ถ้าเจอเหตุการณ์อย่างนี้ คนที่เป็นvalue investorจะทำอย่างไรดี
ถ้าเจอเหตุการณ์อย่างนี้ คนที่เป็นvalue investorจะทำอย่างไรดี
สมมติว่าเราซื้อหุ้นA มาที่ราคา 10 บาทต่อหุ้น เมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน เพราะเป็นหุ้นปัจจัยพื้นฐานดี กำไรเติบโตดี ปันผลสูงสม่ำเสมอทุกปี ซื้อมาเพราะคิดแบบชาวVIว่าอยากร่วมเป็นเจ้าของธุรกิจ
คราวนี้2สัปดาห์ผ่านมาเกิดโชคดีมีคนมาสนใจหุ้นตัวนี้เหมือนกันไล่ราคาขึ้นมาสูงถึง 20 บาทต่อหุ้น โดยที่พื้นฐานไม่เปลี่ยนเลย และที่แน่ๆคงมีการไล่ราคาไม่ขึ้นไปกว่านี้แน่ในช่วงก่อนที่จะประกาศผลประกอบการไตรมาสที่จะถึงนี้ ถ้าแนวทางของvalue investor(ถ้าเป็นบัฟเฟต)จะทำอย่างไร
ก. รอดูเฉยๆ ไม่ยินดียินร้าย รู้ว่าราคาเดี๋ยวก็กลับลงมาแล้วก็ต้องกลับขึ้นไปตามพื้นฐานที่ดีในอนาคต
ข.ขายออกไปบางส่วนแล้วรอซื้อกลับเมื่อราคาลงมาที่เหมาะสม(แต่คงไม่ต่ำกว่า 10 บาทแน่) แต่ก็มีความเสี่ยงว่า เราไม่รู้ว่าราคาจะลงมาที่เท่าใด อาจลงมาเล็กน้อยแล้วขึ้นต่อทำให้เราช้อนซื้อกลับไม่ทัน เลยเสียโอกาสที่จะได้กำไรมากขึ้น
ค.รอให้ราคาต่ำลงมาแล้วซื้อเพิ่ม แต่ราคาต้นทุนเฉลี่ยจะเพิ่มขึ้นเป็นมากกว่า 10 บาทต่อหุ้น
ง.วิธีอื่นๆช่วยออกความเห็นหน่อยครับ
คราวนี้2สัปดาห์ผ่านมาเกิดโชคดีมีคนมาสนใจหุ้นตัวนี้เหมือนกันไล่ราคาขึ้นมาสูงถึง 20 บาทต่อหุ้น โดยที่พื้นฐานไม่เปลี่ยนเลย และที่แน่ๆคงมีการไล่ราคาไม่ขึ้นไปกว่านี้แน่ในช่วงก่อนที่จะประกาศผลประกอบการไตรมาสที่จะถึงนี้ ถ้าแนวทางของvalue investor(ถ้าเป็นบัฟเฟต)จะทำอย่างไร
ก. รอดูเฉยๆ ไม่ยินดียินร้าย รู้ว่าราคาเดี๋ยวก็กลับลงมาแล้วก็ต้องกลับขึ้นไปตามพื้นฐานที่ดีในอนาคต
ข.ขายออกไปบางส่วนแล้วรอซื้อกลับเมื่อราคาลงมาที่เหมาะสม(แต่คงไม่ต่ำกว่า 10 บาทแน่) แต่ก็มีความเสี่ยงว่า เราไม่รู้ว่าราคาจะลงมาที่เท่าใด อาจลงมาเล็กน้อยแล้วขึ้นต่อทำให้เราช้อนซื้อกลับไม่ทัน เลยเสียโอกาสที่จะได้กำไรมากขึ้น
ค.รอให้ราคาต่ำลงมาแล้วซื้อเพิ่ม แต่ราคาต้นทุนเฉลี่ยจะเพิ่มขึ้นเป็นมากกว่า 10 บาทต่อหุ้น
ง.วิธีอื่นๆช่วยออกความเห็นหน่อยครับ
ชื่นชมคุณchatchai ครับ
