คิดยังไงกับเรื่องกระจายหุ้น ไฟฟ้า-ประปา เข้าตลาดฯ บ้างครับ

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก
คนใช้ไฟ

โพสต์ โดย คนใช้ไฟ » พุธ มี.ค. 03, 2004 10:31 am

ผมเองไม่ค่อยเห็นด้วยในการเข้าตลาดเช่นกัน
หากนายกมีความสามารถจริง และมีความตั้งใจจริงในการปรับปรุงระบบราชการ
นายกก็ควรต่อสู้ให้ระบบมีความโปร่งใส และมีประสิทธิภาพ
เหมือนกับที่แข็งกร้าวกับยาเสพติดและผู้ก่อการร้าย
ผมไม่รู้ว่าต่างประเทศทำแล้วได้ผลอย่างไร เพราะนั่นไกลเกินกว่าที่ผมจะเข้าใจได้ และผมก็ไม่ค่อยสนใจ
แต่ผมรู้ว่าประเทศไทยมีอีกหลายพื้นที่ๆไม่มีไฟฟ้าน้ำประปาใช้ หากขายออกมาแล้ว คนเหล่านั้นจะมีโอกาสได้ใช้หรือไม่
เพราะธุรกิจที่ไม่คุ้มทุน ใครจะทำ เราจะรู้สึกถึงเหตุนี้หรือไม่ในขณะที่เราไม่เคยเดือดร้อนกับเรื่องนี้

ครับ ก็แล้วแต่ว่าเราคิดว่าประเทศไทยเป็นอะไร
ถ้าเป็นบริษัทจำกัด คนอ่อนแอ ก็ถูกเตะออกจากบริษัท ไม่ได้รับความเหลียวแล นั่นก็เป็นความชอบธรรมในระบบธุรกิจ
ถ้าคิดว่าเป็นครอบครัว ลูกคนไหนอ่อนแอ พ่อแม่ก็ยังต้องช่วย ถึงแม้จะไม่คุ้มค่าก็ตาม

แต่พ่อแม่ที่ฉลาด ย่อมต้องหาทางสร้างให้ลูกๆนั้นพึ่งตนเองได้ ไม่ใช่คอยอุ้มคอยแจกอยู่ร่ำไปให้ลูกงอมืองอเท้า



คนใช้ไฟ

โพสต์ โดย คนใช้ไฟ » พุธ มี.ค. 03, 2004 11:25 am

ไฟฟ้าน้าประปา กับ โทรศัพท์และไปรษณีย์ต่างกันแน่นอนครับ

ถ้าคุณอยากเปลี่ยนไปใช้ไฟฟ้าเจ้าอื่น คุณจะให้อีกบริษัทมาตั้งเสาไฟฟ้าอีกแท่งหน้าบ้านคุณหรือ
ถ้าคุณไม่พอใจน้ำประปาปัจจุบัน คุณจะขุดท่อเปลี่ยนเจ้าใหม่หรือ

โทรศัพท์ ไม่มีก็ไม่เดือดร้อน (แน่นอนพวกคนเมืองบอกว่าธุรกิจเจ๊งแน่ แต่พวกนั้น มีเงินครับ)
โทรศัพท์ไปรษณีย์ ไม่กระทบถึงทุกคนทุกบ้าน ถึงคนที่ไร้สิทธิ

ผมถึงบอกว่า เมื่อเราคิดเอาเราเป็นมาตราฐาน ผลกระทบอื่นย่อมมองข้าม
เมื่อเรามองเห็นประโยชน์ของตน ผลเสียของคนอื่นเราก็เมินเฉย

ผมไม่ได้บอกว่า การไฟฟ้าไม่ควรปรับปรุง
ราชการ รัฐวิสาหกิจ ทุกแห่งในประเทศไทย ควรปรับปรุงทั้งสิ้น
แต่ไร้หนทางที่จะทำให้ราชการไทยดีขึ้นแล้วหรือ โดยไม่ต้องขาย
หากเป็นเช่นนั้น ก็คงต้องขายทั้งราชการเพื่อให้ประเทศไทยได้เจริญ



คนใช้ไฟ

โพสต์ โดย คนใช้ไฟ » พุธ มี.ค. 03, 2004 1:23 pm

ความเห็นของคุณ ayethebig นับว่ามีเหตุผล
ตอนนี้ยังสรุปโดยกว้างและยังหาประเด็นใหม่ไม่ได้
แล้วค่อยมาเสวนาต่อ



toon

โพสต์ โดย toon » พุธ มี.ค. 03, 2004 2:24 pm

ขอออกความเห็นด้วยคนนะครับ
สำหรับความคิดเห็นที่พี่เจ๋ง เปรียบเทียบระหว่าง โทรศัพท์ กับประปาและน้ำ ความจริง ผมว่ามันมีข้อต่างอยู่นะครับ คือสำหรับ โทรศัพท์เมื่อ มี TA เข้ามา มี TT&T เข้ามามันทำให้คล้ายกับมีการแข่งขันเกิดขึ้นในตลาดนะครับ แต่สำหรับการแปรรูปไฟฟ้า และประปา ภายหลังการแปรรูปก็ยังคงเป็นผู้ผูกขาดอยู่นะครับ เพราะอย่างที่คุณ คนใช้ไฟกล่าวไว้ ถึงแม้จะมีผู้แข่งขัน 2 ฝ่าย สมมติว่า ดีลการโอนหุ้นระหว่างบ้านปูกับ กฟผ.สำเร็จก็ตาม แต่หากเราต้องการจะเปลี่ยนการใช้ไฟจาก egcomp ของบ้านปู มาใช้ไฟฟ้าของ ratch เราจะต้องสร้างเสาไฟฟ้าเองเลยหรือ นี่แหละทำให้เกิดการผูกขาด เพราะสาเหตุสายส่งไฟฟ้า ทำให้ช่วงแรกที่จะมีการแปรรูปไฟฟ้า ในสมัย คุณปิยสวัสดิ์ อมรนันท์(ที่ตอนนี้ไปอยู่กับกสิกร) จึงเสนอให้ กฟผ. แยกธุรกิจออกมา หนึ่งในนั้นก็คือ การให้กฟผ. แยกธุรกิจออกเป็นการให้บริการสายส่งโดยเฉพาะ และกำหนดให้โรงไฟฟ้าแต่ละแห่งเป็นของเอกชน (รู้สึกจะเรียกว่า power pool มั้ง) มาแข่งขันกันให้บริการไฟฟ้าโดยที่หากบริษัทไฟฟ้าใด เสนอราคาไฟฟ้าถูก ประชาชนก็สามารถเลือกใช้บริการโรงไฟฟ้านั้นได้ เพราะสายส่งไฟฟ้า ของกฟผ. มีไปทุกบ้านที่มีไฟฟ้าอยู่ แต่ระบบดังกล่าวโรงไฟฟ้าของเอกชนก็มีความเสี่ยงอาจจะเกิดไฟฟ้าดับได้เหมือนอย่างที่กับสหรัฐ ทำให้ระบบดังกล่าวถูกล้มเลิกไปในรัฐบาลนี้ ( ข้อมูลเกี่ยวกับการแปรรูไฟฟ้า ลองหาอ่านที่ ไทยรัฐฉบับวันอาทิตย์ที่ผ่านมานะครับ)
ความเห็นส่วนตัวนะครับ ผมอยากไม่ให้ กฟผ. แปรรูป แต่อยากให้มีการทำงาน
ที่โปร่งใส สามารถตรวจสอบได้ ยกตัวอย่างเช่น ค่า Ft ที่เก็บ มีอยู่วันหนึ่งผมอ่านคอลัม ของคุณลมเปลี่ยนทิศ เขากล่าวว่า เขาได้คุยกับคุณหมอมิ้ง แล้วคุณหมอบอกว่า ได้สั่งเจ้าหน้าที่ไปแกะค่า Ft ว่ามีปัจจัยใดบ้างที่มีผลต่อค่า Ft
ปรากฏแกะมาเป็นปียังไม่สามารถระบุได้ ว่า ค่า Ft ขึ้นอยู่กับปัจจัยใดบ้าง แสดงว่า ค่า Ft มันสลับซับซ้อนมาก ซึ่งประชาชนอย่างเราก็ต้องรับกรรมไปโดยที่ไม่รู้ว่าค่าดังกล่าวบางอย่างที่บวกไปในค่า Ft นั้น เราควรจะต้องร่วมรับผิดชอบหรือไม่



