เลือกข้าง/ธันวา เลาหศิริวงศ์

บทความต่างๆที่ตีพิมพ์ใน ThaiVI คุณสามารถแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม
ตอบกลับโพส
Thai VI Article
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
กระทู้: 1243
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ก.ค. 11, 2012 10:42 pm

เลือกข้าง/ธันวา เลาหศิริวงศ์

โพสต์ โดย Thai VI Article » พฤหัสฯ. ม.ค. 23, 2014 10:49 am

โค้ด: เลือกทั้งหมด

ช่วงเวลาเกือบสามเดือนนับตั้งแต่วันที่ 31 ตุลาคม 2556 ที่สถานการณ์การเมืองไทยกลับมาร้อนแรงและเพิ่มระดับความเข้มข้นเรื่อยมาจนถึงปฏิบัติการ “shutdown” กรุงเทพฯ โดยกลุ่ม กปปส. หรือคณะกรรมการประชาชนเพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข มีมวลมหาประชาชนเข้าร่วมชุมนุมมากมายอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อนในประวัติศาสตร์ชาติไทย
สื่อวิทยุ โทรทัศน์ โซเชียลมีเดีย และสื่อออนไลน์ ล้วนมีข่าวความเคลื่อนไหวด้านการเมืองเพิ่มมากขึ้นอย่างชัดเจน ทั้งฝ่ายสนับสนุนและฝ่ายต่อต้านรัฐบาลต่างอ้าง “ความชอบธรรม” พร้อมข้อมูลที่ทำให้อีกฝ่ายดูแย่ลง คนไทยที่ตัดสินใจ “เลือกข้าง”แล้วมักเลือกเสพข่าวสารเฉพาะที่ตนต้องการรับฟัง จึงเกิดปรากฏการณ์ “unfriend” ในโลกออนไลน์มากขึ้น วลีที่ว่า “ท. ทหาร อดทน” จึงเข้ากับสถานการณ์ปัจจุบันได้อย่างดีในยามที่ทั้งสองฝ่ายต่างอยากให้ทหาร “เลือกข้าง” มาสนับสนุนฝ่ายตน
หากนักลงทุนต้องอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องเลือก “เลือกข้าง” อาจพิจารณาตัดสินใจลงทุนตามสถานการณ์ดังต่อไปนี้
สถานการณ์แรก การจับจังหวะซื้อขาย (Time the market) ซื้อถูกขายแพงแบบเข้าเร็วออกเร็ว มักเหมาะกับนักลงทุนที่เก่งในการคาดการณ์การขึ้นลงของราคาได้อย่างถูกต้อง นักลงทุนอาจลองนึกย้อนถึงธุรกรรมซื้อขายของตนในอดีตที่เข้าข่ายดังกล่าว หากพบว่า มักตัดสินใจซื้อขายผิดจังหวะต้องขาดทุน เกิดความกังวล ใจจดจ่อ ไม่มีสมาธิเพราะต้องติดตามตลาดใกล้ชิด ไม่มีความสุขกับการลงทุน การพิจารณาเลือกแนวทางการลงทุนระยะยาวที่เน้นปัจจัยพื้นฐานและผลประกอบการของกิจการน่าจะเหมาะกับตนมากกว่า
สถานการณ์ที่สอง การตัดสินใจลงทุนตามข่าวลือ ตามเซียน ตามผู้บริหาร หรือตามกระแสต่างชาติ แม้จะได้ผลกำไรดีจนอาจคิดได้ว่าเป็นการค้นพบสูตรสำเร็จการลงทุน แต่ต้องไม่ลืมว่า การตัดสินใจลงทุนของแต่ละคนอาจมีเหตุผลแตกต่างกันไป การลงทุนตามผู้อื่นจึงไม่ใช่เป็นวิธีการลงทุนที่ยั่งยืน นักลงทุนควรใช้เวลาศึกษาเพื่อเลือกแนวทางการลงทุนที่เหมาะกับตน โดยผ่านขบวนการคิด วิเคราะห์ แยกแยะด้วยตนเอง ข้อมูลดังกล่าวควรใช้เป็นเพียงส่วนประกอบแต่ไม่ใช่ปัจจัยหลักในการตัดสินใจลงทุน