ขอขอบคุณคุณchatchai ที่บอกแนวทางได้ชัดเจนมากเลยครับ แต่ตัวผมเองก็ยังมีประสบการณ์น้อย เพิ่งเริ่มลงทุนไม่นาน ยังไม่เชี่ยวชา่ญ แม้กระทั่งยังไม่แน่ใจเลยว่าราคาที่เราซื้อมีmargin of safty พอหรือไม่ และก็ยังไม่แน่ใจเลยว่าราคาที่เหมาะสมกับพื้นฐานอยู่จุดไหน ก็ลงทุนไปศึกษาไปครับ แต่ระหว่างนี้ก็มีบทเรียนใหม่ๆเกิดขึ้นเลยมาขอคำแนะนำ ขอบคุณในคำแนะนำของคุณchatchai นะครับ แล้วผมจะพยายามศึกษาเพิ่มเติมและปฏิบัติตาม เพราะอยากให้เป็นการลงทุนอย่างมีความสุข มากกว่ามาทุกข์ต้องติดตามราคาตลอดเวลาจนไม่ต้องทำอะไรกันพอดี ขอบคุณครับ
ขอขอบคุณK.Chatchai ครับ ผมเพิ่งเป็นแมงเม่าไม่นาน อยากขอคำแนะนำเพิ่มครับ อยากเป็น VI แบบที่ชื่นชมบทความ ดร.นิเวศน์ แต่ผมมองแบบนี้ครับ ผมทำงานเก็บเงินมาลงทุนแต่ port แค่ 3-4 แสนถ้าเล่นแบบ VI คงโตช้า ตอนนี้เลยมาเล่นหุ้นปั่นแบบไม่โลภมากกำไร 1-2 พันก็พอใจแล้ว คิดว่าเมื่อ port โตพอค่อยไปเป็น VI อยากรบกวน K.Chatchai แนะนำด้วยครับ จะขอบมากครับถ้ามีอะไรแนะนำได้ที่ [email protected]
ผมก็รู้ว่าตลาดหุ้นมันเป็นเกมส์การเงินอย่างนึง ในสถานการณ์ที่สมมติขึ้นนี้ หากเกิดขึ้นจริง ก็แสดงว่าต้องมีคนที่ติดอยู่ที่ราคาสูงแน่ ซึ่งผมคิดว่าส่วนใหญ่ก็คือนักลงทุนรายย่อยอย่างพวกเราๆ บางทีถ้าลองนึกถึงคนเหล่านี้ว่ายังอยู่ในภาวะที่ลำบากกว่าเรา (แม้ว่าจะเป็นหุ้นพื้นฐานไม่เลวก็ตาม) จิดใจอาจจะสงบขึ้นก็ได้นะครับ
เรียนถามพี่ฉัตรชัยครับ
[quote="chatchai"]
แต่ผมยึดหลักที่ว่า ผมซื้อห้นบริษัทนี้เพื่อการลงทนในตัวกิจการ ผมหวังกำไรจากพื้นฐานของบริษัท ดังนั้นผมจึงหวังแค่ส่วนต่างของราคาระหว่างราคาที่ซื้อและราคาที่ผมคำนวณไว้ตามปัจจัยพื้นฐาน
ดังนั้นถ้าราคายังไม่ถึงที่ผมคำนวณไว้ ผมก็จะไม่ขาย และไม่เสียดายอะไรที่ไม่ได้ทำ Short ออกไปก่อน เพราะผมไม่ได้หวังที่จะได้กำไรลักษณะนั้นมาก่อน
แต่ถ้าราคาวิ่งถึงราคาที่ผมคำนวณไว้ ผมก็จะขาย ถึงแม้ราคาจะไปต่อ ผมก็ไม่เคยนึกเสียดาย เพราะกำไรส่วนเกินที่ว่า ผมไม่ได้คาดหมายไว้แต่ต้นอย่แล้ว
ข้อสรปจากผม คือเปรียบเทียบกับราคาที่เราคำนวณจากพื้นฐานของบริษัทครับ ยึดไว้เป็นหลัก แล้วชีวิตในการลงทนของคณจะสขสงบ ไม่กระวนกระวายใจครับ
เรียนถามพี่ฉัตรชัยหรือพี่คนอื่นๆก็ได้นะครับ คือตอนนี้ผมมีเริ่มมีปัญหาสงสัยอีกแล้วครับ ว่าเราจะทราบได้อย่างไรว่าราคาของหุ้นตัวนั้นขึ้นไปถึงปัจจัยพื้นฐานหรือยัง (คำนวนได้อย่างไร) ยกตัวอย่างละกันนะครับ
