คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
ผมเห็นด้วยกับคุณมนเป็นอย่างยิ่งครับ
ปัญหาที่พวกเราชาวviประสบตอนนี้คือ
1.เงินหมด ติดอยู่ในพอร์ต พอร์ตก็ลดลงเรื่อยๆๆๆ
อย่างนี้ดูๆๆๆๆๆๆๆเฉยๆ
หาหนังสือการลงทุนอ่านเพิ่มเติมหรือ
ค้นคว้าหาข้อมูลบริษัทที่ตัวเองถือหรือ
นั่งสรุปบทเรียนที่ผ่านๆมา หาจุดที่ต้องปรับปรุงตัวเองเพื่อการลงทุนต่อๆไป
2.ยังมีเงินเหลือ แต่ไม่รู้จะลงทุนเพิ่มดีหรือไม่
อันนี้ถ้าจะให้ดีต้องเอารายงานประจำปีมาทบทวนดูให้ดีๆ
ถ้าเป็นบริษัทที่ยังดีอยู่แม้ภาวะเศรษฐกิจจะป.ป.โดยเฉพาะ
ถ้าไม่ขึ้นกับการส่งออกไปจีน ไม่ได้ใช้พลังงานในการผลิตมาก
ราคายิ่งลง ยิ่งต้องซื้อครับ
สำคัญราคาต้องถูกๆๆๆๆๆๆปันผลใช้ได้
ทะยอยซื้อเก็บเข้าพอร์ต ดีกว่าฝากธนาคารครับ
ยิ่งเดือนมีค47นี้อัตราเงินเฟ้อปาเข้าไปตั้ง2.5%
ฝากแบ้งก็หายไปเรื่อยๆโดยไม่รู้ตัว
ปัญหาที่พวกเราชาวviประสบตอนนี้คือ
1.เงินหมด ติดอยู่ในพอร์ต พอร์ตก็ลดลงเรื่อยๆๆๆ
อย่างนี้ดูๆๆๆๆๆๆๆเฉยๆ
หาหนังสือการลงทุนอ่านเพิ่มเติมหรือ
ค้นคว้าหาข้อมูลบริษัทที่ตัวเองถือหรือ
นั่งสรุปบทเรียนที่ผ่านๆมา หาจุดที่ต้องปรับปรุงตัวเองเพื่อการลงทุนต่อๆไป
2.ยังมีเงินเหลือ แต่ไม่รู้จะลงทุนเพิ่มดีหรือไม่
อันนี้ถ้าจะให้ดีต้องเอารายงานประจำปีมาทบทวนดูให้ดีๆ
ถ้าเป็นบริษัทที่ยังดีอยู่แม้ภาวะเศรษฐกิจจะป.ป.โดยเฉพาะ
ถ้าไม่ขึ้นกับการส่งออกไปจีน ไม่ได้ใช้พลังงานในการผลิตมาก
ราคายิ่งลง ยิ่งต้องซื้อครับ
สำคัญราคาต้องถูกๆๆๆๆๆๆปันผลใช้ได้
ทะยอยซื้อเก็บเข้าพอร์ต ดีกว่าฝากธนาคารครับ
ยิ่งเดือนมีค47นี้อัตราเงินเฟ้อปาเข้าไปตั้ง2.5%
ฝากแบ้งก็หายไปเรื่อยๆโดยไม่รู้ตัว
หุ้นให้ผลตอบแทนปีละ 25 % ดังนั้นผม ออก มาทำธุรกิจเอง ผลตอบแท
พอมีเงินเหลือมาก ๆ ค่อยเอามาลงในหุ้น เอาแบบง่ายๆ
กำไรเห็น ๆ เพราะ จริง ๆ แล้ว value จากข้อมูลในอดีต นั้นสำคัญก็จริง
แต่เราซื้อ อนาคต ไม่ใช่ซื้อ อดีต ดังนั้น ผมจึงมัก จะเลือก หุ้นขนาดเล็กที่สามารถเป็นผู้นำตลาด ตุนเข้าพอร์ตครับ เพราะโดยแนมโน้มแล้วหุ้นพวกนี้ ผลตอบแทนจะสูงสุดครับ โดยผมจะกรองปัจจัยพื้นฐานก่อนครับ
และสอบถามเพื่อน ๆ ที่อยู่ในวงการ ว่า บริษัทนี้กิจการเป็นอย่างไรครับ
กำไรเห็น ๆ เพราะ จริง ๆ แล้ว value จากข้อมูลในอดีต นั้นสำคัญก็จริง