คนใช้ไฟ

โพสต์ โดย คนใช้ไฟ » พุธ มี.ค. 03, 2004 2:46 pm

สรุปสุดท้ายคงทิ้งไว้แต่ความห่วงใยเป็นใจความได้ดั่งนี้ครับ

การไฟฟ้าควรจะถูกขายหรือไม่ เป็นคำถามที่น่าสนใจ
เมื่อหลายปีก่อน เมืองไทยเป็นหนี้สินล้นพ้นตัว
ก็มีคนคิดว่าควรจะเอาสมบัติของชาติต่างๆมาขายเพื่อใช้หนี้สินนั้น
ถึงตอนนี้ เรามีฐานะที่ดีขึ้น
การขายสมบัติต่างๆนั้นยังจำเป็นหรือไม่ควรจะต้องนำขึ้นมาคิดกันใหม่หรือไม่

ในขณะที่ EGAT เป็นองค์กรที่ทำกำไรสูง มีศักยภาพที่ดี
สมควรหรือไม่ที่รัฐบาลจะเก็บเอาไว้ เป็นห่านทองคำของตัวเอง
ตอนนี้ที่เห็นอยู่คือทุกคนจ้องตาเป็นมันกับการจะได้หุ้นของ EGAT
(ทั้งหมดละครับ ไม่ว่าคนมีอำนาจในรัฐ คนEGATเอง คนเล่นหุ้น รายใหญ่รายย่อย
ไม่ต้องเกี่ยงกัน งานนี้ มือใครยาวสาวได้สาวเอา - อย่าเถียงเลย)
กรณีของ PTT ผมอยากรู้ว่าถึงวันนี้ มีรายย่อยหรือประชาชนทั่วไปถือหุ้นเหลืออยู่กี่ %
แล้วส่วนใหญ่นั้นตกอยู่ที่มือของผู้ใดหรือ?

ใครๆก็อยากได้ชิ้นส่วนเล็กๆของเค็กชิ้นนี้ ใครๆก็พูดถึงผลประโยชน์ในการแปรรูป
แต่ไม่มีใครคิดจะปรับปรุง สิ่งที่มีอยู่ให้ดีขึ้น หรือว่ามันยากที่จะเยียวยาแล้วหรือ (หรือคิดว่าฉันไม่มีหุ้นเลยไม่สน)
ถ้าเราบอกว่าแปรรูปแล้วจะทำให้กิจการดีขึ้นได้ แล้วทำไมเราไม่ทำเสียแต่ตอนนี้เล่า รออะไรหรือ?
ถ้าคน EGAT บอกรักประเทศจริงจะยอมให้มีการปรับปรุงองค์กรเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพหรือไม่?
หาทำสำเร็จแล้ว ค่าไฟจะไม่ถูกลงหรือ? ความรวดเร็วจะไม่เกิดขึ้นหรือ?
ผลดีไม่เกิดแก่ประเทศโดยรวมมากกว่าหรือ?



nn

โพสต์ โดย nn » พฤหัสฯ. มี.ค. 04, 2004 11:17 am

แปรรูป เค้าขายหุ้นไม่ได้ขายทั้งหมดนี่ครับ ขายแค่ 30% อีก 70% ยังเป็นของ ก.คลัง

ในฐานะหุ้นใหญ่ คงไม่ขึ้นค่าไฟ เกินปัจจัยพื้นฐานมากๆ หรอกครับ
เพราะถ้าค่าไฟ ขึ้นมาก ต้นทุนการผลิตขึ้น ของกิน ของใช้แพงขึ้น เศรษฐกิจ ไม่โตสุดท้าย รัฐบาลที่ต้องโดนอยู่ดี

แต่พนักงานที่ประท้วงๆ กันนี่ หยุดงานหลายวัน ทำไมไม่มีการตัดเงินเดือนบ้างหรอ แล้วพวกค่าป้าย ค่าข้าว ค่าน้ำนี่ออกกันเองหรือเปล่า หรือมาเบิกจาก กฟผ อีก



คนใช้ไฟ

โพสต์ โดย คนใช้ไฟ » ศุกร์ มี.ค. 05, 2004 1:07 am

EGAT เองเป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งเท่านั้น
ขณะนี้เราเป็นเจ้าของ EGAT กันทุกผู้ทุกคนเรารู้ตัวหรือไม่
แต่เราไม่มีสิทธิที่จะเรียกร้องหรือแก้ไขได้สักน้อยนิด มันน่าแปลกใจนัก
การที่เราได้มีหุ้น EGAT แล้วจะทำให้ใครฟังเราได้มากขึ้นหรือ
บริษัทในตลาดหุ้นปัจจุบัน ฟังผู้ถือหุ้นกันมากน้อยแค่ไหนหรือ
ที่น่านักใจไปมากกว่านั้น ไม่มีใครคิดว่าราชการนั้น เรามีหุ้นอยู่
คงเห็นว่าราชการเป็นหุ้นเน่า อยากจะขายทิ้งไปเสียเต็มประดาแล้วกระมัง

แต่นั้นไม่ใช่ประเด็นใหญ่
ความหวังคงมีแต่ให้ประเทศมีกระดูกที่แข็งแรงสมบูรณ์
หากกระดูกผุกร่อน แตกหักง่ายเช่นนี้ ไหนเลยจะมีชีวิตที่มีความสุขได้
ครับ มีความสุข ไม่ใช่ร่ำรวย ไม่ใช่ก้าวล้ำนำสมัยตามก้นคนอื่น
หากเอาเหล็กจากนอกมาดามกระดูกแล้ว คิดว่าตัวเองแข็งแรง
คิดว่าจะมีชีวิตสมบูรณ์ได้นั้น ก็คงคิดผิด
เพราะนั่นเท่ากับเป็นการตกเป็นทาสโดยสมยอมและยินดี
(ทาสในเรือนเบี้ย สู้จนตัวตายเพื่อให้ได้เป็นไท
ทาสทางความคิด คิดทนง หลงผิด จมปลักในความเป็นทาส)

แน่นอน ใช้เหล็กดามนั้นมันง่าย ออกกำลังกาย สร้างเสริมร่างกาย นั้นมันยาก
เราชอบจะใช้ทางเลือกที่ง่ายกว่า เพื่อให้ได้มาเพียงผลประโยชน์ชั่วข้ามคืน
คนเราพอได้รับแล้ว ก็มักลืมความตั้งใจเดิมได้ง่ายๆ ... ก็คนไทยมันลืมง่ายนี่ครับ

ทั้งนี้ผมใช่จะมีทางออกที่ดี มีความคิดที่วิเศษ
ผมก็เป็นเพียงคนแก่คนหนึ่งที่มองหาความสมหวัง ก่อนที่ชีวิตจะสิ้น

ความหวังลมๆแล้งๆ .... ผมคิดอย่างนั้น



บุคคลทั่วไป

จำนวนของผู้ประท้วง

โพสต์ โดย บุคคลทั่วไป » ศุกร์ มี.ค. 05, 2004 11:32 pm

สหภาพของ กฟผ. รวมตัวกันประท้วง ยิ่งจำนวนคนมากจะยิ่งมีพลังมาก...
แต่คิดๆ ไปแล้ว เปลี่ยนกันไปประท้วงแล้ว เรายังมีไฟใช้กัน คือ งานไม่เสีย..แสดงว่า พวกที่ไปประท้วงนั้น เป็นแรงงานส่วนเกินนะซิคะ
ไม่มีงานก็ไม่เสีย แสดงว่า หากไม่มีจริงๆ ก็ช่วยลดต้นทุนไฟฟ้าได้ส่วนนึง :lol:



_THiNK_

โพสต์ โดย _THiNK_ » เสาร์ มี.ค. 06, 2004 10:08 am

สำหรับผมคิดว่า การประท้วงไม่ใช่แก่นของปัญหา
หากเราบอกว่าเขาไม่ควรประท้วง
นั่นคือเรากำลังสรุปว่าการแปรรูปนั้นถูกต้อง
เพียงแต่เราพูดไปว่าการประท้วงนั้นไม่ถูกต้อง
ดั่งนี้เราก็จะไม่คิดกันต่อว่า การแปรรูปนั้นถูกต้องหรือไม่
เราจึงจะพลาดไม่ใส่ใจในเหตุของผล

