อนาคตประเทศไทย – พลังงาน/วิบูลย์ พึงประเสริฐ

บทความต่างๆที่ตีพิมพ์ใน ThaiVI คุณสามารถแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม
ตอบกลับโพส
Thai VI Article
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
กระทู้: 1243
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ก.ค. 11, 2012 10:42 pm

อนาคตประเทศไทย – พลังงาน/วิบูลย์ พึงประเสริฐ

โพสต์ โดย Thai VI Article » พุธ มี.ค. 20, 2013 10:03 pm

โค้ด: เลือกทั้งหมด

บทความ Value Way  ฉบับวันที่ 18 มีนาคม 2556
โดย วิบูลย์ พึงประเสริฐ
อนาคตประเทศไทย – พลังงาน

   ในเดือนเมษายน 2555 นี้ประเทศไทยได้รับการเตือนครั้งล่าสุดเกี่ยวกับสถานะพลังงานของประเทศในเรื่องของพลังงานไฟฟ้าที่อาจไม่เพียงพอในช่วงที่ก๊าซธรรมชาติจากพม่าต้องหยุดส่งให้กับโรงไฟฟ้าทางด้านตะวันตกของไทยเป็นการชั่วคราวเนื่องจากต้องหยุดซ่อมบำรุง ไฟฟ้าที่ขาดหายไปอาจทำให้บางส่วนของประเทศต้องเกิดภาวะไฟดับโดยเฉพาะในท้องที่ที่ใช้ไฟจากโรงไฟฟ้าที่ใช้ก๊าซธรรมชาติจากพม่า นี่อาจเป็นสัญญานเตือนถึงอนาคตพลังงานของประเทศไทยที่หลายคนอาจไม่ได้รับรู้
   ปัจจุบันไทยใช้ก๊าซธรรมชาติในการผลิตไฟฟ้ามากถึง 70 เปอร์เซนต์โดยก๊าซที่ได้ส่วนใหญ่จะมาจากอ่าวไทยและบางส่วนนำเข้ามาจากพม่าจากโครงการท่อก๊าซไทยพม่าและโครงการร่วมไทยมาเลเซียที่จังหวัดสงขลา ก๊าซในอ่าวไทยถูกนำมาใช้ครั้งแรกในช่วงปีพ.ศ. 2525 หรือ กว่า 30 ปีที่แล้ว การตั้งการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทยขึ้นในปีเดียวกันเพื่อบริหารจัดการกับทรัพยากรก๊าซธรรมชาติที่ได้จากอ่าวไทยโดยนำมาเข้าโรงแยกก๊าซที่จังหวัดระยองเพื่อแยกก๊าซสำหรับจำหน่ายให้กับโรงไฟฟ้าและอีกส่วนเพื่อนำมาผลิตเป็นปิโตรเคมีรวมถึงก๊าซหุงต้มแอลพีจี
   ก่อนหน้าที่จะมีโรงแยกก๊าซธรรมชาติ พลังงานที่ใช้ในครัวเรือนส่วนใหญ่จะเป็นเตาถ่านที่ใช้ฟืนและถ่านเป็นวัตถุดิบในการทำความร้อนหุงหาอาหารแต่หลังจากที่มีก๊าซแอลพีจีเกิดขึ้น ครัวเรือนในประเทศไทยจึงเปลี่ยนมาใช้ก๊าซหุงต้มนี้แทนการใช้ฟืนและถ่านซึ่งช่วยลดการตัดไม้เพื่อนำมาเป็นเชื้อเพลิงลงไปได้มาก จนปัจจุบันเด็กรุ่นใหม่บางคนไม่เคยมีเตาถ่านเป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในบ้านอีกต่อไป ในช่วงน้ำมันมีราคาแพง รถยนต์ส่วนหนึ่งเปลี่ยนเครื่องยนต์จากน้ำมันเบนซินมาใช้ก๊าซแอลพีจีเป็นเชื้อเพลิงช่วยให้ประหยัดค่าน้ำมันไปได้มาก เนื่องจากราคาก๊าซแอลพีจีในประเทศไทยยังเป็นราคาควบคุมและทุกลิตรของก๊าซแอลพีจีได้รับเงินสนับสนุนจากกองทุนน้ำมันโดยนำเงินภาษีน้ำมันมาชดเชยทำให้มีราคาถูกกว่าราคาตลาดโลก