แต่เราซื้อ อนาคต ไม่ใช่ซื้อ อดีต ดังนั้น ผมจึงมัก จะเลือก หุ้นขนาดเล็กที่สามารถเป็นผู้นำตลาด ตุนเข้าพอร์ตครับ เพราะโดยแนมโน้มแล้วหุ้นพวกนี้ ผลตอบแทนจะสูงสุดครับ โดยผมจะกรองปัจจัยพื้นฐานก่อนครับ
และสอบถามเพื่อน ๆ ที่อยู่ในวงการ ว่า บริษัทนี้กิจการเป็นอย่างไรครับ
เอพี่วิบูลย์ครับ ตัวพี่เทพเนี่ย พี่ว่ามันเป็นธุรกิจแบบมี วัฏจักรอ่ะเปล่าครับ รู้สึกคุณมือล่องหนเค้าเคยให้ความเห็นประมาณนั้นเลยอยากถามพี่วิบูลย์หน่อยว่าเห็นจุดนีั้ตรงกันหรือในฐานะที่เป็นหุ้นส่วนหย่ายของพี่เทพ แล้วหากเป็นวัฏจักรแล้วมันยังคงความสามารถในการแข่งขันอย่างยั่งยืนในระยะยาว เช่นขาลงของธุรกิจได้หรือเปล่าครับ ขอบคุณครับ
Ch_army(ไม่ได้ Login) เขียน:เอพี่วิบูลย์ครับ ตัวพี่เทพเนี่ย พี่ว่ามันเป็นธุรกิจแบบมี วัฏจักรอ่ะเปล่าครับ รู้สึกคุณมือล่องหนเค้าเคยให้ความเห็นประมาณนั้นเลยอยากถามพี่วิบูลย์หน่อยว่าเห็นจุดนีั้ตรงกันหรือในฐานะที่เป็นหุ้นส่วนหย่ายของพี่เทพ แล้วหากเป็นวัฏจักรแล้วมันยังคงความสามารถในการแข่งขันอย่างยั่งยืนในระยะยาว เช่นขาลงของธุรกิจได้หรือเปล่าครับ ขอบคุณครับ
ขอล่วงเกินบังอาจตอบคำถามแทน.....คุณวิบูลย์สักกะหน่อย
การวิเคราะห์ของแต่ละคนไม่เหมือนกัน
ในมุมมองที่ต่างกัน
ในความหวังที่ต่างกัน
ธุรกิจทุกอย่างย่อมมีวัฎจักร อันนี้จริงไม่เถียงครับ
แต่ผมถามขอถามคุณบ้าง แล้วใบสัมปทานบัตรมีวัฎจักรไหมครับ
แล้วใบสัมปทานบัตรยั่งยืนหรือเปล่า
อย่าคิดว่าผมถือหุ้นแค่พันหุ้นแล้วมาอวดอ้างวิเคราะห์อะไรไม่รู้
(หุ้นพี่เทพเสียอย่างเดียว เป็นหุ้นหาเงินของต่างชาติชอบช๊อตเท่านั้นล่ะ อิอิ)
ผมจนกว่าคุณวิบูลย์ นิดเดียว กำลังไล่ตามอยู่VIB007 เขียน:ขอบคุณที่ติดตามผลงานเพลงของสายันต์ครับ พี่ปรัชญา
ก็หวังว่ากระทู้นี้คงจุดประกายให้หลายท่านไปค้นหว้าหาความรู้เพิ่มเติมกันเองนะครับ
ส่วนพี่ปรัชญา ถ้าไม่รบกวนช่วยตอบคำถามในกระทู้นี้ช่วยผมด้วยได้มั๊ยครับ
งานผมยุ่งมากๆช่วงนี้ เวลาเข้ามาตอบน้อยเหลือเกิน
อีกอย่างอยากได้ความรู้จากพวกพี่ๆรุ่นเก๋าๆมั่ง
จะได้เป็น"คนจนรุ่นใหม่"แบบพวกพี่ๆมั่ง
สวัสดีครับ
จนความรู้ครับ
จนเพราะยังขี่รถกระบะคันเก่า
ดีใจอยู่นาได้นั่งรถเก๋งคันเบ่อเร่อของคุณวิบูลย์ คราวก่อน
จะมีวาสนาได้นั่งอีกไหมหนอ................
