โค้ด: เลือกทั้งหมด
วันแห่งความรักเวียนมาถึงอีกครั้งหนึ่งแล้ว ดิฉันเคยเขียนถึงการจัดการการเงินของครอบครัวไปแล้ว ในปีนี้ขอเขียนถึงการจัดการความสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงาน เผื่อว่าท่านผู้อ่านจะได้ปรับปรุงความสัมพันธ์ให้ดียิ่งขึ้นค่ะ
อ่านพบบทความที่เขียนโดยมีเค้าโครงจากงานวิจัยของอาจารย์โรงเรียนบริหารธุรกิจเคลลอกก์ มหาวิทยาลัยนอร์ธเวสเทิร์น นำทีมโดย ศาสตราจารย์ จีนน์ เบรตต์ ได้ให้เทคนิคในการปรับปรุงความสัมพันธ์ในระหว่างเพื่อนร่วมงาน 5 ข้อดังนี้
ข้อแรก เมื่อมีประเด็นความขัดแย้ง ให้ถามตัวเองก่อนว่า ความขัดแย้งนั้นเป็นเรื่องของวัฒนธรรมหรือไม่ บ่อยครั้งที่การบริหารงานจะต้องมีการบริหารบุคลากรที่มีวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน ดังนั้นจึงต้องมีความระมัดระวังในการตั้งสมมุติฐาน หรือทึกทักเอาว่า คนนั้นน่าจะเป็นอย่างนั้น คนนี้น่าจะคิดอย่างนี้ เพราะแต่ละคนเติบโตมาในสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกัน
พนักงานในโลกปัจจุบันจึงต้องพยายามเข้าใจวัฒนธรรมที่ต่างออกไปของเพื่อนร่วมงาน และพยายามปรับตัวเองให้มองหาวิธีการที่จะทำงานด้วยกันอย่างราบรื่น
ข้อที่สอง พยายามมองประเด็นจากมุมมองของอีกฝ่ายหนึ่ง ถ้าปัญหาความขัดแย้งไม่ได้เกิดจากวัฒนธรรม บางทีการมองประเด็นปัญหาจากมุมมองของคนอื่น ก็อาจจะทำให้เราเห็นประเด็นชัดเจนขึ้น และสามารถหาทางแก้ไข หรือจัดการกับประเด็นนั้นได้ง่ายขึ้น เรื่องแบบนี้นักจิตวิทยา และนักอักษรศาสตร์จะทำได้ดีค่ะ เพราะในการเรียนวิชาจิตวิทยา และวิชาวรรณกรรม ผู้เรียนจะต้องพยายามเข้าใจพฤติกรรมและเข้าใจจิตใจของบุคคลหรือตัวละคร ซึ่งสามารถประยุกต์มาใช้ในการทำงานได้
เรื่องนี้ ศ.อิไล ฟินเคิล เคยทำวิจัยคู่รัก 120 คู่ และสอบถามถึงการทะเลาะเบาะแว้งหลักๆในทุกๆสี่เดือน และให้คะแนนด้านต่างๆของความสัมพันธ์ เช่น ความพึงพอใจ ความรัก ความใกล้ชิด ความทุ่มเท ฯลฯ หลังจากหนึ่งปีผ่านไป พบว่าคู่รักส่วนใหญ่รู้สึกพึงพอใจต่อความสัมพันธ์ระหว่างกันน้อยลงไปเรื่อยๆ เมื่อเวลาผ่านไป
ในปีที่สองของการวิจัย ศ.ฟินเคิล แบ่งคู่รักออกเป็นสองกลุ่ม ทุกๆสี่เดือน กลุ่มแรกจะได้รับคำสั่งให้ บรรยายถึงการทะเลาะเบาะแว้งกับคู่รักของตนเอง ในสายตาของบุคคลที่สาม (บุคคลภายนอก) เป็นเวลาประมาณ 7 นาที อธิบายถึงอุปสรรค และอธิบายว่าคู่รักคู่นั้นจะสามารถก้าวข้ามอุปสรรคนั้นได้อย่างไร ผลปรากฏว่า ความสัมพันธ์ของคู่รักในกลุ่มนี้เป็นที่น่าพอใจมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเจน แม้ว่าปัญหาการทะเลาะเบาะแว้งจะมีเท่าๆกันกับกลุ่มที่ไม่ได้อธิบายในสายตาและมุมมองของบุคคลที่สาม