คำถามจึงตกอยู่ที่ว่า การแปรรูปนั้น(ส่วนรวม)ได้อะไร(ส่วนรวม)เสียอะไร
คงต้องมองกันหลายด้าน มองกันหลายมุม เห็นกันหลายฝ่าย
อันนี้ผมคงยกให้เซียนๆใน tvi ลองหา intrinsic value ของการแปรรูปกัน
ผมต้องขอไปเรียนวิธีหา DCF ก่อนค่อยมาออกความเห็น :oops:




______________ แถมเรื่องคลายเคลียดให้อ่านเล่น อิ อิ
ในขณะที่กอนดอร์ถูกกองกำลังของ Dark Lord โจมตีหนัก
พิ๊บพิ้นถามแกนดาร์ฟถึงความหวังในการที่โฟรโดจะทำงานได้สำเร็จ
"... มันเป็นแค่ความหวังลมๆแล้งๆ" แกนดาร์ฟตอบ

รู้ตัวหรือไม่ก็ตาม หากแต่โฟรโด้กับแซมยังไม่ยอมแพ้
เดินหน้าต่อไปไม่หยุดยั้ง นับว่าเป็นการกระทำของคนโง่หรือผู้กล้าหาญกันแน่

ณ ที่เมาท์ดูม โฟรโดถูกอำนาจแห่งแหวนครอบงำจนไม่อาจตัดใจทำลายแหวน
จนในที่สุดกอลลัม ก็เป็นผู้ทำลายแหวน โดยไม่ได้ตั้งใจ

ก็เนื่องเพราะพระมหาชนกไม่ยอมเป็นอาหารของเต่าปลาแม้จะมองไม่เห็นฝั่ง
จึ่งได้เพียรว่ายน้ำอยู่เจ็ดวันเจ็ดคืน จนนางมณีเมขลามาช่วยไว้

ปาฎิหารจะเกิดขึ้นได้หรือหากเรายอมแพ้
หากโฟรโด้กับแซมยอมแพ้ แหวนก็จะไม่ถึงเมาท์ดูม ...
หากพระมหาชนกไม่ยอมว่ายน้ำ ก็จะเป็นเพียงอาหารของเต่าปลา ...
เมื่อตรองจนรอบคอบแล้ว ถึงเป็นความหวังลมๆแล้งๆ ก็ยังดีกว่าสิ้นหวังเป็นไหนๆ
เมื่อพยามจนสุดความสามารถแล้ว ความสำเร็จนั้นก็ยกให้เป็นหน้าที่ของฟ้าเถิด



Golden Stock.

โพสต์ โดย Golden Stock. » จันทร์ มี.ค. 08, 2004 6:43 pm

ผมคิดว่าโดยหลักการก็ดีครับ
แต่ผลประโยชน์ที่แท้จริงน่าจะตกอยู่กับคนกลุ่มเล็กๆ มากกว่า
คงไม่ต้องระบุอะไร เพราะก็ตรงกับความเห็นข้างบน



บุคคลทั่วไป

โพสต์ โดย บุคคลทั่วไป » เสาร์ มี.ค. 13, 2004 1:23 pm

เอาอย่างที่พึ่งขึ้นไปหยกๆ เท่าที่ติดตามข่าวก็คือ กฟผ ทำสัญญาซื้อก๊าสธรรมชาติจากพม่า แล้วพม่าไม่ให้ก๊าซเนื่องจากจะปิดเพื่อขยายกำลังการผลิต ทำให้ต้องซื้อน้ำมันเตามาทดแทนและแน่นอนน้ำมันเตาแพงกว่าแก๊สธรรมชาติ

วางแผนการใช้เชื้อเพลิงผิดอย่างมหันต์ เพราะไม่มีข้อบังคับสัญญาในการปรับถ้าไม่สามารถจัดหาก๊าซให้ได้ ผู้รับผิดชอบหรือครับ พวกเราทั้งประเทศครับ ทั้ง 62 ล้านคนครับ อย่างงี้เรียกว่ามี Accountability มั้ย [/u]


ผู้ทำสัญญาซื้อขายก๊าซกับพม่าคือ ปตท. ครับ
เรื่องการปรับส่วนนี้ก็คงต้องถาม ปตท. ส่วนระหว่างกฟผ. กับปตท. เนื่องจากเป็นหน่วยงานรัฐเหมือนกัน ส่วนนี้จึงไม่มี(บางครั้งส่วนจ่ายก๊าซของปตท.
มีปัญหาทำให้โรงไฟฟ้าดับ ก็ปรับปตท.ไม่ได้) ผมเองก็คิดอยู่นะครับปตท.
เป็นบริษัทแล้วทำสัญญาอย่างไร ทำไมเราใช้ก๊าซไม่ได้โดนปรับ
แต่เวลาเขาจ่ายก๊าซไม่ได้ไม่โดนปรับ ที่จริงรัฐมนตรีน่าจะเข้ามาดูแลตรงส่วนนี้ด้วยและแถลงให้ชัด ไม่ใช่ทำเหมือนว่างานนี้กฟผ. เป็นผู้ร้ายซึ่งเป็นรัฐฯที่ต้องการแปลงสภาพ แต่ผู้ร้ายตัวจริงคือปตท. กำไรเงียบเป็นเสือนอนกินตัวจริง หรือว่ากำไรมันไปเข้ากระเป๋าใคร



enokwan

โพสต์ โดย enokwan » เสาร์ มี.ค. 13, 2004 4:18 pm

อ้างอิงจาก...

"น.พ.บรรลือ เฮงประสิทธิ์ แกนนำสหภาพ กฟผ.กล่าวว่า พนักงานจะยังร่วมชุมนุมต่อไป เพราะตามกฎหมายสามารถดำเนินการได้ และจะเชิญชวนพนักงานที่ไม่ได้เป็นสมาชิกสหภาพให้มาสมัครเป็นสมาชิก โดยเสียค่าสมัครคนละ 200 บาท สหภาพจะให้การรับรองเป็นสมาชิกตามกฎหมาย เพื่อเข้าร่วมชุมนุมในครั้งนี้ด้วย อย่างไรก็ตาม แม้ไม่ได้เป็นสมาชิกก็สามารถร่วมชุมนุมได้ ด้วยการลาป่วย ลากิจ "

ไม่ว่าการแปรรูปจะมีผลดีหรือผลเสียอย่างไรก็ตาม ไม่อาจทราบได้ ต่างคนก้อมีเหตุผล ของทุกอย่างย่อมมีทั้ง + และ - การมาร่วมกันแสดงความคิดเห็น วิพากษ์วิจารณ์นั้นเป็นสิ่งที่ดี ตามหลักประชาธิปไตยที่ทุกคนมีสิทธ์แสดงความคิดเห็นได้

...แต่การระดมพลเพื่อปลุกม๊อบนั้นไม่น่าจะเป็นวิธีที่เหมาะสมเท่าไรนัก เพราะที่แน่ๆ คนส่วนใหญ่จะมองว่ามีแรงงานส่วนเกินที่ไม่ได้ทำประโยชน์อะไร แถมเรายังต้องจ่ายค่าไฟให้คนกลุ่มนี้อีกต่างหาก เพราะแค่ลาป่วย ลากิจ ไม่น่าจะเป็นหมื่น ยิ่งถ้ามีการตอกบัตรแล้วยังออกไปร่วมประท้วงด้วยนี่ คงจะไม่ทำให้ประชาชนทั่วไปที่ต้องเสียภาษีเป็นค่าเงินเดือนให้คนกลุ่มนี้ ชื่นชอบมากนัก เพราะฉะนั้นการปลุกม็อบไม่น่าจะเป็นเรื่องที่ฉลาดเท่าไรนักนะคะ ในสายตาของคนภายนอก ยิ่งถ้าม็อบกันจนไม่เป็นอันทำงานทำการกันจนเป็นผลให้ค่าไฟขึ้นอย่างข่าวข้างบนจริงๆละกัอ...งานนี้ถึง จะอ้างหวังดีต่อชาติขนาดไหน ก้อคงจะเป็นประสงค์ร้ายซะมากกว่าล่ะค่ะ งานนี้... :wink:



ผู้ผลิตไฟ

แสดงความคิดเห็นด้วยครับ

โพสต์ โดย ผู้ผลิตไฟ » จันทร์ มี.ค. 15, 2004 8:50 am

ขอบอกถึงเรื่องการผลิตไฟฟ้าก่อนนะครับ
เนื่องจากการผลิตไฟฟ้าในประเทศไทย เราจะใช้ก๊าซธรรมชาติ 70 %
ในการผลิตกระแสไฟฟ้า ซึ่งจะเป็นพลังงานที่รับมาจาก ปตท.

