egcomp ถูกมากแล้ว !!!!!!!!!!
วันนี้อ่านบทวิเคราะห์ EGCOMP ของ ABN
นำมาฝากเพื่อนๆ ที่สนใจครับ
-กำไรปี 46 และคาดการณ์กำไรปี 47-48 เท่ากับ 5,994 4,623 5,596 ล้านบาท ตามลำดับ
-คาดว่ากำไรปี 47 จะลดลงอย่างมีนัยสำคัญจากปี 46 เนื่องจากค่าซ่อมบำรุงรักษาหลักของโรงไฟฟา้ ทั้งสองโรงที่สูงเป็นพิเศษ ซึ่งเป็นไปตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้า
-ปี 46-49 จะเป็นช่วงปีทองของ EGCOMP ซึ่งเป็นไปตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้า โดยจะมีกระแสเงินสดปีละประมาณ 7-8 พันล้านบาท ทำให้สามารถขยายกิจการใหม่ๆ ได้โดยไม่ต้องเพิ่มทุนอย่างน้อย 2 ปี
-เงินสด ณ สิ้นปี 46 ประมาณ 4,000 ล้าน สามารถสร้างโรงไฟ้ฟ้า 600 MW ได้ 1 โรง โดยใช้เงินกู้ 70 %
-มีโครงการขยายกำลังการผลิตภายในปี 2550 (ซึ่งรายได้จาก 2 โรงไฟฟ้าหลักจะ ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ) อีก 1,785 MW ซึ่งเกือบๆ เท่าตัวของกำลังการผลิตในปัจจุบัน
-โครงการขยายกำลังการผลิตเหล่านั้นได้แก่ 1. )ขยายกำลังการผลิตอีก 385 MW ที่โรงไฟฟ้าขนอม 2.) สร้างโรงไฟ้ฟ้า 700 MW ที่แก่งคอย (บ่อนอกในอดีต) และกำลังเจรจาเพิ่มกำลังการผลิตเป็น 1,400 MW 3.) อาจจะซื้อหุ้นในโครงการ BLCP 50 % ในส่วนที่ถือโดย CLP ซึ่งก็เป็นผู้ถือหุ้นส่วนใหญ่ใน EGCOMP เช่นกัน โครงการนี้ใช้ถ่านหิน มีกำลังการผลิต 1,400 MW 4.) ถือหุ้นในโครงการน้ำเทิน 2 25 % ซึ่งโครงการนี้มีกำลังการผลิต 1,070 MW
- แนะนำซื้อ EGCOMP ราคาเป้าหมาย 98 บาท ซึ่งได้จากการคิดแบบ DCF ของโครงการในปัจจุบันเท่านั้น นอกจากนั้น EGCOMP ยังเป็นหุ้นที่น่าลงทุน เพราะยังมีโอกาสเติบโตทางธุรกิจอยู่อีกมาก
นำมาฝากเพื่อนๆ ที่สนใจครับ
-กำไรปี 46 และคาดการณ์กำไรปี 47-48 เท่ากับ 5,994 4,623 5,596 ล้านบาท ตามลำดับ
-คาดว่ากำไรปี 47 จะลดลงอย่างมีนัยสำคัญจากปี 46 เนื่องจากค่าซ่อมบำรุงรักษาหลักของโรงไฟฟา้ ทั้งสองโรงที่สูงเป็นพิเศษ ซึ่งเป็นไปตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้า
-ปี 46-49 จะเป็นช่วงปีทองของ EGCOMP ซึ่งเป็นไปตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้า โดยจะมีกระแสเงินสดปีละประมาณ 7-8 พันล้านบาท ทำให้สามารถขยายกิจการใหม่ๆ ได้โดยไม่ต้องเพิ่มทุนอย่างน้อย 2 ปี
-เงินสด ณ สิ้นปี 46 ประมาณ 4,000 ล้าน สามารถสร้างโรงไฟ้ฟ้า 600 MW ได้ 1 โรง โดยใช้เงินกู้ 70 %
-มีโครงการขยายกำลังการผลิตภายในปี 2550 (ซึ่งรายได้จาก 2 โรงไฟฟ้าหลักจะ ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ) อีก 1,785 MW ซึ่งเกือบๆ เท่าตัวของกำลังการผลิตในปัจจุบัน