สวัสดีครับพี่ๆ คือตอนนี้ผมสงสัยว่าเศรษฐกิจไทยมันยังไงกันแน่ มันกำลังจะดีหรือกำลังฟองสบู่ครับ เท่าที่ผมวิเคราะห์โดยดูจากผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนก็ดีขึ้นกันทั้งนั้น ยกเว้นเรื่องน้ำมันกับค่าเงินแล้วจะมีอะไรอีกป่าวครับ
อีกเรื่องก็คือผมอยากถามความเห็นการวิเคราะห์หุ้นกลุ่มธนาคารหน่อยครับ ผมสนใจตัว kbank อยู่ แต่ไม่แน่ใจว่าการใช้ FCF หรือ p/e จะใช้กับกลุ่มนี้ได้หรือเปล่า ผมวิเคราะห์จากการปรับดอกเบี้ยขึ้นว่าน่าจะดีกับแบงค์นะ
อีกเรื่องก็คือผมอยากถามความเห็นการวิเคราะห์หุ้นกลุ่มธนาคารหน่อยครับ ผมสนใจตัว kbank อยู่ แต่ไม่แน่ใจว่าการใช้ FCF หรือ p/e จะใช้กับกลุ่มนี้ได้หรือเปล่า ผมวิเคราะห์จากการปรับดอกเบี้ยขึ้นว่าน่าจะดีกับแบงค์นะ
ขอบคุณค่า..พี่วิบูลย์...
เรื่องนส.ไม่ต้องกังวลค่ะพี่ ตอนนี้ยังมีให้อ่านอีกเป็นกองเลยล่ะค่ะ
(รวมถึง เล่มที่พี่บอกก็อยู่ในกองนั้นด้วยล่ะจ้ะ..อิๆๆ...เขิลลล จังเยย )
จะรีบจัดการโดยด่วนค่ะ ...เฮียสั่งลุย ทั้งที
เผื่อวันนึง จะได้เป็น นักลงทุนธรรมดา(ที่ไม่ธรรมดา) หยั่งพี่วิบูลย์มั่งจ้ะ
Mon Money:
..."เพราะ คิดถึง...จึงถามหา" มากกว่าค่ะ พี่มน ฮิๆๆๆๆ :lol:
เรื่องนส.ไม่ต้องกังวลค่ะพี่ ตอนนี้ยังมีให้อ่านอีกเป็นกองเลยล่ะค่ะ
(รวมถึง เล่มที่พี่บอกก็อยู่ในกองนั้นด้วยล่ะจ้ะ..อิๆๆ...เขิลลล จังเยย )
จะรีบจัดการโดยด่วนค่ะ ...เฮียสั่งลุย ทั้งที
เผื่อวันนึง จะได้เป็น นักลงทุนธรรมดา(ที่ไม่ธรรมดา) หยั่งพี่วิบูลย์มั่งจ้ะ
Mon Money:
ยังงี้เค้าไม่เรียกว่านินทาหรอกจ้า...แอบนินทากันอย่างนี้คิดว่าผมไม่ค่อยได้อ่านหรือไง คุณวิบูลย์
..."เพราะ คิดถึง...จึงถามหา" มากกว่าค่ะ พี่มน ฮิๆๆๆๆ :lol:
ขอบคุณพี่ๆทุกคนที่ให้ความรู้ครับ ก็เพิ่งเข้ามาเริ่มอ่าน ไม่คิดเหมือนกันครับว่าจะมีกระทู้ที่ยาวขนาดนี้