ในส่วนขอการจัดหาพลังงาน ทางปตท.จะเป็นผู้จัดสรรให้กับโรงไฟฟ้าที่ต้อง
การใช้ ซึ่ง ในส่วนของโรงไฟฟ้าบางปะกง จะเป็นผู้ใช้หลักในภาคตะวันออก
เชื้อเพลิงที่ใช้ในการผลิตของโรงไฟฟ้าบางปะกง จะใช้ก๊าซธรรมชาติครับ

ในส่วนของการแปรรูปการไฟฟ้า กฟผ. จะเ็ป็นองค์กรหลักในการผลิตไฟฟ้า
ซึ่งหน้าที่หลักคือ จัดหากำลังผลิตไฟฟ้าให้เพียงพอกับความต้องการ
โดยกระจายผ่าน กฟน กฟภ ไปให้แก่ประชาชน

กฟผ. ยังทรัพย์สินอีกหลายอย่างที่ยังไม่แบ่งสันให้ลงตัว ซึ่งได้แก่
เขื่อน และพื้นที่เขื่อน , แนวสายส่งที่พาดผ่านทั่วประเทศและพื้นที่ป่าไม้ ,
ที่ดินที่ตั้งสถานีไฟฟ้า ฯลฯ
ทรัพย์สินเหล่านี้ อยากทราบว่า สมควรเข้าำไปรวมไว้ในบริษัทมหาชนหรือไม่
เพราะขณะนี้ที่มีการแปรรูป ทรัพย์สินส่วนนี้ไม่ใครพูดถึงเลย ไม่ทราบว่า
มีท่านใดนึกถึงส่วนนี้บ้าง

ยังเป็นที่กังวลอีกในเรื่องความโปร่งใสในการกระจายหุ้นให้กับประชาชน
ผมไม่แน่ใจว่า จะตื่นไปกี่โมงดีที่จะได้รับการจัดสรรหุ้น เพราะขนาด ปตท.
ยังใช้เวลา 1.17 นาทีเอง และ่ท่านคิดว่า เราสามารถไปจองหุ้นได้หรือ
ในการกระจายหุ้นเอง อยากให้มองถึงว่า ทรัพย์สิน กฟผ. เป็นของปชช. 62 ล้าน แต่กำลังจะตกมาอยู่้ในมือของคนประมาณ ไม่เกิน 400000 คน ส่วนหนึ่ง
ท่านคิดว่าเหมาะสมหรือไม่ อยากลองให้ช่วยตอบด้วย

ถ้ามีข้อสงสัยเกี่ยวกับ กฟผ. ลองถามมานะครับ จะพยายามตอบเท่าที่ตอบได้
ยินดีแลกเปลี่ยนความคิดเห้น



คนใช้ไฟ

โพสต์ โดย คนใช้ไฟ » จันทร์ มี.ค. 15, 2004 9:24 am

งั้นถามผู้ผลิตไฟ เพราะเข้าใจว่าเป็นคนของกฟผ.นะครับ
จากกระทู้เห็นมีอยู่เนืองๆที่จะด่าว่าการประท้วงของกฟผ.เป็นการเสียเวลา
ซึ่งการประเมินค่าของการประท้วงเองผมคิดว่าขึ้นอยู่กับเนื้อหา
ใช่แต่จะเห็นเป็นรำคาญก็ไม่ชอบใจได้
ดังนั้น ผมจึงอยากถามเนื้อหาของการประท้วง

อ่านๆดูแล้วเหมือนกับ กฟผ.เองนั้นก็เห็นด้วยกับการแปรรูป
แต่ยังไม่เห็นดีกับวิธีการจัดสรรใช่หรือไม่ ?
หากทั้งหมดทั้งสิ้นตกลงกันได้ กฟผ.เองก็ยินดีจะแปรรูปใช่หรือไม่ ?
หากตกลงกันได้ คิดว่าการแปรรูปนั้นทำให้กฟผ.เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมขึ้นได้อย่างไร ? และหากไม่แปรรูป กฟผ.สามารถทำประโยชน์ต่อส่วนรวมได้อย่างนั้นหรือไม่ ?

ผมคิดว่าการกระจายหุ้นยังเป็นเหตุเล็กน้อย (แต่เห็นใหญ่เพราะใกล้ตัว)
ที่สุดท้าย คนซื้อได้ก็อาจจะไม่ใช่คนที่ได้เป็นเจ้าของ



คนใช้ไฟ

โพสต์ โดย คนใช้ไฟ » จันทร์ มี.ค. 15, 2004 11:11 am

ผมมองว่า ปัญหาการกระจายหุ้นนั้น
เป็นเพียงปัญหาของการแบ่งสรรผลประโยชน์ไม่ลงตัวเท่านั้นเอง
อย่าอ้างประเทศชาติเลย แบ่งยังไงก็ไม่ทำให้องค์กรดีขึ้น
แค่ทำให้ใครรวยขึ้นแค่นั้นเอง

ปัญหาใหญ่ที่ควรคิด คือเราควร การแปรรูปหรือปฎิรูป
เหตุใดจึงควรแปรรูป เหตุใจจึงควรปฎิรูป
อย่างข้อเรียกร้องขอตรวจสอบจากประชานชนนั้นก็เป็นข้อเสนอที่ดีอันหนึ่ง
หากกฟผ.จะไม่ยอมทั้งแปรรูปและไม่ยอมปฎิรูป
ก็ย่อมแสดงให้เห็นว่าเป็นการรักษาผลประโยชน์ของตัวเองของพนักงานกฟผ.



ผู้ผลิตไฟ

โพสต์ โดย ผู้ผลิตไฟ » จันทร์ มี.ค. 15, 2004 9:27 pm

ในส่วนของการประท้วงส่วนหนึ่งเป็นห่วงเรื่องการกระจายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ ว่าจะตกไปอยู่ในมือของคนกลุ่ม
หนึ่งกลุ่มเดียวที่ได้รับประโยชน์จากการกระจายหุ้นในตลาด

ในความคิดเห็น พนักงานส่วนมากจะยินดีในการปฏิรูปองค์กรมากกว่า ที่นำหุ้นเข้าไปในตลาด เนื่องจากการลงทุน
ในตลาดหุ้น พนักงานส่วนมากก็ไม่ได้มีความรู้เรื่องนี้ เมื่อองค์กรจะกระจายหุ้น ความชัดเจนในต่างๆก็ยังไม่มี
การปรัยปรุงองค์กร แท้จริงควรจะต้องมีการปรับปรุงประสิทธิภาพก่อนใช้หรือไม่ เมื่อยังไม่ได้มีการปรับปรุงแต่นำ
เช้าไปกระจายหุ้นในตลาด ผมคิดว่าการทำงานก็ยังคงเหมือนๆเดืม เนื่องจากเราไม่ได้มีการปรับปรุงมาก่อน
จะให้มีความโปร่งใส ในด้านบัญชี ผมว่าแท้จริงแล้ว กฟผ. ยังคงต้องอ้างอิงนโยบายจากรัฐบาลอยู่ดี
ไม่ได้มีอิสระในการบริหารอย่างแท้จริง

ในส่วนของประสิทธิภาพองค์กร กฟผ. จัดอยู่ในรัฐวิสาหกิจขั้นดี ที่มีการปฏิบัติงานทีี่ดีอยู่แล้ว ในส่วนของการ
ขึ้นค่ากระแสไฟฟ้านั้น ผมคิดว่า ประชาชนทั่วไป ยังขาดความเข้าใจอยู่มาก เนื่องจากพลังงานที่เราใช้ในการผลิตไฟ
นั้น จะรับมาจาก ปตท. และมีการนำพลังงานจากถ่านหินมาเสริม ค่ากระแสไฟฟ้าจึงขึ้นอยู่กับค่าเชื้อเพลิิง เป็น
ส่วนใหญ๋ และทางกฟผ. ไม่อำนาจในการตัดสินใจในการขึ้นค่า ft แต่อยู่กับคณะกรรมการที่มาจากรัฐบาล
ถ้าลองสังเกตดู ทำไมรัฐบาลบอกว่าจะไม่ให้ขึ้นค่าไฟ 1 ปี คิดว่าเมื่อเป็นบริษัทนั้นจะถูกต้องหรือไม่

