ยิ่งสูง... ยิ่งหนาว/ธันวา เลาหศิริวงศ์

บทความต่างๆที่ตีพิมพ์ใน ThaiVI คุณสามารถแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม
ตอบกลับโพส
Thai VI Article
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
กระทู้: 1243
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ก.ค. 11, 2012 10:42 pm

ยิ่งสูง... ยิ่งหนาว/ธันวา เลาหศิริวงศ์

โพสต์ โดย Thai VI Article » พฤหัสฯ. ก.พ. 20, 2014 3:37 pm

โค้ด: เลือกทั้งหมด

นับเป็นอีกครั้งที่ผมได้กลับมาเที่ยวประเทศญี่ปุ่น เป้าหมายหลักในการมาเกาะฮอกไกโดครั้งนี้คือ การเที่ยวชมเทศกาลหิมะที่ขึ้นชื่อของเมืองซับโปโรและแหล่งท่องเที่ยวฤดูหนาวตามเมืองสำคัญต่างๆ เกาะฮอกไกโดตั้งอยู่เหนือสุดของประเทศจะมีหิมะปกคลุมเกือบเต็มพื้นที่นานกว่า 3-4 เดือนในช่วงฤดูหนาว บทความนี้ผมเขียนระหว่างการเดินทางซึ่งบางวันต้องเผชิญอากาศหนาวเหน็บที่อุณหภูมิต่ำกว่า -20 องศาเซลเซียส
“ยิ่งสูง ยิ่งหนาว” จึงเป็นวลีที่นึกถึงและเป็นความจริงแท้แน่นอน แม้เป็นวลีสั้นๆ แต่ก็ประยุกต์ใช้ได้กับหลายสถานการณ์ ได้แก่
ในด้านหน้าที่การงาน รัฐมนตรี นักการเมือง ผู้บริหารระดับสูงทั้งหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ล้วนมีบทบาทและหน้าที่สำคัญต่อองค์กรอย่างมาก การตัดสินใจแต่ละครั้งมักเป็นเรื่องสำคัญจึงต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ หากตัดสินใจผิดพลาดจะเกิดความเสียหายทั้งต่อส่วนรวมและต่อตนเองได้ นี่คือมิติหนึ่งของ “ยิ่งสูง ยิ่งหนาว”  อย่างไรก็ตาม หากผู้นำยึดหลักจริยธรรมและมโนธรรมโดยเลือกทำเฉพาะสิ่งถูกต้องเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม คงไม่ต้องกังวลมากนักหากเสร็จสิ้นภารกิจหน้าที่ของตน
นอกจากเกียรติยศ ชื่อเสียง และมีผู้คนจำนวนมากต้องการเข้ามาพบ ผู้นำดังกล่าวมักจะได้รับสิทธิพิเศษ มีผู้ช่วย ผู้ติดตามคอยช่วยอำนวยความสะดวกอยู่เสมอ ผู้นำที่ดีจึงต้อง “ไม่ยึดติด” และรู้จัก “ปล่อยวาง” กับสิ่งที่เคยได้รับเมื่อบทบาทหน้าที่ของตนหมดไป
ในด้านการลงทุน นักลงทุนอาจตกอยู่ภาวะ“ยิ่งสูง ยิ่งหนาว” ได้เช่นกัน กรณีแรก การเข้าซื้อหุ้น ณ ระดับราคาที่สูงกว่าปัจจัยพื้นฐาน หรือ ณ ระดับราคาที่ไม่มีส่วนต่างความปลอดภัย (Margin of Safety) ไม่ว่าด้วยเหตุปัจจัยใดก็ตาม นักลงทุนต้องหมั่นติดตามปัจจัยดังกล่าวอย่างใกล้ชิด เพราะหากไม่เกิดขึ้นจริง ราคาหุ้นที่ปรับตัวสูงขึ้นก่อนหน้าจะปรับลดลงมาในไม่ช้า นอกจากนี้ ราคาหุ้นที่ตอบรับปัจจัยดังกล่าวแล้วมักจะไม่ปรับสูงขึ้นอีกมากนัก และต้องรอจนกว่าผลประกอบการจะดีตามคาดการณ์ไว้
กรณีที่สอง การซื้อหรือถือหุ้นที่มี “ความคาดหวังสูง” ทั้งการเติบโตรายได้และกำไร หากหุ้นเหล่านี้มีผลประกอบการดีกว่าคาด ราคาหุ้นยังสามารถปรับตัวขึ้นต่อไป แต่หากไม่ใช่กิจการที่ยอดเยี่ยมถาวร ราคาหุ้นจะถูกปรับลดระดับความถูกแพงตามความคาดหวังที่ลดลงเช่นกัน นักลงทุนจึงต้องหมั่นวิเคราะห์และประเมินความคาดหวังและความจริงอย่างสม่ำเสมอ
