ภาษาเปลี่ยนโลก/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

บทความต่างๆที่ตีพิมพ์ใน ThaiVI คุณสามารถแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม
ตอบกลับโพส
Thai VI Article
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
กระทู้: 1243
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ก.ค. 11, 2012 10:42 pm

ภาษาเปลี่ยนโลก/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์ โดย Thai VI Article » เสาร์ ก.ย. 28, 2013 8:45 pm

โค้ด: เลือกทั้งหมด

โลกในมุมมองของ Value Investor         27 กันยายน 56
ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
ภาษาเปลี่ยนโลก

	ผมอยู่มาจนถึงปัจจุบันก็ 60 ปีเข้าไปแล้ว  สิ่งที่รู้สึกว่าเป็น “จุดด้อย” ที่สำคัญของตนเองและไม่สามารถปรับขึ้นได้จนเท่ากับหรือใกล้เคียงกับ  “เจ้าของ”  ก็คือ  “ภาษาอังกฤษ”   ปัญหาก็คือ  ในช่วงวัยเด็กและวัยหนุ่มนั้น  ผมไม่มีโอกาสที่จะได้เรียนภาษาอังกฤษที่ดีพอและผมไม่รู้ว่าภาษาอังกฤษนั้นเป็นวิชาที่สำคัญมากและสำคัญยิ่งกว่าวิชาคณิตศาสตร์หรือฟิสิกส์ที่ผมคิดว่าเป็นวิชาของคนเก่งที่ต้องอาศัยตรรกะและความคิดระดับสุดยอด   ภาษาอังกฤษเริ่มมีความสำคัญก็ในตอนที่ผมเริ่มเรียนในระดับมหาวิทยาลัยที่ต้องอ่านตำราทางวิชาการจากต่างประเทศ  อย่างไรก็ตาม  ความสำคัญของมันก็เป็นแต่ในเรื่องของการที่จะทำความเข้าใจทฤษฎีและศาสตร์ที่เกี่ยวข้อง  ในกรณีของผมก็คือเรื่องทางวิทยาศาสตร์  วิศวกรรม  เศรษฐศาสตร์  และบริหารธุรกิจ   ความสามารถของผมในด้านเหล่านี้ก็เป็นแต่ในเรื่องของการอ่านและการเขียนเท่านั้นซึ่งก็ยังช้าและด้อยกว่าเจ้าของภาษาอยู่ไม่น้อย  ส่วนภาษาอังกฤษในสาขาความรู้อื่น ๆ  และเรื่องทั่วไปนั้น  ความสามารถของผมต้องบอกว่าต่ำกว่าเจ้าของภาษามาก  ระดับความเร็วในการอ่านนั้นผมคิดว่าอาจจะทำได้เพียงครึ่งหนึ่งของเจ้าของภาษาที่มีศักยภาพในระดับเดียวกัน   ส่วนการฟังและโดยเฉพาะอย่างยิ่งการพูดนั้น   ความสามารถของผมยิ่งห่างจากเจ้าของภาษาสุดกู่อันเป็นผลจากการขาดโอกาสที่จะเรียนรู้ในช่วงต้นของชีวิตซึ่งเป็นช่วงเวลาที่สำคัญอย่างยิ่งยวดโดยเฉพาะในด้านของการพูด
	ความสำคัญของภาษาอังกฤษในความเห็นของผมนั้นอยู่ที่ว่ามันเป็นภาษา  “สากล”  และมันเป็นภาษาของประเทศที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกติดต่อกันมาน่าจะเกือบ 200 ปี  ตั้งแต่อังกฤษในช่วงศตวรรษที่ 19 และสหรัฐอเมริกาในศตวรรษที่ 20 และจนถึงปัจจุบัน  นี่ทำให้หนังสือที่รวบรวมความรู้ทั้งหลายในโลกต่างก็ถูกเขียนขึ้นเป็นภาษาอังกฤษ  การติดต่อทางการทูต การค้า และสังคมทั่วโลกซึ่งรวมถึงระบบอินเตอร์เน็ตต่างก็ใช้ภาษาอังกฤษเป็นสื่อ  เช่นเดียวกับกิจกรรมบันเทิงชั้นนำระดับโลกเช่นภาพยนตร์และละครเวทีต่างก็ใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลัก  และด้วยเหตุที่โลกของเรานั้นอยู่ในกระแสของโลกาภิวัฒน์ที่ขอบเขตของดินแดนกำลังลดความสำคัญลงเรื่อย ๆ  และประชาชนสามารถที่จะเดินทางหรือติดต่อกับคนอื่นได้ทั่วโลกด้วยต้นทุนที่ต่ำลงมาก  ภาษา  “กลาง” ที่ทุกคนต้องใช้จึงมีความสำคัญเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ  และสำหรับคนที่  ก้าวหน้าที่สุดในแต่ละสังคม  ภาษาอังกฤษจึงกลายเป็นภาษาที่ผมคิดว่า “จำเป็น” อย่างยิ่งยวด  และถ้าจะให้ผมทำนายในขั้นนี้ก็คือ  ถ้าหากคุณจะเป็นคนชั้นนำอย่างที่เรียกว่า  “อิลิท”  ในยุคต่อไป  คุณจำเป็นที่จะต้องรู้และสามารถใช้ภาษาอังกฤษได้ดีมาก  ไม่ใช่แค่ 40-50% ของเจ้าของภาษาอย่างที่ผมเป็น