ในส่วนดัวคิดว่า น่าจะมีการปรับปรุงองค์กรให้มีความคล่องตัวมากขึ้น มากกว่าที่นำเข้าไปสู่ตลาดหลักทรัพย์



คนใช้ไฟ

โพสต์ โดย คนใช้ไฟ » จันทร์ มี.ค. 15, 2004 10:26 pm

น่าสนใจครับ ดูเหมือนว่าการปฎิรูปองค์กรไม่ใช่สิ่งที่เข้าใจกันได้ง่ายๆ
ก็เหมือนกับราชอื่นๆที่อำนาจยังคงถูกดึงอยู่ที่ส่วนกลาง
เมื่อเป็นเช่นนี้อยู่ การเอาหุ้นเข้าตลาด ก็เอื้อประโยชน์ต่อผู้มีอำนาจอย่างอเนกอนันต์
เนื่องเพราะสามารถมีผลประโยชน์โดยสุจริตได้ไม่ขัดเขิน อย่างที่เป็นอยู่และคงจะเป็นต่อๆไป

ความข้างบนนี้เป็นสิ่งที่ผมคิดเอาเอง จริงๆต้องการรู้ความคิดของคนกฟผ.(ผู้ผลิตไฟ)
ในการที่จะทำให้องค์กรมีประสิทธิภาพและเป็นบรรษัทภิบาลนั้นทำได้อย่างไร?
(ไม่คิดว่าต้องหลักการที่เลิศหรู ไม่ต้องมีวิชาการสูงส่ง เอาแค่เป็นคำสนทนาบนโต๊ะกินข้าวก็พอ)
ขอเริ่มจากบทแรก หากกฟผ.ได้รับพรอันวิเศษ(ฝัน) กฟผ.ต้องการให้องค์กรเป็นอย่างไร มีอำนาจในการจัดการทางใด
(... ขอเริ่มต้นเพียงเท่านี้ก่อน เมื่อกระจ่างในส่วนนี้แล้ว จึงค่อยคุยกันในส่วนต่อๆไป
ซึ่งแน่นอน เมื่อมีอำนาจแล้วก็ต้องมีหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบตามมา...)

นี่นับเป็นคำถามจากผมซึ่งไม่มีความรู้ในองค์กรและการบริหารจัดการของกฟผ.
แต่อันที่จะตัดสิน ผมก็ได้แต่ถามตามประสาคนไม่รู้ เอาไว้ประดับสมอง
เพราะไม่ต้องการแค่ดูจากภายนอกแล้ววิจารณ์ได้เป็นวรรคเป็นเวร
(จริงๆมีคนตอบทางด้านแปรรูปด้วยก็ดี จะได้เปรียบเทียบกันได้ถนัดถนี่
เห็นสนับสนุนกันหลายท่าน มีท่านใดจะเอื้อเฟื้อออกความเห็นเป็นตัวแทนหรือเปล่าน่ะ)
ผมคงถามไปเรื่อยๆ จนกว่าจะเบื่อกันไปข้างหนึ่ง...



ผู้ผลิตไฟ

โพสต์ โดย ผู้ผลิตไฟ » อังคาร มี.ค. 16, 2004 1:52 pm

เรื่องการปฎิรูปองค์กร กฟผ. คงต้องใช้เวลาในการปรับเปลี่ยน
เนือ่งจาก เป้นองค์กรที่มีการก่อตั้งมาหลายปี พนักงานรุ่นเก่ายังคงมีความเคยชินในการทำงาน
คงต้องมีการฝึกฝนพัฒนาทรัพยากรบุคคลเป็นอันดับแรก และจะต้องได้รับ
ความร่วมมือที่ดีจากฝ่ายบริหารด้วย เนื่องจากจะต้องได้รับการสนับสนุน
ในด้านต่างๆ จากฝ่ายบริหาร

เมื่อเราได้มีการพัฒนาบุคคล ก็จะก่อเกิดการพัฒนาองค์กรขึ้นมาเป็นระดับ
พนักงานกฟผ. ผมคิดว่ามีความสามารถในการปรับเปลี่ยนได้ แต่อาจจะมี
ส่วนหนึ่งที่อาจจะปรับตัวไม่ได้ ก็ควรมีโครงการเกษียณอายุออกมา
เท่าที่สังเกต มีพนักงานบางส่วน อยากให้มีโครงการนี้ออกมาเนีื่องมีความ
กลัวในเรื่องการปรับปรุงองค์กร ก็เป็นพนักงานระดับล่าง เสียส่วนมาก



คนใช้ไฟ

โพสต์ โดย คนใช้ไฟ » อังคาร มี.ค. 16, 2004 8:34 pm

ฝ่ายบริหารที่กล่าวถึง เป็นฝ่ายของบริหารซึ่งมาจากรัฐบาล หรือของกฟผ.เองครับ

หากเป็นฝ่ายบริหารของกฟผ.เอง
ทางกลุ่มชุมนุมมองเห็นความสนับสนุนนี้ของทางฝ่ายบริหารอย่างไร
หากเป็นฝ่ายของรัฐบาล ใครคือผู้เกี่ยวข้องครับ ... นายก หรือเปล่าครับ

การฝึกฝนพัฒนาบุคคลก็เป็นส่วนหนึ่งที่จะทำให้องค์กรทำงานได้อย่าง
มีประสิทธิภาพ มีความคิดสร้างสรรค์ มีความรักในองค์กร

ส่วนโครงการเกษียณอายุนั้น ก็เป็นส่วนหนึ่งที่จะทำให้องค์กรมีความคล่องตัว
มีประสิทธิภาพที่ดีขึ้น

นอกนั้น กฟผ.เองคงต้องมีมาตราการวัดผลอย่างมีประสิทธิภาพ
เพื่อให้การบริการ หรือ การทำงานเป็นไปเพื่อความพอใจสูงสุดแก่ลูกค้า ซึ่งเป็นประชาชนทั่วไป

ท้ายนี้คงจะถามความเห็น ข้อขัดแย้ง หรือทางแก้ไข
ในข้อกล่าวหาบางส่วนที่ผมเคยได้ยินที่มีต่อ กฟผ. (จริงๆน่าจะรวมๆไปถึงรัฐวิสาหกิจโดยทั่วไป)
(1) สวัสดิการพนักงานดูเหมือนจะมากเกินงาม
(2) มีการนำไฟฟ้ามาใช้ส่วนตัว
(3) มีการทำงานที่สบาย ... ประมาณว่า เช้าชามเย็นชาม
จริงเท็จอย่างไร ก็ช่วยขยายความครับ ผมเพียงถ่ายทอดเท่าที่พอได้ฟังเท่านั้น
ไม่ได้จะคิดกล่าวหา แต่อยากฟังความเห็นสองด้านครับ



toon

โพสต์ โดย toon » อังคาร มี.ค. 16, 2004 11:07 pm

ขอถามด้วยคนนะครับว่า " ทำไมเมื่อจะมีการแปรรูปการไฟฟ้า จึงมีคนของการไฟฟ้ามาประท้วงและบอกว่าการแปรรูปจะทำให้ค่าไฟแพงขึ้น คล้ายกับว่าการออกมาประท้วง เพื่อปกป้องผลประโยชน์ประชาชนเพราะกลัวค่าไฟจะแพงขึ้น จะทำให้คนเดือดร้อน แต่ทำไมก่อนๆๆ หน้านี้ ทุกครั้งที่มีการปรับค่าไฟให้แพงขึ้น ผมกลับไม่เคยเห็นคนในการไฟฟ้าจะออกมาประท้วง เพื่อปกป้องผลประโยชน์แทนประชาชนเลยละครับ ผมเห็นมีแต่จะออกมาบอกประชาชนว่าต้นทุนอันโน้น อันนี้แพงขึ้น จึงมีความจำเป็นต้องปรับค่าไฟ "



คนใช้ไฟ

โพสต์ โดย คนใช้ไฟ » พุธ เม.ย. 14, 2004 10:57 am

อันที่จริงผมคิดว่าจะหยุดเขียนเรื่องนี้ไปเสียแล้ว
เนื่องจาก ผู้ผลิตไฟ คงเบื่อต่อคำถามผม
แลคิดว่าผมคงไม่เป็นกลาง มีคำถามในเชิงโจมตีกฟผ.ไปดังนั้น
แต่อย่าลืมว่า กฟผ.ไม่อาจบริสุทธิ์ และให้ประชาชนยืนอยู่ข้างได้อย่างเต็มที่
หากประชาชนยังมีความสงสัยในตัวของกฟผ.อยู่หลายส่วน

แต่สิ่งที่ทำให้ผมเขียนเรื่องนี้อีกครั้ง เพราะโฆษณาที่เห็นทางทีวีเร็วๆนี้

ผมได้ดูโฆษณาเรื่องการแปรรูปของรัฐบาลแล้วให้เป็นกังวลยิ่งนัก
ผมต้องขอเรียกว่าเป็นการโฆษณา และยังคิดว่าเป็นโฆษณาชวนเชื่ออีกด้วย!