เข้ามาที่กระทู้นี้ นั่งอ่านมาสี่วัน ก็หลายชั่วโมงเหมือนกันครับอ่านจนตาแฉะ อ่านๆไปอ่านมาเลยสังเกตเห็นว่า หลังๆ พวกพี่ๆ มาตอบกันน้อยลงหรือเปล่า หรือว่าเพราะหมดมุขกันหมดแล้ว จริงๆ ผมแนะนำว่าเนื้อหาในส่วนแรกๆ นะครับ สำหรับคนที่ยังไม่เคยเรียนรู้ด้านบัญชีมาก่อน พวกพี่ๆ น่าจะเอามา review กันอีกรอบ ทำให้เข้าใจง่ายๆ นะครับ เพราะว่าอ่านแล้วเข้าใจยากเหลือเกิด ถ้ามีทำ TVI meeting อีก แล้วเอา สักบริษัทมาทำ workshop ก็คงจะดี
ตัวผมเองยังไม่ได้เริ่มอ่านกระทู้อื่นใน TVI เลยครับเลยไม่รู้ว่ามีเขียนไว้ที่อื่นรึเปล่า แต่สงสัยอยู่อย่างครับ ไม่รู้ว่าผมอ่านตกหล่นไปช่วงไหนมั้ย แต่ยังไม่เห็นการวิเคราะห์ งบของ APRINT เลยครับ ไม่รู้พี่ๆ ลืมไปกันหรือยัง แล้วก็ เรื่องบทความของน้องใหม่นะครับ เลย 31 พฤษภา ก็นานแล้วไม่รู้ประกาศผลหรือยัง อย่างน้อยคงมีคนติดตามกันพอควรนะครับ
ส่วนสาเหตุที่มาอ่านนี่ จริงๆ ก็เป็นนักเกร็งกำไรมาก่อนละครับ เริ่มตอน ธันวาปีที่แล้ว วันคริสต์มาสพอดี พอเจอไข้หวัดนก ตอนนั้นยังทำอะไรไม่เป็นสักอย่างครับ เจ็บหนักพอควร(น่าจะเข้ามาเจอกระทู้นี้ตั้งแต่แรก ) เลยไปนั่งศึกษาเทคนิค ก็พอไปวัดไปวาได้ครับ ตอนนี้ก็ได้เท่าทุนมาหมดแล้ว แต่ว่าเสียงานประจำไปพอสมควรเลย ข้อเสียของนักเก็งกำไรคือ ต้องเฝ้าหุ้นครับ วันๆ ไม่ทำอะไร ดูตลาดเปิด ตลาดปิดเที่ยง ตลาดเปิดบ่าย call market ทุกวันต้องแอบเข้าเน็ตมาซื้อขายในเวลางาน เพิ่งคิดได้ครับ ว่าทำอย่างนี้แล้ว งานประจำก็คงไม่ก้าวหน้า แล้วหยังงี้จะเอาเงินที่ไหนมาซื้อหุ้นเพิ่มละเนี้ย
ก็เลยว่าจะเปลี่ยนแนว ปกติเข้าที่ greenbull ครับ เห็นเค้ามีโพสกระทู้ของที่นี่บ่อยๆ ก็เลยเข้ามาดู ไม่ผิดหวังครับ
ยังไงตอนนี้ก็เตรียมดูหุ้นไว้หลายตัวเหมือนกันครับ เดียวรับแล้วขอเวลาไปศึกษา การบัญชีเพิ่มเติมครับ เรื่องสูตรต่างๆ บอกตามตรงว่า เล่นเทคนิคนี่ดูแต่กราฟ กะ ratio อย่างเดียวเลย ไว้คิดว่าดูสูตรรู้เรื่องแล้วจะกลับมาอ่านกระทู้นี้อีกรอบครับ
