option ? ใครเข้าใจบ้าง

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก
ล็อคหัวข้อ
Boring Stock Lover

โพสต์ โดย Boring Stock Lover » พุธ พ.ย. 19, 2003 11:36 am

ลองอ่านดูในหัวข้อ ข้อมูลเพื่อการเรียนรู้ --- เอกสารเผยแพร่ ดุนะครับ

การซื้อขาย options นั้นยังไม่เริ่ม ผมก็รออยู่

ผมอยากให้มี options เป็นรายตัวหุ้น เพื่อเป็นเครื่องมือในการบริหารความเสี่ยงของ port คิดว่าผู้เป็น VI ที่ถือหุ้นยาว 3ปี 5ปี น่าจะชอบ

เช่นตอนที่ Fancy 13 บาท ผมคิดว่ามันราคาเริ่มสูง แต่บริษัทยังดีอยู่ ผมสามารถที่จะขายหุ้น แล้วซื้อoptions ตรงนี้อธิบายยาก ต้องอ่านหนังสือเกี่ยวกับวิธีการเทรดoptons แต่โดยรวมมันจะคล้ายกับการซื้อประกัน

และแน่นอนว่า เมื่อมีความไม่แน่นอนก็มีคนเข้ามาเก็งกำไร ซึ่งอาจจะเป็นเหตุให้ตลาดoptions ยังไม่เกิด

ผมอ่านข่าวในรอบเดือนที่ผ่านมา ก็สดุดกับข่าวหนึ่งที่มีผู้ใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์หรือ กลต. ที่ให้ความเห็นในเชิงไม่สนับสนุน เพราะว่าตลาดDerivative นั้นไม่ได้เป็นเครื่องมือระดมทุน ซึ่งผมไม่เห็นด้วยเนื่องจากนักลงทุนก็ต้องการเครื่องมือป้องกันความเสี่ยง เพื่อที่จะได้ลงทุนเพิ่มมากขึ้น



Boring Stock Lover

โพสต์ โดย Boring Stock Lover » พฤหัสฯ. พ.ย. 20, 2003 11:04 am

ลองอ่านดู
http://www.set.or.th/options/download/t ... ion_th.pdf

ผมว่าเป็นเอกสารที่ดี



Boring Stock Lover

โพสต์ โดย Boring Stock Lover » ศุกร์ พ.ย. 21, 2003 1:53 pm

ในมุมมองผม ความเสี่ยงคือความยากง่าย(แม่นยำ)ในการคาดการณ์อนาคต

การจ่ายค่า premium นั้นทำให้ต้นทุนสูงขึ้นแต่จะได้หุ้นแน่ๆในราคาที่รู้แน่ๆ ซึ่งเท่ากับ

ไม่เสี่ยง ในกรณีที่ยกมาถ้าเป็นผมคงซื้อหุ้นหลักมากกว่า

แต่สิ่งที่ผมต้องการใช้options เป็นเครื่องมือบริหารความเสี่ยงคือ ยามที่ราคาหุ้นที่ถือขึ้น

เกินเลย แต่ผมไม่อยากขายหุ้นออกไป เช่น ตอนที่ หุ้นxxxxx ขึ้นไป 13 บาท โดยที่ผม

คิดว่าหุ้นตัวนี้มีราคาเหมาะสมต่ำกว่านี้ ผมสามารถซื้อ put option ที่ 15 บาท โดย

premium อาจจะเท่ากับ 2.5 บาท ถ้าหุ้นลง put option ที่ผมถือก็มีมูลค่ามากขึ้น ผมก็

สามารถขายไปแล้วได้กำไร ถ้าหุ้นขึ้น เกืน 15บาท put option ที่ถือก็เป็นเศษกระดาษ

แต่ผมก็ยังมี หุ้นหลักอยู่โดยมี ต้นทุนเพียง 50สตางค์

แต่พอไม่มี Option ก็ทำให้ ผมต้องขายหุ้นหลักออก ในลักษณะ short against port

ในภาพรวม ก็อาจจะเป็นอย่างที่คุณ ayethebing ว่าเป็นการเก็งกำไรมากกว่า ผมอาจจะ

มองโดยเอาผลประโยชน์ของผมเป็นที่ตั้ง อาจเป็นเพราะผม short against port แล้ว

หลายครั้งเกิดสภาวะตลาดที่ไม่ดี เห็นราคามันลงแล้วก็ไม่ซื้อคืนเพราะหวังว่ามันลงต่อ

จนบางครั้งไม่ได้ซื้อคืน



Nominee

โพสต์ โดย Nominee » ศุกร์ พ.ย. 21, 2003 2:40 pm

จริงๆ แล้วประโยชน์ของ option มีเยอะมากนะครับ ถ้าใช้ให้ถูกวิธี แต่ถ้ามองว่าเป็นการเก็งกำไรมันก็จะไม่เกิดเสถียรภาพขึ้น อย่างตลาดหุ้นบ้านเรา จุดประสงค์ในการตั้งขึ้นเพื่อเป็นแหล่งระดุมทุน และลงทุนระยะยาว ถือหุ้นกันเป็นปีเพื่อรอปันผลและ capital gain ไม่ใช่เพื่อการเก็งกำไรเหมือนคนจำนวนมากในตลาดหุ้นบ้านเรา