	ทุกวันนี้  ผมเองรู้สึกว่าผมอ่านหนังสือดี ๆ  ซึ่งส่วนมากก็คือหนังสือภาษาอังกฤษได้ “ไม่ทัน”  กับหนังสือที่ออกใหม่และวางบนแผงไม่ต้องพูดถึงหนังสือคลาสสิกเก่า ๆ  ที่ยังมีอีกมากมายในหัวข้อความรู้ที่ผมสนใจ   เหตุผลสำคัญก็คือ  ผมอ่านได้ไม่เร็วพอ  หนังสือหลายเล่มกองอยู่บนโต๊ะทำงานและบางเล่มอาจจะถูกอ่านเพียงสั้น ๆ  แล้วก็ทิ้งไว้เนื่องจากคุณภาพที่ไม่ดีพอหรือไม่ตรงกับความสนใจของผมจริง ๆ   โชคดีที่ในระยะหลัง ๆ  นี้  เริ่มมีหนังสือแปลเป็นภาษาไทยหรือมีคนไทยที่เริ่มเขียนหนังสือที่มีคุณภาพสูงมากขึ้นในเรื่องที่ผมสนใจ  ซึ่งในกรณีแบบนี้ผมก็จะซื้อมาอ่านอย่างไม่ลังเล  เพราะผมจะอ่านได้เร็วขึ้นมาก
	หนังสือที่ช่วย  “เปลี่ยนโลก” ของผม  นั่นคือ  ทำให้ผมรู้จักโลกดีขึ้นมาก  เข้าใจชีวิต  สังคม  และรัฐชาติต่าง ๆ ในโลกนั้นมักจะอิงอยู่กับเรื่องของทฤษฎีวิวัฒนาการของ ชาร์ล ดาร์วิน  ที่พูดถึงพื้นฐานของสิ่งมีชีวิตทั้งหลายรวมถึงมนุษย์ว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร  หนังสือเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของ “มนุษยชาติ” และประวัติศาสตร์ของอารยะธรรมและประเทศต่าง ๆ  นั้นทำให้เราเห็นวิวัฒนาการของคนและสังคมและรู้ว่าอนาคตน่าจะเป็นอย่างไรต่อไป  ประวัติศาสตร์ของสงครามและการทำลายล้างอย่างเช่นเรื่องของสงครามโลกและการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิวนั้นก็สอนให้เราตระหนักในเรื่องของความเสี่ยงเช่นเดียวกับการเรียนรู้ว่าทำไมฝ่ายหนึ่งจึงชนะและฝ่ายหนึ่งพ่ายแพ้  ว่าที่จริงนี่ก็อาจจะเป็นเรื่องของธรรมชาติที่สิ่งมีชีวิตต่างก็ต้องต่อสู้แข่งขันเพื่อเอาตัวรอด  ทั้งหมดนั้นก็จะช่วยให้เรารู้ว่าอนาคตของประเทศไทยหรือสังคมไทยที่เราอาศัยอยู่นั้นจะเป็นอย่างไรเพื่อที่ว่าเราจะได้ตัดสินใจในประเด็นต่าง ๆ  ได้ถูกต้อง  ซึ่งสำหรับผมแล้ว   การลงทุนก็เป็นหนึ่งในนั้น   และหนังสือดี ๆ  ที่เขียนเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้ส่วนมากมักจะเป็นภาษาอังกฤษ  ส่วนหนังสือภาษาไทยนั้น  หลายเล่มก็เขียนได้ดี  อย่างไรก็ตาม  หนังสือบางเล่มที่เกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์หรือการเมืองนั้น  บางทีก็มี “ความลำเอียง” ที่ทำให้เราไม่ได้ความจริงที่จะชี้นำอนาคตได้
	ความสามารถทางภาษาอังกฤษที่ดีนั้น   ผมคิดว่าน่าจะทำให้ชีวิตของเราได้สัมผัสกับความรื่นรมย์  “ระดับโลก”  เช่น  การดูละครเพลงบอร์ดเวย์  ซึ่งต้องอาศัยภาษาอังกฤษที่ดีมาก  หรือการชมภาพยนต์โดยไม่ต้องอ่านซับไตเติลมากนัก  นอกจากนั้น  สำหรับคนที่ชอบอ่านวรรณกรรม  ความสามารถในการอ่านภาษาอังกฤษก็น่าจะช่วยเปิดโลกให้กว้างขึ้นมากสำหรับความบันเทิงที่สุนทรีกว่าความบันเทิงที่จำกัดเฉพาะที่มีในภาษาไทยเท่านั้น  จริงอยู่  ในปัจจุบันนั้นหนังสือแปลมีแพร่หลายขึ้นมาก   แต่ผมคิดว่าการอ่านจากต้นฉบับน่าจะมีอรรถรสกว่าไม่น้อย