กรณีสุดท้าย หุ้นที่ถือมีราคาหุ้นสูงเกินปัจจัยพื้นฐาน หุ้นที่เคยให้ผลตอบแทนที่ดีเยี่ยมในอดีตอาจไม่ให้ผลตอบแทนดีเช่นเดิม ยิ่งราคาหุ้นที่ปรับตัวสูงขึ้นมากโดยไม่มีปัจจัยรองรับเพียงพอแล้ว โอกาสที่ราคาหุ้นจะปรับลดลงจึงมากกว่าที่จะปรับสูงขึ้น
แม้แนวทางการลงทุนแบบเน้นคุณค่าจะเน้นการถือหุ้นระยะยาวเป็นหลัก แต่เมื่อเผชิญภาวะ “ยิ่งสูง ยิ่งหนาว” นักลงทุนอาจเกิดความกังวลและไม่สบายใจที่จะถือหุ้นต่อ ในการพิจารณาตัดสินใจ “ขายหุ้น” จึงต้องไม่ลืมประเด็นต่อไปนี้ 
	หนึ่ง ผลประกอบการของกิจการไม่เป็นไปตามคาด หรือมีเหตุปัจจัยใหม่ที่ทำให้เชื่อได้ว่าพื้นฐานของกิจการเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง นักลงทุนต้องวิเคราะห์ถึงเหตุปัจจัยที่ทำให้พื้นฐานของกิจการแตกต่างจากการวิเคราะห์ครั้งแรกช่วงก่อนเข้าลงทุนครั้งแรก นี่คือบทเรียนสำคัญเพื่อพัฒนาการลงทุนของตนให้ดียิ่งขึ้น
	สอง ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นสูงเกินปัจจัยพื้นฐานมาก หรือสูงเกินช่วงระดับราคาที่คาดหมายไว้ แม้เป็นเรื่องยากที่จะประเมินมูลค่าหุ้นได้อย่างแม่นยำ การขายหุ้นกรณีนี้จึงเหมาะกับนักลงทุนที่โดดเด่นในการประเมินมูลค่าหุ้นเพราะต้องซื้อหุ้นกลับในอนาคตเช่นกัน การซื้อขายหุ้นบ่อยครั้งจะทำให้นักลงทุนมุ่งเน้นเรื่อง “ราคา” มากและอาจลดความสำคัญด้าน “คุณภาพ” ของกิจการลงได้ 
สาม ขายเพื่อซื้อกิจการยอดเยี่ยมอื่นที่มี Margin of Safety มากกว่า นี่คือกลยุทธ์การปรับพอร์ต (switching) เพื่อการบริหารทรัพยากรที่มีอยู่จำกัดให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด การขายหุ้นในกรณีนี้ นักลงทุนต้องมีรายชื่อหุ้น (watch/wish list) และศึกษาราคาเป้าหมายแต่ละตัวไว้เสมอเพื่อพร้อมปรับพอร์ต (switching) เมื่อจังหวะและเวลาเหมาะสม
สี่ ขายเพื่อการบริหารจัดการทรัพย์สิน Asset Allocation นอกเหนือจากการลงทุนหุ้น นี่คือการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การลงทุนที่สำคัญเพราะเป็นการขายหุ้นที่ไม่เกี่ยวกับปัจจัยพื้นฐานของกิจการ นอกจากนี้อาจต้องขายหุ้นก่อนราคาเป้าหมายซึ่งมักไม่ใช่ราคาที่ดีนัก นักลงทุนต้องไม่ลืมว่า หากยังต้องการผลตอบแทนในการลงทุนแล้ว การลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ยังให้ผลตอบแทนเฉลี่ยดีกว่าการลงทุนประเภทอื่นในระยะยาว
การเป็นนักลงทุนระยะยาวไม่ได้มีเป้าหมายว่าต้องซื้อและถือหุ้นอย่างน้อย 2-3 ปีหรือตลอดไป นักลงทุนที่ประสบความสำเร็จยังต้อง “ไม่ยึดติด” และต้องรู้จัก “ขายหุ้น” เมื่อเผชิญภาวะ “ยิ่งสูง ยิ่งหนาว” ตามความเหมาะสมและตามกลยุทธ์ของตน
จากการติดตามดัชนีตลาดหลักทรัพย์ทั่วโลกในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมาระหว่างการเดินทางจะพบว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยไม่เปลี่ยนแปลงไม่มากนักแตกต่างกับการปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องของตลาดหุ้นส่วนใหญ่ทั่วโลก ด้วยความจริงดังกล่าว หากเปรียบเทียบตลาดหุ้นไทยกับตลาดหุ้นต่างประเทศและฟันธงว่าตลาดหุ้นไทยอยู่ในภาวะ “ยิ่งสูง ยิ่งหนาว” เพื่อขายหุ้นไทยก็อาจจะไม่ถูกต้องนัก
[/size]



ตอบกลับโพส