สถานการณ์ที่สาม ต้องเห็นด้วยกับคำกล่าวที่ว่า “ความแน่นอน คือความไม่แน่นอน” เพราะหากย้อนดูความเคลื่อนไหวราคาหุ้นในช่วงที่ผ่านมานั้นมักขึ้นลงแบบฝืนความรู้สึกอย่างมาก  การตัดสินใจซื้อขายด้วยมาร์จิ้น หรือการซอร์ตเชลในภาวะปัจจุบันจึงนับว่ามีความเสี่ยงสูง นักลงทุนควรเลือกลงทุนเพียงจากเงินสะสมที่มีอยู่เท่านั้น ส่วนนักลงทุนเต็มเวลาควรเลือกสำรองเงินสดสำหรับค่าใช้จ่ายให้เพียงพอที่จะก้าวผ่านวิกฤติการเมืองช่วงนี้ เพื่อจะได้ไม่เครียดหรือเพิ่มความกังวลโดยไม่จำเป็น
สถานการณ์ที่สี่ นักลงทุนมักชอบความแน่นอน คาดการณ์ได้แต่ไม่ชอบความคลุมเครือ ขณะที่มีรัฐบาลรักษาการและรอความชัดเจนของรัฐบาลใหม่ ย่อมต้องส่งผลกระทบต่อผลประกอบการของหุ้นที่เกี่ยวข้องกับนโยบายภาครัฐอย่างแน่นอน หากบังต้องการลงทุน  จะต้องเลือกหลีกเลี่ยงหุ้นที่เกี่ยวข้องกับภาครัฐจนกว่าจะเริ่มมีความชัดเจนว่าจะได้รับผลดีจากนโยบายรัฐบาลใหม่
 สถานการณ์ที่ห้า แม้วิเคราะห์ ศึกษาอย่างละเอียดและคัดเลือกกิจการมาอย่างดี แต่นักลงทุนที่เริ่มเข้าลงทุนเมื่อหกเดือนที่ผ่านมานั้น อาจท้อแท้หรือต้องผิดหวังกับผลตอบแทนที่ได้รับเนื่องจากภาวะตลาดไม่สดใสนัก นักลงทุนจะต้องอดทนและมองข้ามผลตอบแทนระยะสั้นโดยเลือกที่รอวัดผลตอบแทนในระยะยาวแทน หากวางแผนลงทุนระยะยาว 10-15 ปีขึ้นไป นักลงทุนทุกคนจะต้องเผชิญทุกสภาวะตลาด นักลงทุนจำเป็นต้องอดทนเพื่อผ่านช่วงเวลานี้ไปให้ได้เพื่อถึงวันที่ฟ้าสดใสในอนาคตข้างหน้า
สถานการณ์สุดท้าย นักลงทุนที่เข้าลงทุนหลังวิกฤติเศรษฐกิจ ล้วนมีความสุขจากผลตอบแทนที่ดีตลอดหลายปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ยามที่ประเทศไทยเผชิญวิกฤติการเมืองซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ ขณะที่เริ่มมีสัญญาณการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของประเทศอเมริกา กลุ่มประเทศยุโรปและเอเชียเหนือ อาจทำให้ตลาดหุ้นไทยมีความน่าสนใจลดลง นักลงทุนควรเลือกตั้งเป้าหมายผลตอบแทนของปีนี้ในระดับที่สมเหตุสมผลแทน นี่คือการ “เลือกข้าง” ไม่เครียดและมีความสุขกับการลงทุนวิธีหนึ่ง
ที่กล่าวมาเป็นตัวอย่างสถานการณ์หากนักลงทุนจำเป็นต้องเลือกข้าง อย่างไรก็ตาม ยังมีอีกบางสถานการณ์ที่นักลงทุนไม่จำเป็นต้องเลือกข้างใดข้างหนึ่ง ทั้งนี้เพราะแต่ละทางเลือกล้วนมีความสำคัญไม่แพ้กัน เช่น การสร้างความสมดุลทั้งด้านการทำงานและการดำเนินชีวิต (Work/Life Balance) การให้ความสำคัญกับแผนสำรอง (Plan B) ในการดำเนินชีวิต เป็นต้น
คำพูดที่ฟังดูดีในช่วงเวลานี้คือได้ตัดสินใจ “เลือกข้าง” แล้ว โดย “เลือกอยู่ข้างประเทศไทย” ผมมั่นใจว่าชาวไทยทุกคนต้องการเห็น ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับความขัดแย้งและพี่น้องชาวไทยทุกคนใช้สติและปัญญา เสียสละ ลดทิฐิเพื่อแก้ไขปัญหาวิกฤติบ้านเมืองที่กำลังประสบอยู่ขณะนี้ โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ส่วนรวมเป็นที่ตั้ง เพื่อคืนความสงบและสันติสุขกลับสู่แผ่นดินไทยอีกครั้ง… รักเธอ ประเทศไทย!
[/size]



ตอบกลับโพส