	การเขียน  ฟัง และพูด ภาษาอังกฤษได้ดีนั้น  ผมคิดว่าเป็นเรื่องที่สำคัญไม่แพ้การอ่านโดยเฉพาะคนที่ยังต้องทำงาน   ในตำแหน่งที่สูงของทุกองค์กรในปัจจุบันและเฉพาะอย่างยิ่งในอนาคตนั้น  ภาษาอังกฤษที่เป็นเรื่องของการฟัง  พูด  และเขียนได้อย่างดีจะมีความสำคัญเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ  จนคนที่ภาษาอังกฤษแย่นั้นแทบจะไม่มีโอกาสที่จะก้าวหน้าอย่างโดดเด่นได้  เหตุผลก็เพราะเมื่อองค์กรใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ  ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องเกี่ยวข้องกับคนต่างประเทศที่ต่างก็ใช้ภาษาอังกฤษในการติดต่อสื่อสาร  โดยส่วนตัวผมเองจากประสบการณ์การทำงานกับองค์กรใหญ่ ๆ  มาหลายแห่งก็พบว่าภาษาอังกฤษที่ไม่ดีของตนเองโดยเฉพาะการฟัง พูด และเขียน นั้น  น่าจะเป็นตัวที่ถ่วงความก้าวหน้าในหน้าที่การงานอยู่ไม่น้อยทั้ง ๆ  ที่เวลานั้นประเทศไทยก็ยังไม่ได้เปิดมากเหมือนวันนี้
	ผมคงตระหนักในความสำคัญของภาษาอังกฤษมานานและนั่นเป็นเหตุผลที่ผมส่งลูกเรียนในโรงเรียนอินเตอร์มาตั้งแต่ชั้นอนุบาลซึ่งจะทำให้เขาได้ภาษาอังกฤษที่เท่ากับหรือใกล้เคียงกับเจ้าของภาษา  มันเป็น  “การลงทุน” ที่สำคัญและใช้เงินมากทีเดียวเมื่อเทียบกับรายได้ในช่วงนั้นของผมเมื่อเกือบ 20 ปีมาแล้ว  ผลของการที่สามารถใช้ภาษาอังกฤษได้เกือบจะเหมือนกับเจ้าของภาษาทำให้ลูกผมสามารถเดินทางและติดต่อกับชาวต่างชาติได้อย่างสบายใจและมีความสุขจากสิ่งบันเทิงระดับโลกได้โดยไม่มีอุปสรรคทางด้านภาษา  เขาไปเรียนในสถาบันชั้นนำระดับโลกได้ในขณะที่ผมต้องเรียนในสถาบันการศึกษาธรรมดามาก ๆ  ในสหรัฐส่วนหนึ่งเพราะภาษาอังกฤษไม่ดี  เขามีเพื่อนเป็นชาวต่างชาติหลายชาติขณะศึกษาในกรุงลอนดอนที่หลังจากจบการศึกษาแล้วก็ยังติดต่อกันตลอดเวลาและเมื่อมีโอกาสก็มาเยี่ยมเยียนกัน   เมื่อคนหนึ่งแต่งงานเพื่อน ๆ  ก็ยังไปร่วมพิธีเหมือนกับเพื่อนที่อยู่ประเทศเดียวกัน
   ผมเองคิดว่าภาษาอังกฤษนั้น “เปลี่ยนโลก” ของลูกผมจากสิ่งที่ผมทำ  ภาษาอังกฤษ “เปลี่ยนโลก” ของผมแต่มันก็ยังไปได้ไม่เต็มที่เนื่องจากผมไม่มีโอกาสในยามเด็ก  ผม “ดิ้นรน”  ไปเรียนต่างประเทศหลังจากทำงานได้ระยะหนึ่งแล้วโดยมีเหตุผลลึก ๆ  จริง ๆ  อยู่ที่การได้เรียนรู้และอยู่ในสังคมของคนพูดภาษาอังกฤษ  สี่ปีของการศึกษานั้น  สิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่ผมได้รับก็คือ  ความสามารถในการอ่านและศึกษาเรื่องการเงินและการลงทุนแบบ VI ในภายหลัง  เช่นเดียวกัน  ผมยังมีความสามารถในการอ่านและเสพสิ่งอื่น ๆ  ที่มีความสำคัญและเป็นความบันเทิงของชีวิตแม้ว่าจะไม่เต็มร้อย    สำหรับคนที่ยังไม่เก่งภาษาอังกฤษ  การ “ลงทุน” เรียนรู้มันอย่างทุ่มเทนั้นจะเป็นสิ่งที่คุ้มค่า  ยิ่งเรียนอายุน้อยก็ยิ่งได้ผลดีเท่านั้น
[/size]



ตอบกลับโพส