ในโฆษณานั้นได้กล่าวว่า กฟผ.มีหนี้สินมหาศาล ... ไม่แปรรูปไม่ได้แล้ว!

ในความคิดผม สำหรับประชาชนเจ้าของประเทศนั้น ผมคิดว่า
(1) มีสิ่งที่เราควรสนใจก่อนและผมคิดว่าสำคัญกว่า วิธีแก้หนี้สินมหาศาลของกฟผ.
สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือ ที่มาที่ไปของหนี้เหล่านั้น
สิ่งที่เราควรทวงถาม ควรค้นหา ควรศึกษา ว่าหนี้เหล่านั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร?
เกิดจากใคร? แล้วจะป้องกันแก้ไขได้อย่างไร?
หาไม่แล้ว อีกห้าปีสิบปีข้างหน้า กฟผ.คงมีหนี้ให้รายย่อยได้ซื้ออีก เป็นที่ถูกอกถูกใจ
ถ้าเป็นเช่นนี้ ก็เท่ากับเป็นการหลอกเอาเงินของประชาชนของรัฐบาล
มาแก้กันปลายเหตุ ไม่หาคนที่ต้องรับผิดชอบ

(2) จากหนี้ สู่ความห่วงใยถึงรายย่อย
อันนี้เป็นประเด็นรอง แต่ในฐานะรายย่อยผู้หนึ่งก็อดคิดไม่ได้ว่า
หนี้ขนาดนั้น การระดมทุนครั้งนี้ สามารถปลดเปลื้องได้หมดหรือไม่?
กฟผ.ใช้เงินขนาดนั้น อนาคตต้องใช้เงินเพิ่มอีกเท่าไหร่?
คำตอบของคำถามนี้ จะนำไปสู่การเพิ่มทุนครั้งใหม่หรือไม่?

จากที่ประสบมา หากมีการเพิ่มทุน ด้วยเงินก้อนใหญ่
ก็เห็นแต่จะมีกลุ่มทุนที่ได้รับส่วนแบ่งเนื้อก้อนโต
ผมจึงห่วงว่า ครั้งแรกที่เข้าสู่ตลาดรายย่อย อาจจะไม่เจ็บตัวนัก
แต่หลังจากนั้นไม่นาน เราต้องถูกตีหัวแบบโดนบังคับไม่ให้เจ็บหรือไม่ !
ซึ่งคงใช้เวลาไม่นานนัก เพราะผู้มีพระคุณจะรอนานไม่ได้...

หากรัฐบาลตั้งใจแก้ปัญหาจริง
หากรัฐบาลคิดถึงประชาชนจริง
ควรออกมาให้ความรู้ที่ถูกต้อง
ควรออกมาให้ข้อมูลที่กระจ่าง
หาควรที่จะมาทำ โฆษณาชวนเชื่อ เช่นนี้ไม่

หากความกระจ่างแล้ว ค่อยมาออกโฆษณาที่ว่านั้น
ผมก็จะเรียกมันว่า การประชาสัมพันธ์ ได้อย่างเต็มปาก
และจะชื่นชมปรบมือให้อย่างจริงใจ

เห็นคุณทักษิณ ให้ความสำคัญต่อการศึกษาเป็นอันมาก
จึงอยากจะให้ เหลียวมอง การศึกษาของสังคมนอกโรงเรียนบ้าง
รัฐบาลต้องหมั่นให้ความรู้ ความกระจ่าง แก่สังคม ให้สังคมคิดได้
การศึกษาในโรงเรียนนั้น เป็นแค่ 10-20% ของชีวิต
อย่าเพียงหวังฝากอนาคตทั้งสิ้นให้กับเด็กเลย
มันเป็นการเอาเปรียบ เห็นแก่ตัวและไม่รับผิดชอบของผู้ใหญ่ในวันนี้



ผู้ผลิตไฟ

โพสต์ โดย ผู้ผลิตไฟ » ศุกร์ เม.ย. 16, 2004 11:13 am

ต้องขอโทษด้วยเนื่องจากว่า ได้ติดงานบำรุงรักษาอุปกรณ์
อยากจะขอชี้แจงเรื่องต่างๆดังนี้นะครับ

คุณ sirivajj "ผมคิดว่า บรรดาม๊อบที่ยังต่อต้านการแปรรูปรัฐวิสาหกิจนั้น
ยึดติดอยู่กับกรอบแห่งความคิดแห่งประโยชน์ของตัวเองและพวกพ้อง
ทำให้ข้อคัดค้านการแปรรูปวนไปวนมาด้วยข้ออ้างในการคัดค้านเดิมๆ เช่น ขายชาติ ขายสมบัติของแผ่นดิน ค่าไฟฟ้าจะเพิ่มขึ้น เป็นต้นนั้น ฟังไม่ขึ้น ขาดน้ำหนักเหตุผลให้น่าเชื่อถือ "

ผมอยากจะขอชี้แจงเรื่องการคัดค้านการแปรรูปดังนี้นะครับ
ในการแปรรูปกฟผ. เป็นบริษัท มหาชน คนที่ได้รับประโยชน์สูงสุดน่าจะเป็น
นักลงทุนที่อยู่ใน ตลท. ใช่ไหมครับ ในสัดส่วนต่อประชาชนทั้งประเทศแล้ว
น่าจะไม่เกิน 2 % ของประชาชน 60 ล้านคนในส่วนของกฟผ. เป็นรัฐวิสาหกิจ
ขั้นพืื้้นฐานในการพัฒนาประเทศ ซึ่งมีผลกระทบต่อประชาชนโดยส่วนรวม
เมื่อเราได้นำ สิ่งที่เป็นของคนไทยทั้งประเทศมากระจายหุ้น ( ขาย ) ให้กับ
คนเพียง 2 % เท่านั้้น ท่่านคิดว่าสิ่งนี้ถูกต้องหรือไม่
และ ในเมื่อผลกระทบที่เกิดขึ้นในอนาคต ยังไม่มีความแน่นอนว่า ค่าไฟฟ้า
จะมีแนวโน้มที่ลดลง ท่านคิดว่า นี่เป็นความเสี่ยงมากหรือไม่



ผู้่ผลิตไฟ

โพสต์ โดย ผู้่ผลิตไฟ » ศุกร์ เม.ย. 16, 2004 11:18 am

ฝ่ายบริหารที่กล่าวถึง เป็นฝ่ายของบริหารซึ่งมาจากรัฐบาล หรือของกฟผ.เองครับ
ทั้งสองนั้นแหละครับ เนื่องจาก กฟผ. เป็นองค์กรที่ถูกกำกับดูแล จากกระทรวง
พลังงาน โดย รัฐบาล มีสิทธิ์ ในการแต่งตั้ง และปลดออก บอร์ด การไฟฟ้า
อย่างนี้ ทำให้รัฐบาลมีอิทธิพลในการบริหารงานของกฟผ.มาก เมื่อได้แปรรูป
เข้าไปในตลท. ย่อมมีผลกระทบแน่นอน ไม่ทราบว่าผุ้ใช้ไฟ คิดเห็นอย่างไร[/quote]



ผู้ผลิตไฟ

โพสต์ โดย ผู้ผลิตไฟ » ศุกร์ เม.ย. 16, 2004 11:29 am

ความจริงที่หายไปในหนังโฆษณาชุดล่าสุดเรื่อง กฟผ.
ประสาท มีแต้ม
กลุ่มศึกษาการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน สงขลา