เข้ามาที่กระทู้นี้ นั่งอ่านมาสี่วัน ก็หลายชั่วโมงเหมือนกันครับอ่านจนตาแฉะ อ่านๆไปอ่านมาเลยสังเกตเห็นว่า หลังๆ พวกพี่ๆ มาตอบกันน้อยลงหรือเปล่า หรือว่าเพราะหมดมุขกันหมดแล้ว จริงๆ ผมแนะนำว่าเนื้อหาในส่วนแรกๆ นะครับ สำหรับคนที่ยังไม่เคยเรียนรู้ด้านบัญชีมาก่อน พวกพี่ๆ น่าจะเอามา review กันอีกรอบ ทำให้เข้าใจง่ายๆ นะครับ เพราะว่าอ่านแล้วเข้าใจยากเหลือเกิด ถ้ามีทำ TVI meeting อีก แล้วเอา สักบริษัทมาทำ workshop ก็คงจะดี
ตัวผมเองยังไม่ได้เริ่มอ่านกระทู้อื่นใน TVI เลยครับเลยไม่รู้ว่ามีเขียนไว้ที่อื่นรึเปล่า แต่สงสัยอยู่อย่างครับ ไม่รู้ว่าผมอ่านตกหล่นไปช่วงไหนมั้ย แต่ยังไม่เห็นการวิเคราะห์ งบของ APRINT เลยครับ ไม่รู้พี่ๆ ลืมไปกันหรือยัง แล้วก็ เรื่องบทความของน้องใหม่นะครับ เลย 31 พฤษภา ก็นานแล้วไม่รู้ประกาศผลหรือยัง อย่างน้อยคงมีคนติดตามกันพอควรนะครับ
ส่วนสาเหตุที่มาอ่านนี่ จริงๆ ก็เป็นนักเกร็งกำไรมาก่อนละครับ เริ่มตอน ธันวาปีที่แล้ว วันคริสต์มาสพอดี พอเจอไข้หวัดนก ตอนนั้นยังทำอะไรไม่เป็นสักอย่างครับ เจ็บหนักพอควร(น่าจะเข้ามาเจอกระทู้นี้ตั้งแต่แรก ) เลยไปนั่งศึกษาเทคนิค ก็พอไปวัดไปวาได้ครับ ตอนนี้ก็ได้เท่าทุนมาหมดแล้ว แต่ว่าเสียงานประจำไปพอสมควรเลย ข้อเสียของนักเก็งกำไรคือ ต้องเฝ้าหุ้นครับ วันๆ ไม่ทำอะไร ดูตลาดเปิด ตลาดปิดเที่ยง ตลาดเปิดบ่าย call market ทุกวันต้องแอบเข้าเน็ตมาซื้อขายในเวลางาน เพิ่งคิดได้ครับ ว่าทำอย่างนี้แล้ว งานประจำก็คงไม่ก้าวหน้า แล้วหยังงี้จะเอาเงินที่ไหนมาซื้อหุ้นเพิ่มละเนี้ย
ก็เลยว่าจะเปลี่ยนแนว ปกติเข้าที่ greenbull ครับ เห็นเค้ามีโพสกระทู้ของที่นี่บ่อยๆ ก็เลยเข้ามาดู ไม่ผิดหวังครับ
ยังไงตอนนี้ก็เตรียมดูหุ้นไว้หลายตัวเหมือนกันครับ เดียวรับแล้วขอเวลาไปศึกษา การบัญชีเพิ่มเติมครับ เรื่องสูตรต่างๆ บอกตามตรงว่า เล่นเทคนิคนี่ดูแต่กราฟ กะ ratio อย่างเดียวเลย ไว้คิดว่าดูสูตรรู้เรื่องแล้วจะกลับมาอ่านกระทู้นี้อีกรอบครับ