-โครงการขยายกำลังการผลิตเหล่านั้นได้แก่ 1. )ขยายกำลังการผลิตอีก 385 MW ที่โรงไฟฟ้าขนอม 2.) สร้างโรงไฟ้ฟ้า 700 MW ที่แก่งคอย (บ่อนอกในอดีต) และกำลังเจรจาเพิ่มกำลังการผลิตเป็น 1,400 MW 3.) อาจจะซื้อหุ้นในโครงการ BLCP 50 % ในส่วนที่ถือโดย CLP ซึ่งก็เป็นผู้ถือหุ้นส่วนใหญ่ใน EGCOMP เช่นกัน โครงการนี้ใช้ถ่านหิน มีกำลังการผลิต 1,400 MW 4.) ถือหุ้นในโครงการน้ำเทิน 2 25 % ซึ่งโครงการนี้มีกำลังการผลิต 1,070 MW
- แนะนำซื้อ EGCOMP ราคาเป้าหมาย 98 บาท ซึ่งได้จากการคิดแบบ DCF ของโครงการในปัจจุบันเท่านั้น นอกจากนั้น EGCOMP ยังเป็นหุ้นที่น่าลงทุน เพราะยังมีโอกาสเติบโตทางธุรกิจอยู่อีกมาก
เนื่องจากหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ วันที่ 26 เมษายน 2547ได้ลงข่าวเกี่ยวกับหุ้นในกลุ่มพลังงาน และบริษัทพัฒนสินได้วิเคราะห์ว่าegcomp จะมีกำไรไตรมาสแรกลดลงมากเนื่องจากมีการปิดซ่อมบำรุงครั้งใหญ่ทำให้รายได้ค่าความพร้อมจ่ายไฟฟ้าลดลง และโรงไฟฟ้าระยองต้องเริ่มจ่ายภาษี 15% ตั้งแต่กลางเดือนเมษานี้ ผมได้ลองโทรไปสอบถามที่บริษัทผลิตไฟฟ้า ฝ่ายนักลุงทุนสัมพันธ์ ตามนี้
จิราภรณ์ รุ่งศรีทอง
ผู้จัดการส่วนนักลงทุนสัมพันธ์
Email: [email protected]
Tel: (662) 998-5131
ก็ได้รับคำตอบว่าทุกปีโรงไฟฟ้าต่างๆต้องมีการปิดซ่อมบำรุงเป็นประจำอยู่แล้ว ไม่ได้มีผลกระทบต่อความสามารถในการผลิตไฟฟ้าของบริษัท ซึ่งไม่ได้เป็นการปิดซ่อมบำรุงครั้งใหญ่ในไตรมาสแรกตามที่เป็นข่าว
แต่ในปีนี้กำไรสุทธิจะลดลงแน่นอนเนื่องจากเป็นไปตามสัญญาการซื้อขายไฟฟ้ากับกฟผ.และจากการที่โรงไฟฟ้าใหม่ยังผลิตไฟฟ้าเข้าระบบไม่ทัน ซึ่งบริษัทสามารถประมาณการได้ แต่ไม่ใช่เป็นว่าปีที่ผ่านมาจะเป็นpeak สุดของผลการดำเนินงานของบริษัทแบบระฆังคว่ำ ในปี 48 กำไรของบริษัทจะเพิ่มขึ้นก็ได้ จากโครงการโรงไฟฟ้าแห่งใหม่อื่นๆ ซึ่งในวันที่ 26 พฤษภาคม 2547 นี้ บริษัทจะเชิญนักลงทุนไปให้ความเข้าใจเกี่ยวกับสัญญาซื้อขายไฟฟ้าที่ห้องประชุมสายสัมพันธ์ ชั้น 9 ที่บริษัทที่ถนนวิภาวดีรังสิต เวลา 14-16.00 น. ใครสนใจลองติดต่อไปฟังดูนะครับ
จิราภรณ์ รุ่งศรีทอง
ผู้จัดการส่วนนักลงทุนสัมพันธ์
Email: [email protected]
Tel: (662) 998-5131
ก็ได้รับคำตอบว่าทุกปีโรงไฟฟ้าต่างๆต้องมีการปิดซ่อมบำรุงเป็นประจำอยู่แล้ว ไม่ได้มีผลกระทบต่อความสามารถในการผลิตไฟฟ้าของบริษัท ซึ่งไม่ได้เป็นการปิดซ่อมบำรุงครั้งใหญ่ในไตรมาสแรกตามที่เป็นข่าว
แต่ในปีนี้กำไรสุทธิจะลดลงแน่นอนเนื่องจากเป็นไปตามสัญญาการซื้อขายไฟฟ้ากับกฟผ.และจากการที่โรงไฟฟ้าใหม่ยังผลิตไฟฟ้าเข้าระบบไม่ทัน ซึ่งบริษัทสามารถประมาณการได้ แต่ไม่ใช่เป็นว่าปีที่ผ่านมาจะเป็นpeak สุดของผลการดำเนินงานของบริษัทแบบระฆังคว่ำ ในปี 48 กำไรของบริษัทจะเพิ่มขึ้นก็ได้ จากโครงการโรงไฟฟ้าแห่งใหม่อื่นๆ ซึ่งในวันที่ 26 พฤษภาคม 2547 นี้ บริษัทจะเชิญนักลงทุนไปให้ความเข้าใจเกี่ยวกับสัญญาซื้อขายไฟฟ้าที่ห้องประชุมสายสัมพันธ์ ชั้น 9 ที่บริษัทที่ถนนวิภาวดีรังสิต เวลา 14-16.00 น. ใครสนใจลองติดต่อไปฟังดูนะครับ