1. คำนำ

ผมได้ชมหนังโฆษณาชุดล่าสุดในโทรทัศน์ที่พยายามบอกถึงเหตุผลของรัฐบาลในการแปรรูปการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) แล้วรู้สึกว่าต้องเขียนบทความชิ้นนี้ทันที ทั้งนี้เพราะมีข้อมูลสำคัญบางอย่างได้ถูกบิดเบือนและทำให้คิดต่อไปได้ว่า แล้วสิ่งอื่นๆ ที่รัฐบาลจะทำในอนาคตจะถูกบิดเบือนอีกไหม

ในฐานะที่ได้ติดตามข้อมูลด้านพลังงานทั้งก๊าซธรรมชาติและกิจการไฟฟ้ามานาน ผมจึงสามารถจับได้ไล่ทันว่าข้อมูลใดบ้างได้ถูกบิดเบือนหรือถูกทำให้หายไป ดังนั้นผมจึงขอนำเสนอข้อมูลที่ได้หายไปเพื่อให้ท่านผู้อ่านได้ใช้ประกอบการพิจารณา สำหรับข้อมูลดิบที่ผมใช้ในการวิเคราะห์นี้มาจากกระทรวงพลังงานซึ่งท่านที่สามารถใช้อินเตอร์เนตค้นหาได้ที่ www.eppo.go.th/vrs/VRS61.pdf <http://www.eppo.go.th/vrs/VRS61.pdf> (หน้าที่ 63)
เพื่อให้ง่ายต่อการทำความเข้าใจ ผมจะเปรียบเทียบกิจการไฟฟ้าที่มีความซับซ้อน(และมีตัวเลขเยอะแยะ)กับกิจการคิวรถแท็กซี่ซึ่งจะทำให้เข้าใจได้ง่ายและสามารถนำไปเล่าสู่กันฟังภายใต้การผูกขาดการใช้สื่อแต่เพียงผู้เดียวของภาครัฐ

2. สาระสำคัญของหนังโฆษณา

เนื้อความในโฆษณาดังกล่าวมีสาระสำคัญว่า ขณะนี้ทาง กฟผ. มีโรงไฟฟ้าที่สามารถผลิตได้เพียงประมาณ 50% ของพลังงานไฟฟ้าทั้งหมดที่คนไทยทั้งประเทศใช้ ที่เหลืออีก 50% เป็นการผลิตของโรงไฟฟ้าของเอกชน ดังนั้นถ้าไม่มีการระดมทุนแล้วจะเอาทุนที่ไหนมาสร้างโรงไฟฟ้าใหม่ เมื่อเศรษฐกิจโตขึ้นxxxส่วนการผลิตของ กฟผ.ก็จะลดต่ำลงเรื่อยๆ นอกจากนี้ทาง กฟผ.ยังมีหนี้สินถึง 1 แสน 4 หมื่นล้านบาท จึงจำเป็นต้องระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์

3. ความจริงที่หายไป

จากสาระดังกล่าว เราพบว่ามีความจริง 2 ประการที่หายไป
ประการแรก คือทรัพย์สินของ กฟผ. มีอยู่ถึง 4 แสนล้านบาท การมีหนี้สินถึง 1.4 แสนล้านบาทก็ต้องถือว่ายังมีความมั่นคงทางการเงินอยู่และมีกำไรทุกปี ดีกว่ารัฐวิสาหกิจอื่นๆ อีกจำนวนมาก อาจจะดีกว่าฐานะของคนไทยทั้งประเทศที่มีหนี้สาธารณะถึง 52% ของรายได้ต่อปีเสียอีก หรือว่าจะต้องนำประเทศไทยไประดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ด้วย!
ประการที่สอง เรื่องที่ทาง กฟผ.มีส่วนแบ่งการตลาดเพียงประมาณ 50% เรื่องนี้ต้องอาศัยข้อมูลประกอบการพิจารณา ขอท่านผู้อ่านโปรดอ่านอย่างช้าๆสักนิดนะครับ

3.1 นับถึงเดือนมิถุนายน 2546 ประเทศไทยมีกำลังการผลิต
ไฟฟ้ารวมกันถึง 25,647 เมกะวัตต์ แต่มีความต้องการสูงสุดของทั้งปีเพียงที่ 18,121 เมกะวัตต์ หรือมีกำลังผลิตสำรองอยู่ถึง 42% เพื่อให้ง่ายต่อการเข้าใจ ผมจะเปรียบโรงไฟฟ้าเป็นรถแท็กซี่ ส่วนจำนวนไฟฟ้าที่ผลิตได้เทียบเป็นจำนวนผู้โดยสาร และเพื่อให้เห็นxxxส่วนของการใช้งานของรถแท็กซี่ ผมขอเปรียบให้จำนวนผู้โดยสารในวันที่มีมากสูงสุดมีจำนวน 100 คน (18,121 เมกะวัตต์) ดังนั้นในวันนั้นประเทศไทยมีรถแท็กซี่อยู่ทั้งหมด 142 คัน (รถ 1 คันเทียบเท่าโรงไฟฟ้า 180 เมกะวัตต์คิดเป็นมูลค่าประมาณ 6,300 ล้านบาท)
จากตัวเลขดังกล่าวทำให้เรารู้สึกได้ว่า คิวนี้มีรถมากเกินไป เพราะมีสำรองถึง 42 คัน หากคิดย้อนกลับไปคิดเป็นกิจการโรงไฟฟ้า การมีโรงไฟฟ้าสำรองถึง 42% นั้นต้องถือว่ามีมากเกินไป (ซึ่งปกติเขามักสำรองที่ 15% ท่านนายกฯทักษิณเคยกล่าวเมื่อต้นปี 2545 ว่า ประเทศไทยมีโรงไฟฟ้าสำรองคิดเป็นมูลค่าถึง 4 แสนล้านบาท เนื่องจากการคำนวณที่ผิดพลาด ทำให้คนไทยต้องเสียค่าไฟฟ้าแพง)

3.2 ในจำนวนรถทั้งหมด 142 คัน ปรากฏว่าเป็นของ กฟผ. 84 คันหรือคิดเป็น 59% ของจำนวนรถทั้งหมดของคิว ที่เหลือ 41%(หรือ 58 คัน) เป็นของบริษัทเอกชน

3.3 ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2546 พบว่ารถของ กฟผ. ได้รับผู้โดยสารรวมเพียง 52% (แต่มีรถอยู่ 59%) ในขณะที่รถของเอกชนได้รับผู้โดยสาร 48%(แต่มีรถอยู่ 41%)
จากข้อมูลนี้ทำให้เราได้เห็นภาพชัดเจนขึ้นว่า นายคิว นี้ไม่มีความเป็นธรรมอย่างยิ่ง คำถามก็คือว่า ใครคือนายคิว จึงได้ปล่อยให้รถของ กฟผ. หรือของคนไทยทุกคนต้องว่างงานเป็นจำนวนมาก


4. ใครคือนายคิว?

คำตอบคือ กฟผ. เองนั่นแหละที่เป็นนายคิว เพราะ กฟผ. เป็นผู้ควบคุมระบบส่งไฟฟ้าหรือควบคุมถนน แต่ผู้ที่อยู่เบื้องหลังเกณฑ์การจัดคิวแบบนี้คือใคร
คำตอบคือรัฐบาลไทยนั่นเอง เพราะนโยบายมาจากรัฐบาล โดยรัฐบาลไทยได้เซ็นสัญญาที่เรียกว่า ไม่ใช้ก็ต้องจ่าย กล่าวคือเป็นสัญญาที่ได้ประกันความเสี่ยงให้กับบริษัทเอกชนที่ว่า เมื่อบริษัทสามารถผลิตไฟฟ้าได้แล้ว ทาง กฟผ. ต้องรับซื้อไฟฟ้าจากบริษัทอย่างน้อย 85% ของจำนวนที่บริษัทผลิตได้เพื่อนำไปขายต่อให้กับประชาชน

โปรดอย่าลืมว่า ในระบบทั้งหมดเรามีรถอยู่ 142 คันแต่มีผู้โดยสารไม่เกิน 100 ราย ด้วยสัญญาแบบนี้ กฟผ. จึงจำเป็นต้องปล่อยรถของตนเองออกให้น้อยลง เพราะถึงปล่อยรถของตนเองออกมา ก็ต้องจ่ายเงินให้รถของเอกชนอยู่ดี ตามสัญญา ไม่ซื้อก็ต้องจ่าย