สมมติว่าซื้อหุ้น ptt มา 500 หุ้น ที่ 82.50 บาท เมื่อตอน 3 เดือนก่อน ขณะนั้น P/E ประมาณ 8 เท่า P/B ประมาณ 2 เท่า EPS ขณะนั้น ประมาณ 7 บาทต่อหุ้น แค่ 3 เดือนผ่านมา ราคาหุ้นขึ้นมาถึง 170 บาทแล้ววันนี้ P/E 12.21 P/B 4.27 EPS 10บาทต่อหุ้น เราจะรู้ได้อย่างไรว่า ที่ปัจจัยพื้นฐานขณะนี้ ผลการดำเนินงานของ ptt ควรจะมี P/E P/B เท่าไหร่ และราคาควรจะเป็นเท่าไหร่
และถ้าสมมติว่าเราประเมินว่า ปีนี้ P/E ของ ptt ควรอยู่ที่ 10 เท่า แล้วเราตัดสินใจขาย แต่ปีหน้า P/E ก็จะเปลี่ยนไป เนื่องจาก EPS ที่สูงขึ้น จากผลการดำเนินงานที่ดีขึ้น แล้วเราจะคาดได้อย่างไรว่า ปีหน้าราคาควรเป็นเท่าไหร่ถ้าผลงานยังดีเท่าเดิม (ไม่รู้พวกโบรกเกอร์เค้าคำนวนมาได้อย่างไร) รบกวนพี่ๆให้ความรู้เจ้าเด็กขี้สงสัยหน่อยนะครับ
แต่ผมยึดหลักที่ว่า ผมซื้อห้นบริษัทนี้เพื่อการลงทนในตัวกิจการ ผมหวังกำไรจากพื้นฐานของบริษัท ดังนั้นผมจึงหวังแค่ส่วนต่างของราคาระหว่างราคาที่ซื้อและราคาที่ผมคำนวณไว้ตามปัจจัยพื้นฐาน
ดังนั้นถ้าราคายังไม่ถึงที่ผมคำนวณไว้ ผมก็จะไม่ขาย และไม่เสียดายอะไรที่ไม่ได้ทำ Short ออกไปก่อน เพราะผมไม่ได้หวังที่จะได้กำไรลักษณะนั้นมาก่อน
แต่ถ้าราคาวิ่งถึงราคาที่ผมคำนวณไว้ ผมก็จะขาย ถึงแม้ราคาจะไปต่อ ผมก็ไม่เคยนึกเสียดาย เพราะกำไรส่วนเกินที่ว่า ผมไม่ได้คาดหมายไว้แต่ต้นอย่แล้ว
ข้อสรปจากผม คือเปรียบเทียบกับราคาที่เราคำนวณจากพื้นฐานของบริษัทครับ ยึดไว้เป็นหลัก แล้วชีวิตในการลงทนของคณจะสขสงบ ไม่กระวนกระวายใจครับ
เรียนถามพี่ฉัตรชัยหรือพี่คนอื่นๆก็ได้นะครับ คือตอนนี้ผมมีเริ่มมีปัญหาสงสัยอีกแล้วครับ ว่าเราจะทราบได้อย่างไรว่าราคาของหุ้นตัวนั้นขึ้นไปถึงปัจจัยพื้นฐานหรือยัง (คำนวนได้อย่างไร) ยกตัวอย่างละกันนะครับ
สมมติว่าซื้อหุ้น ptt มา 500 หุ้น ที่ 82.50 บาท เมื่อตอน 3 เดือนก่อน ขณะนั้น P/E ประมาณ 8 เท่า P/B ประมาณ 2 เท่า EPS ขณะนั้น ประมาณ 7 บาทต่อหุ้น แค่ 3 เดือนผ่านมา ราคาหุ้นขึ้นมาถึง 170 บาทแล้ววันนี้ P/E 12.21 P/B 4.27 EPS 10บาทต่อหุ้น เราจะรู้ได้อย่างไรว่า ที่ปัจจัยพื้นฐานขณะนี้ ผลการดำเนินงานของ ptt ควรจะมี P/E P/B เท่าไหร่ และราคาควรจะเป็นเท่าไหร่
และถ้าสมมติว่าเราประเมินว่า ปีนี้ P/E ของ ptt ควรอยู่ที่ 10 เท่า แล้วเราตัดสินใจขาย แต่ปีหน้า P/E ก็จะเปลี่ยนไป เนื่องจาก EPS ที่สูงขึ้น จากผลการดำเนินงานที่ดีขึ้น แล้วเราจะคาดได้อย่างไรว่า ปีหน้าราคาควรเป็นเท่าไหร่ถ้าผลงานยังดีเท่าเดิม (ไม่รู้พวกโบรกเกอร์เค้าคำนวนมาได้อย่างไร) รบกวนพี่ๆให้ความรู้เจ้าเด็กขี้สงสัยหน่อยนะครับ