นอกจากการมองจากมุมมองของบุคคลภายนอกจะช่วยทำให้ความสัมพันธ์ของคู่รักดีขึ้นแล้ว ยังช่วยทำให้ชีวิตด้านอื่นๆของคู่รักเหล่านั้นดีขึ้น มีความสุขมากขึ้นด้วย ช่วงเวลา 21 นาทีต่อปี ที่ลงทุนไปจึงให้ผลตอบแทนอย่างมหาศาล จึงแนะนำให้นำมาใช้กับเพื่อนร่วมงานด้วย
ข้อที่สาม ปรับปรุงการเจรจาต่อรอง ทำอย่างไรจะได้ในสิ่งที่ต้องการ โดยไม่ต้องแลกกับสิ่งที่สำคัญสำหรับเรา ศ.มากาเรต นีล แห่งมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด และ ศ.โทมัส ไลส์ ของเคลลอกก์ แนะนำว่า ให้ลดการแสดงออกทางอารมณ์ของเรา โดยพยายามทำความ
เข้าใจคนที่ฝั่งตรงกันข้ามที่กำลังเจรจาต่อรองกับเราว่า ทำไมเขาจึงทำในสิ่งที่ทำอยู่ และตัดสินว่าสิ่งที่เราต้องการหรืออยากเห็นนั้น จริงๆแล้วขัดแย้งกับสิ่งที่คนที่อยู่ฝั่งตรงกันข้ามมองหรือไม่
ข้อที่สี่ ถ้าเห็นว่าไม่ใช่ ต้องเจรจาต่อรอง ศ.ลีห์ ทอมป์สัน แห่งเคลลอกก์ ชี้ว่า โดยปกติผู้หญิงมักจะไม่กล้าเจรจาต่อรอง เพราะกลัวผลสะท้อนกลับในทางลบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องบทบาทของตัวเองในองค์กร และปล่อยให้เป็นเรื่องที่ค้างคาอยู่ในใจ ดังนั้นควรจะต้องกล้าที่จะต่อรอง แต่ไม่ใช่ถามไปตรงๆว่า “เรื่องนี้ต่อรองได้ไหม” เพราะคำตอบจะเป็น “ได้” หรือ “ไม่ได้” ควรมีศิลปะในการถามและเจรจา
ข้อที่ห้า ปรับแสงไฟไม่ให้จ้าจนเกินไป งานวิจัยของ ศ.อาภรณ์ ลาโบร จากเคลลอกก์ ชี้ให้เห็นว่า แสงที่จ้าเกินไปในห้องอาจทำให้รู้สึกร้อน และทำให้อารมณ์ร้อนตามไปด้วย ความจ้าหรือทึมของแสง เปลี่ยนวิธีการมองคนอื่นของเรา และอาจจะทำให้การเจรจาต่อรองเปลี่ยนไป ดังนั้นถ้าอยากเจรจาให้สงบและมีสันติสุข ควรจะเจารจาในที่ที่แสงทึมลง ไม่สว่างจ้าจนเกินไปค่ะ
ยังพอมีพื้นที่เหลือ ดิฉันขอเขียนต่อถึงเรื่อง ลักษณะของผู้นำสองลักษณะหลักที่ ศ.จอน เมเนอร์ และ ศ.ชาร์ลีน เคส คณาจารย์ของเคลลอกก์ ได้เคยรวบรวมไว้ เชื่อว่าหลายท่านก็เคยได้รับทราบแล้ว ลักษณะแรกคือ Dominance คือการใช้อำนาจ ควบคุม สั่งการ ซึ่งงานสำเร็จด้วยแรงจูงใจด้านรางวัลและการลงโทษ โดยยกตัวอย่างนักธุรกิจที่มีลักษณะนี้คือ สตีฟ จอบส์ กับอีกลักษณะคือ Prestige คือมีอิทธิพลต่อความคิด เป็นแบบอย่าง เป็นที่เคารพและชื่นชม และจะรับฟังความเห็นจากพนักงานมากกว่า โดยยกตัวอย่าง วอเรน บัฟเฟตต์
ทั้งนี้ผู้นำแต่ละลักษณะจะเหมาะสมกับองค์กรต่างประเภทกัน อย่างไรก็ดี ในการขับเคลื่อนองค์กร ควรจะต้องนำทั้งสองลักษณะมาใช้ ตามแต่สถานการณ์ แม้ผู้นำที่ใจดี เวลาถึงบทโหดก็ต้องกระโดดเข้าใส่ได้ค่ะ เพื่อให้องค์กรสามารถเดินหน้า และเติบโตไปได้อย่างแข็งแรง
สุขสันต์วันแห่งความรักค่ะ