การขึ้นราคาก๊าซแอลพีจีกลายเป็นเรื่องทางการเมืองเพราะถ้าขึ้นราคาจะทำให้ภาคครัวเรือนเดือดร้อนกันไปด้วยเนื่องจากทำให้ราคาก๊าซที่ใช้ในการหุงต้มมีราคาสูงขึ้นไปตาม นักการเมืองกลัวขาดฐานเสียงสนับสนุนทำให้การลอยตัวก๊าซแอลพีจีถูกเลื่อนมาเป็นเวลานานหลายปีแทบทุกยุคทุกสมัย การใช้ก๊าซแอลพีจีในภาคขนส่งขยายตัวขึ้นอย่างมากโดยไม่สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริงจากความมีราคาถูกกว่าจากการชดเชยจากภาษีน้ำมันเชื้อเพลิง รวมถึงมีการลักลอบส่งออกไปขายในประเทศเพื่อนบ้านซึ่งได้ราคาสูงกว่าขายในประเทศอีกด้วย 
   ในสมัยต่อมา รัฐบาลมีนโยบายที่จะให้คนใช้รถเปลี่ยนเชื้อเพลิงจากก๊าซแอลพีจีเป็นก๊าซธรรมชาติหรือซีเอ็นจี (Compress Natural Gas) โดยส่งเสริมให้มีการตั้งสถานีจำหน่ายก๊าซธรรมชาติโดยบริษัท ปตท. จำกัด(มหาชน) เริ่มต้นจากกรุงเทพและปริมณทลและขยายสถานีไปทั่วประเทศ นอกจากนั้นยังมีเงินช่วยเหลือในการเปลี่ยนระบบจากก๊าซแอลพีจีมาเป็นซีเอ็นจีหรือเป็นรถยนต์คันดังกล่าวให้เป็นเอ็นจีวี (Natural Gas Vehicle) เริ่มต้นจากแท๊กซี่จากนั้นจึงใช้กับรถยนต์ส่วนบุคคล ในช่วงแรกได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากเจ้าของรถที่อยากใช้เชื้อเพลิงราคาถูกเพราะก๊าซธรรมชาติมีราคาต่อหน่วยถูกที่สุดถูกกว่าน้ำมันและก๊าซแอลพีจี แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือจำนวนสถานีไม่เพียงพอต่อจำนวนรถยนต์ที่เข้ารับการบริการ จึงเห็นรถยนต์จอดรอคิวเติมก๊าซธรรมชาติจนล้นสถานีก๊าซอยู่เสมอ รวมถึงมีการประท้วงของแท๊กซี่ในการขึ้นราคาก๊าซซีเอ็นจี และการขนส่งก๊าซธรรมชาติไปตามสถานีบริการในประเทศไทยนั้นถือว่ามีประสิทธิภาพต่ำมากเพราะต้องใช้รถขนส่งบรรทุกก๊าซไปส่งตามสถานีบริการเหมือนการขนส่งน้ำมันซึ่งใช้เชื้อเพลิงในการขนส่งจำนวนมากรวมทั้งยังไม่มีระบบเครือข่ายท่อก๊าซกระจายไปตามสถานที่ต่างๆ ทำให้ต้นทุนในการขนส่งก๊าซสูงมาก ในประเทศที่ประสบความสำเร็จในการขยายฐานการใช้ก๊าซซีเอ็นจีนั้นแทบทุกประเทศจะมีเครือข่ายท่อส่งก๊าซที่ครอบคลุมทั่วเขตที่มีสถานีบริการก๊าซเสมอเช่น อิตาลี อาร์เจนตินาหรือแม้กระทั่งปากีสถาน
   จะเห็นว่าถึงแม้ประเทศไทยจะสามารถผลิตก๊าซธรรมชาติได้เองจากอ่าวไทยแต่การจัดการด้านพลังงานของไทยยังไม่มีการจัดการที่ดีพอทั้งเรื่องของก๊าซแอลพีจีในภาคขนส่งรวมถึงก๊าซธรรมชาติสำหรับรถยนต์ซึ่งคาดว่าคงเป็นปัญหาสำหรับทุกรัฐบาลต่อไปในอนาคตสำหรับประเทศไทย  
[/size]



ตอบกลับโพส