ขอถามพี่ๆเกี่ยวกับการซื้อหุ้นคืนครับว่า มีหลักการคิดยังไง เพราะตอนแรกเข้าใจว่า ถ้าบริษัทมีการซื้อหุ้นคืนแล้วจะทำให้ส่วนผู้ถือหุ้นลดลง ค่าอะไรๆต่อหุ้นก็จะเพิ่มขึ้น แต่มาคิดอีกที ก็มองว่าไม่น่าจะทำให้จำนวนหุ้นลดลง เพราะแค่เปลี่ยนมือจากเราๆไปสุ่บริษัท ส่วนของ equity ในงบก็น่าจะเท่าเดิม ใช่มั้ยครับ อันไหนถูกกว่ากันครับพี่ๆ
สงสัยตรงคุณนักดูดาวที่อ้างว่า
"หุ้นที่บริษัทซื้อคืนและขายออกไป สามารถบันทึกเป็นส่วนเพิ่มหรือลดของกำไรสะสม ในงบการเปลี่ยนแปลงส่วนของผู้ถือหุ้นได้เลย ไม่นับเป็นกำไรขาดทุนครับ"
ไม่นับเป็นกำไรขาดทุน แล้วกำไรที่ได้จากการขายหุ้นจะนับเป็นอะไรครับ เช่นบริษัทซื้อที่ 10 บาท แล้วขายที่ 15 บาท ส่วนต่าง 5 บาท
ที่บริษัทได้เป็นเงินสดเพิ่มขึ้นมาไม่บันทึกเป็นกำไรขาดทุนหรือครับ ถ้างั้นคิดว่าบันทึกไว้รายการไหนรายการหนึ่งในงบกระแสเงินสดใช่เปล่าครับ
แล้วเงินที่ผู้ถือหุ้นแปลงสภาพ Warrant ล่ะครับ บริษัทจะรับรู้ในรายการอะไรครับ แต่คิดว่ามันไปอยู่ใน CFF ใช่ไหมครับ
"หุ้นที่บริษัทซื้อคืนและขายออกไป สามารถบันทึกเป็นส่วนเพิ่มหรือลดของกำไรสะสม ในงบการเปลี่ยนแปลงส่วนของผู้ถือหุ้นได้เลย ไม่นับเป็นกำไรขาดทุนครับ"
ไม่นับเป็นกำไรขาดทุน แล้วกำไรที่ได้จากการขายหุ้นจะนับเป็นอะไรครับ เช่นบริษัทซื้อที่ 10 บาท แล้วขายที่ 15 บาท ส่วนต่าง 5 บาท
ที่บริษัทได้เป็นเงินสดเพิ่มขึ้นมาไม่บันทึกเป็นกำไรขาดทุนหรือครับ ถ้างั้นคิดว่าบันทึกไว้รายการไหนรายการหนึ่งในงบกระแสเงินสดใช่เปล่าครับ
แล้วเงินที่ผู้ถือหุ้นแปลงสภาพ Warrant ล่ะครับ บริษัทจะรับรู้ในรายการอะไรครับ แต่คิดว่ามันไปอยู่ใน CFF ใช่ไหมครับ
Reproduction Cost ยังสรุปไม่ได้ว่าเป็นมูลค่าต่ำสุด
เมื่อสินค้าที่ผลิตล้าสมัย หรือสินค้านำเข้าถูกกว่า
มูลค่าบริษัทจะตกฮวบทะลุ Repro. cost ทันที
ที่ยกตัวอย่างกันมากก็คือ โรงงานผลิตหลอดสูญญากาศของมัตสึชิตะ
ลงทุนไปไม่รู้กี่พันล้านเยน ..เหลือมูลค่าแค่ราคาที่ดินทันที เมื่อทรานซิสเตอร์ออกสู่ตลาด
อีกตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจน พันธบัตร 1000 บาท ดอกเบี้ยคงที่ 2%.. ราคาซื้อขายจะตกฮวบต่ำกว่า 1000 บาททันที เมือดอกเบี้ยในตลาดสูงขึ้นเรื่อยๆ