ผมว่าคนที่เรียนด้าน finance มาคง happy แน่นอนที่จะเกิด option ขึ้นในบ้านเรา เพราะจะช่วยลดความเสี่ยงในตลาดลงได้เยอะ คุณสามารถซื้อทั้ง call option และ put option ในเวลาเดียวกัน แล้วสร้างกราฟให้เกิดการทำ arbitrage ได้ ผมจะไม่ขอกล่าวเพราะมีรายละเอียดเยอะมาก โปรดศึกษาจากตำรา text book ที่ขายทั่วไป

หรือกรณีที่ผมมองว่า หุ้น A น่าจะมีราคาปรับตัวขึ้นได้มากในอนาคต แต่ผมมีเงินจำกัด แทนที่ผมจะซื้อหุ้น A ในตลาด 10,000 หุ้นที่ 8.5 บาท (ใช้เงินถึง 85,000 บาท) ผมจะไปซื้อ option แทน 10,000 หน่วยในราคา 1 บาท (ใช้เงินเพียง 10,000 บาท) ถ้าราคาหุ้นปรับตัวขึ้นจริง สมมติขึ้นไปเป็น 12 บาท ผมก็จะ offset แล้ว ก็รับส่วนต่างไป 2.5 บาท จากทุนเพียง 1 บาท ได้กำไรไป 250% มากกว่าการวางเงินซื้อหุ้นจริงซึ่งจะได้กำไรเพียง 42% เท่านั้น ในทางกลับกันถ้าหุ้นไม่ขึ้น ก็จะขาดทุนเพียง 10,000 บาทเท่านั้น

ส่วนตัวอยากเห็น option เกิดขึ้นมานะ แต่ต้อง educate ตลาดให้รู้จักใช้มันให้เกิดประโยชน์จริง ๆ ก่อน ถึงจะทำให้มัน efficient ได้



Boring Stock Lover

โพสต์ โดย Boring Stock Lover » ศุกร์ พ.ย. 21, 2003 4:29 pm

ผมคิดว่าการที่เรามานั่งคำณวณ DCF หรือ การหามูลค่าเหมาะสมของกิจการ และรอซื้อยามที่ราคาของกิจการนั้นต่ำกว่ามูลค่าที่เราคาดการณ์ เราก็สามารถบอกได้ว่า ณ ราคาระดับใดเริ่มเป็นราคาที่สูงเกินจริง (ในการคำณวณของเรา ซึ่งอาจจะถูกหรือผิดก็ได้)

สำหรับผมที่นิยมถือหุ้นยาว (5-10ปี) ผมก็ยังอยากมีเครื่องมือในการบริหาร port ยามที่ตลาดร้อนแรงและตกต่ำกว่าที่เป็น

สำหรับfuture ของสินค้าเกษตรก็กำลังเกิดขึ้น เข้าใจว่าจะเริ่มในครึ่งแรกของปีหน้า

ลึกๆในใจผมคาดหวังว่าการมี option อาจทำให้ warrant ลดลง เป็นแค่ความฝัน

ผมเห็นด้วยกับการให้การศึกษา



Boring Stock Lover

โพสต์ โดย Boring Stock Lover » ศุกร์ พ.ย. 21, 2003 4:59 pm

ผมคิดว่าประเด็นสำคัญคือเราไม่รู้ว่าทำไมหุ้นขึ้นหรือลง ผมจึงอยากได้ตัวช่วยขยายเวลาตัดสินใจ หรือหาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนที่จะตัดสินใจปล่อยหุ้นออกไป



Nominee

Agricultural Future Exchange

โพสต์ โดย Nominee » อาทิตย์ พ.ย. 23, 2003 4:13 pm

Who involved in Seminar of "Agricultural Future Exchange" on Nov 14? Who wanna share idea with me on this regard? Do you think it's workable in Thailand or not? Press your idea, please.