5. กฟผ. เสียรายได้ปีละ 17,500 ล้านบาท

ในปี 2546 ทั้งปี คนไทยใช้ไฟฟ้าประมาณ 1 แสน 1 หมื่นล้านหน่วยคิดเป็นมูลค่าประมาณ 275,000 ล้านบาท ดังนั้นปริมาณไฟฟ้า 1% มีค่าเท่ากับ 2,750 ล้านบาท

จากหัวข้อ 3.3 ที่รถของ กฟผ. มีอยู่ถึง 59% แต่ได้รับผู้โดยสารเพียง 52% คือหายไปถึง 7% (เพราะไปเพิ่มให้รถของเอกชน) ดังนั้นด้วยการจัดคิวที่ไม่เป็นธรรมนี้ได้ทำให้ กฟผ. ขาดรายได้ไปถึงปีละ 17,500 ล้านบาท

เงินรายได้ที่หายไปจาก กฟผ.จำนวน 19,250 ล้านบาทนี้ เป็นค่าเชื้อเพลิงประมาณ 11,900 ล้านบาท(หรือประมาณ 68%ของรายได้) ดังนั้นรายได้ที่เหลืออีกประมาณ 6,000 ล้านบาทจึงถือได้ว่าเอากำไรล้วนๆ ของ กฟผ.ไปให้กับบริษัทเอกชนนั่นเอง เพราะว่าต้นทุนค่าสายส่งและค่าบริหารไม่จำเป็นต้องจ่ายเพิ่มอีกแล้ว

เงินก้อนนี้ตกปีละ 6,000 ล้านบาทนี้เป็นเงินที่ผู้ใช้ไฟฟ้าเป็นผู้จ่าย ได้หายไปจาก กฟผ. ซึ่งเป็นสมบัติของคนไทยทุกคน แต่กลับไหลไปสู่กระเป๋าของบริษัทเอกชนเพราะนโยบายการจัดคิวที่ผิดพลาดของรัฐบาลไทย

ที่กล่าวมาแล้วเป็นข้อมูลปี 2546 แต่ที่ทางราชการไทยได้วางแผนไว้สำหรับปี 2547 กลับสาหัสมากกว่านี้คือ รถของ กฟผ. จะได้รับผู้โดยสารเพียง 48% (ทั้งๆที่มีโรงไฟฟ้าหรือรถเพิ่มขึ้นอีก 2 คันที่จังหวัดกระบี่ รวมรถของ กฟผ.มี 60%) รถของบริษัทเอกชนจะได้รับผู้โดยสาร 52%

ความอยุติธรรมนี้จะเพิ่มขึ้นจาก 7% ในปี 2546 เป็น 12% ในปี 2547 เฉพาะส่วนที่ไม่เป็นธรรมนี้คิดเป็นกำไรล้วนๆ ถึงหนึ่งหมื่นล้านบาทต่อปี


5. สรุป

ที่ได้กล่าวมาแล้ว ผมได้ชี้ให้เห็นว่าในหนังโฆษณาชุดนี้รัฐบาลทักษิณได้หลอกลวงคนไทยไว้ 3 ประเด็น คือ

(1) บอกแต่จำนวนหนี้สินแต่ไม่บอกจำนวนทรัพย์สินที่มีมากกว่า

(2) จำนวนโรงไฟฟ้าล้นเกินถึง 42% แทนที่จะเป็น 15% และ

(3) ปิดบังความจริงเรื่องการจัดคิวที่ไม่เป็นธรรมซึ่งกำหนดโดยรัฐบาลเอง ส่งผลให้รัฐบาลสูญเสียรายได้และเอกชนได้ประโยชน์ถึงปีละ 6,000 ล้านบาท


ผมคิดว่าสิ่งที่คนไทยต้องตั้งคำถามอีก 4 ข้อ คือ

(1) ยังมีสิ่งที่หลอกลวงที่บทความนี้ยังไม่ได้กล่าวถึงอีกไหม

(2) นี่เป็นการหลอกลวงครั้งสุดท้ายของรัฐบาลหรือไม่

(3) เงินค่าโฆษณาทางโทรทัศน์มาจากไหน ใครเป็นเจ้าของสถานีโทรทัศน์ซึ่งรับเงินค่าโฆษณาแล้วนำความเท็จมาให้ประชาชน

และ (4) แล้วเราจะเผยแพร่ข้อมูลที่ถูกต้องให้กับผู้ใช้ไฟฟ้าภายใต้การปิดกั้นข่าวสารได้อย่างไร



ผู้จำเป็นต้องจ่ายค่าไฟ

โพสต์ โดย ผู้จำเป็นต้องจ่ายค่าไฟ » ศุกร์ เม.ย. 16, 2004 1:37 pm

สงสัยจัง

หนี้สินก็เยอะ

ทำไม

คนการไฟฟ้า

ได้ใช้ไฟฟรี

ได้สวัสดิการมาก

เมื่อมีปัญหาที

ก็ไม่พอใจ

ออกมาเคลื่อนไหวประท้วง

ร่อนEMAILบ้าง POSTกระทู้ตามที่ต่างๆบ้าง

ทำไม


ทำไม



คนจ่ายค่าไฟฟ้า

โพสต์ โดย คนจ่ายค่าไฟฟ้า » ศุกร์ เม.ย. 16, 2004 5:59 pm

อ่านแล้วสงสัยครับ ไม่แน่ใจในเจตนาคนเขียนบทความ
1. ทำไมเปรียบเทียหนี้ กฟผ กับทรัพย์สิน แต่เปรียบเทียบหนี้สาธารณะกับรายได้ต่อปี ทำไมไม่เปรียบกับทรัพย์สินทั้งประเทศ
2. ตกลงว่ารัฐบาลไหนครับที่ออกกฎหมายที่ทำให้ กฟผ เสียเปรียบ และเอกชนได้เปรียบ แล้วทำไม กฟผ. ไม่บอกรัฐบาลไปล่ะว่าเอกชนไม่ต้อง กฟผ. จะลงทุนเองมีเงินเหลือลงทุนตั้งมากมาย ผลิตไฟฟ้าได้ถูกกว่าเอกชนด้วย ไม่เห็นยกประเด็นนี้มาประท้วงเลย กฟผ. เองก็ไม่ได้ขายไฟในราคาต้นทุนที่ซื้อมาให้กับประชาชน แต่บวกกำไร (ถึงแท็กซี่เก่าตัวเองจะจอดอยู่ก็ยังเช่าแท็กซี่คนอื่นที่คิดว่าประหยัดน้ำมันกว่ามาคิดค่าโดยสารเต็มราคาอยู่ดี)
3. ปัญหาไฟฟ้าล้นตลาดในอดีตมาถึงปัจจุบันใช้เป็นผลมาจากเศรษฐกิจฟองสบู่แตกหรือไม่ และอนาคตจะเป็นอย่างไร โรงไฟฟ้าที่มีอยู่จะใช้พอจนถึงปีไหน และไม่ต้องมีโรงไฟฟ้าเพิ่มก็พอใช้ใช่หรือไม่
4. คงไม่มีการกระจายหุ้นใดที่จะถึงมือประชาชนทุกคน แต่การไม่กระจายหุ้นเลยก็คงไม่ถึงมือใครสักคนนอกจากผลประโยชน์กำไรที่แบ่งกันเองในองค์กร จนไม่มีเงินเหลือเก็บไว้ลงทุนแข่งขันกับเอกชน ปัจจุบันมีประชาชนคนไหนชื่นชอบและเชื่อว่า กฟผ. ประท้วงเพื่อประชาชน จนอยากจะออกมาประท้วงร่วมด้วย

ผมจึงเห็นว่า กฟผ. ควรแปรรูป เพื่อเป็นชนวนกระตุ้นให้เกิดการปฏิรูปองค์กร ให้ดำเนินกิจการมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพราะจะถูกตรวจสอบโดยผู้ถือหุ้น รัฐบาล และสื่อมวลชนมากขึ้น ปัญหาอยู่ที่การกระจายหุ้นว่าจะทำอย่างไรให้ลงตัว ไม่ให้หุ้นจำนวนมากตกไปอยู่ในกลุ่มผู้มีอำนาจและหวังผลประโยชน์



ล็อคหัวข้อ