นี่แสดงว่า EPV ยังมีอิทธิพล ในการประเมินมูลค่าอยู่
เมื่อสินค้าที่ผลิตล้าสมัย หรือสินค้านำเข้าถูกกว่า
มูลค่าบริษัทจะตกฮวบทะลุ Repro. cost ทันที
ที่ยกตัวอย่างกันมากก็คือ โรงงานผลิตหลอดสูญญากาศของมัตสึชิตะ
ลงทุนไปไม่รู้กี่พันล้านเยน ..เหลือมูลค่าแค่ราคาที่ดินทันที เมื่อทรานซิสเตอร์ออกสู่ตลาด
อีกตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจน พันธบัตร 1000 บาท ดอกเบี้ยคงที่ 2%.. ราคาซื้อขายจะตกฮวบต่ำกว่า 1000 บาททันที เมือดอกเบี้ยในตลาดสูงขึ้นเรื่อยๆ
นี่แสดงว่า EPV ยังมีอิทธิพล ในการประเมินมูลค่าอยู่
- Linzhichange
- User
- กระทู้: 1160
- ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ก.ค. 10, 2005 9:21 pm
- Linzhichange
- User
- กระทู้: 1160
- ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ก.ค. 10, 2005 9:21 pm
อันนี้เหมาะกับผมสุด แต่จะให้ไปเที่ยวอย่างที่ว่าคงไม่ไหวเหมือนกัน :lol: ..
ลักษณะการกะจังหวะ ก็คล้ายๆกันหมด ไม่ว่ารอบเล้กหรือรอบใหญ่ เพียงแค่เปลี่ยนหน่วยวัด จาก นาที,เป็นวัน,เป็นเดือน,เป็นปี เท่านั้นเอง
เราดูจากรอบโหลปี ก็แค่ ประมาณว่า....
มองดูมันตกลงมา ๆ ๆ ๆ ๆ...ไปเที่ยวทะเลเล่น สรรหาทริปเที่ยวทั่วไทยไปสนุกๆ ช่วยชาติ
กลับมาดูอีกที มันตกน้อยลงๆๆ เหมือนจะไม่ตกแล้ว ๆ ๆ ๆ ๆ...อ่า ปีนี้ไปเที่ยวเมืองนอกมั่ง หาประสบการณ์
กลับมาอีกที อ้าว มันขึ้นไปเยอะเลย...อ๋อ เหรอออออออออ แล้วไงยะ :lovl:
การเล่นรอบโหลปี เป็นพวกไม่เปลืองสมอง และรักษาเงินต้นให้งอกเงยได้ อย่างที่จะผิดพลาดน้อยมาก อาศัยลูกอึดดีกว่าเม่าสองระยะแรก(ยกเว้นอาจจะไปเลือกเอา n-park เข้า )007-s เขียน:ว่าแต่ว่ามุมมองเทคนิคดูตลาดแล้ว
เจ๊ว่าน่า"เข้า"หรือยังตอนนี้
ลักษณะการกะจังหวะ ก็คล้ายๆกันหมด ไม่ว่ารอบเล้กหรือรอบใหญ่ เพียงแค่เปลี่ยนหน่วยวัด จาก นาที,เป็นวัน,เป็นเดือน,เป็นปี เท่านั้นเอง
เราดูจากรอบโหลปี ก็แค่ ประมาณว่า....
