอร์อื่นๆ(พลาสติก หนัง หวาย ผักตบชวา)18%
...