Boring Stock Lover

โพสต์ โดย Boring Stock Lover » อาทิตย์ พ.ย. 23, 2003 5:01 pm

คุณ nominee เล่าให้ฟังหน่อยสิครับว่าในงานเป็นอย่างไร พอดีไม่คิดจะเป็นผู้ลงทุนในตลาดเกษตร รวมถึงหุ้นกลุ่มเกษตรเลยไม่ได้ไป

ส่วนตัวคิดว่าอย่างน้อย ก็จะมีราคาอ้างอิง (กรอบราคา) ที่จะทำให้ผู้เกี่ยวข้องรับทราบ ในอนาคตก็คงมีสำนักวิเคราะห์ รวบรวมข้อมูล ปริมาณ demand supply ของสินค้าที่เกี่ยวข้อง หวังว่าคงทำให้ผู้ประกอบการด้านเกษตร สามารถบริหารงานได้ดีขึ้น

พอดีเพื่อนผมทำเกษตรกรรมสวนยาง และเกือบโค่ยต้นยางและไปปลูกใบยาและกาแฟแทนเมื่อ2-3ปีที่แล้ว โชคดีที่ไม่ทำ ก็หวังว่าการมีตลาดล่วงหน้าทำให้มีข้อมูลมากขึ้นในการตัดสินใจ

อ้อ... วันนี้ไปงาน Set in the City มาก็เลยถามเจ้าหน้าที่ตลาดถึงความคืบหน้า... โดยสรุป
Options คงจะไม่เริ่มเทรดในเร็ววัน คาดว่าปลายปีหน้า และคงเริ่มที่ SET 50 ก่อน
Bonds จะเริ่มเทรดแล้วในวันที่ 26 พย. นี้

เรื่อง Bond ก็คงเป็นโอกาสสำหรับนักลงทุน สามารถบริหาร port ได้ยืดหยุ่นขึ้น



Nominee

โพสต์ โดย Nominee » จันทร์ พ.ย. 24, 2003 9:13 am

ขอโทษที่บางครั้งต้องเขียนภาษาอังกฤษสลับภาษาไทย เพราะถ้าเปิดที่บ้านจะส่งภาษาไทยไม่ได้

เรื่องตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้า ผมสนใจมานานพอสมควรแล้ว เพราะประเทศไทยยังต้องพึ่งพิงสินค้าเกษตรอยู่วันยังค่ำ เว้นเสียแต่จะเกิด Big Change ขึ้นกับระบบเศรษฐกิจของประเทศ การมีตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าจะมีประโยชน์ต่อทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องทั้งเกษตรกร (รู้ต้นทุนขาย) โรงสีข้าว(รู้ต้นทุนซื้อ) ผู้ส่งออก(กำหนดราคารับซื้อที่แน่นอน) รัฐบาล(ไม่ต้องเสียงบประมาณในการแทรกแซงสินค้าเกษตร) ประชาชนทั่่วไป (ได้รับรู้ข้อมูลราคาสินค้าเกษตรมากขึ้น และราคาสินค้าน่าจะสมเหตุสมผลมากขึ้น) นักลงทุน (เป็นโอกาสในการสร้างกำไร ถ้ามีความเข้าใจและรู้ทิศทางการเคลื่อนไหวของราคา) ฯลฯ

ในตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้า จะแบ่งนักลงทุนเป็น 2 ประเภท คือ Hedger คือผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียกับตัวสินค้าเกษตรจริง ๆ เช่น เกษตรกร โรงสีข้าว ผู้ส่งออก เป็นต้น เกษตรกรจะสามารถกำหนดราคาขายล่วงหน้าได้ ทำให้คำนวณต้นทุนได้ว่าปลูกแล้วมีกำไรหรือเปล่า ส่วนโรงสีข้าว หรือผู้ส่งออก จะสามารถรู้ต้นทุนขายก่อนล่วงหน้าได้ แล้วจึงไปติดต่อขายสินค้าอีกที นอกจากนั้นยังมีการลดความเสี่ยงโดยใช้ Basis Risk ทำให้ราคาไม่ผันผวนจากที่คาดการณ์มากนัก

ผมไม่อยาก post ยาวเกินไปเดี๋ยวคนอื่นเข้าจะอ่านกันตาแฉะ เอาเป็นว่าถ้าใครสนใจ e-mail มาคุยกับผมได้ ผมไม่ใช้ expert มาจากไหน แต่พอมีความรู้แบบงูงูปลาปลาบ้าง จะไ้ด้มาแลกเปลี่ยน idea กัน
[email protected]



Boring Stock lover

โพสต์ โดย Boring Stock lover » จันทร์ ธ.ค. 15, 2003 6:16 pm

นำขึ้นมาใหม่ให้คุณที่ถามเรี่อง Options



ล็อคหัวข้อ