มองดูมันตกลงมา ๆ ๆ ๆ ๆ...ไปเที่ยวทะเลเล่น สรรหาทริปเที่ยวทั่วไทยไปสนุกๆ ช่วยชาติ
กลับมาดูอีกที มันตกน้อยลงๆๆ เหมือนจะไม่ตกแล้ว ๆ ๆ ๆ ๆ...อ่า ปีนี้ไปเที่ยวเมืองนอกมั่ง หาประสบการณ์
กลับมาอีกที อ้าว มันขึ้นไปเยอะเลย...อ๋อ เหรอออออออออ แล้วไงยะ :lovl:
- Linzhichange
- User
- กระทู้: 1160
- ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ก.ค. 10, 2005 9:21 pm
ไม่มีฮงก็อ่านไม่สนุกน่ะสิ ดีใจที่กลับมาโพสต่อด้วยครับ
หนังสือเล่มนี้เอาไว้กลับเมืองไทยจะซื้ออ่าน แต่สรุปได้เห็นภาพเลย
อีกเล่มที่เห็นโพสไว้เรื่องก่อร่างสร้างธุรกิจ เล่มนี้ผมชอบมาก ๆ
เก็บไว้เป็นกำลังใจเอาไว้สร้างธุรกิจด้วยตัวเอง
สร้างธุรกิจต้องค่อย ๆสร้าง สำคัญทั้งความขยันหมั่นเพียร มองเทรนมีวิสัยทัศน์
แล้วก็มีจริยธรรมในการทำธุรกิจ
หาผู้บริหารสำหรับบริษัทที่เราจะลงทุนคงใช้เงื่อนไขคล้าย ๆ กัน
หนังสือเล่มนี้เอาไว้กลับเมืองไทยจะซื้ออ่าน แต่สรุปได้เห็นภาพเลย
อีกเล่มที่เห็นโพสไว้เรื่องก่อร่างสร้างธุรกิจ เล่มนี้ผมชอบมาก ๆ
เก็บไว้เป็นกำลังใจเอาไว้สร้างธุรกิจด้วยตัวเอง
สร้างธุรกิจต้องค่อย ๆสร้าง สำคัญทั้งความขยันหมั่นเพียร มองเทรนมีวิสัยทัศน์
แล้วก็มีจริยธรรมในการทำธุรกิจ
หาผู้บริหารสำหรับบริษัทที่เราจะลงทุนคงใช้เงื่อนไขคล้าย ๆ กัน
- Linzhichange
- User
- กระทู้: 1160
- ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ก.ค. 10, 2005 9:21 pm
มีวิจัยของ HBS เรื่องนี้เหมือนกันniyom_value เขียน:ถ้าในความคิดเห็นของผมนะครับ
คงต้องดูตลาดทั้งตลาดว่ายังโตหรือมีโอกาสโตอยู่หรือไม่ เพราะถ้าตลาดยังเล็กอยู่ การแข่งขันของทั้งสองบริษัทจะยิ่งทำให้ตลาดเติบโตขึ้นไปอีก
เช่นถ้าคุณวางสินค้าใน super อย่างเดียว คนจะซื้อน้อย
ถ้าวางมากเกินไป คนก็จะซื้อน้อยอีก
ถ้ามีพอดี ๆ จะช่วยเพิ่มยอดขายได้ อย่าง coke กับ pepsi นี่
เข้าข่ายถ้าไม่มีชั้นก็ไม่มีเธอ
- Linzhichange
- User
- กระทู้: 1160
- ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ก.ค. 10, 2005 9:21 pm
แหะ ๆ ขอแจมเฉพาะเรื่อง short แล้วกันครับ
แนว VI ผมว่า short หุ้นแล้วไม่คุ้มเท่าไหร่ ยิ่งถ้าไม่ถูกฝึกเรื่องจิตวิทยาหรือวินัยการลงทุนด้วยล่ะก็
เพราะอย่างมากก็ได้ผลตอบแทน 10-20% เอาแบบสุด ๆ เลย ก็ไม่เกิน 50% แบบตลาดผันผวนอย่างนี้
แต่โอกาสที่จะสูญเสียหุ้นหลายเด้งไปตลอดกาลมีสูง เพราะคนเราไม่กล้าซื้อหุ้นกลับ
มันเป็นกลไกพื้นฐานของสมอง คือการกลัวความพ่ายแพ้
ยกตัวอย่างถ้าราคามันเกินตรงที่เรา short ไปนิดเดียว เช่น short ที่ 40
ราคาวิ่งไป 10% = 44 โอกาสที่จะซื้อกลับนั้นยาก และถ้าวิ่งต่อ โอกาสซื้อกลับจะลดลงอีก
เพราะคนเรากลัวโง่ หรือกลัวความพ่ายแพ้ (ที่ตัวเองคิดผิด)
มันเป็นอารมณ์เดียวกับ ถ้าเรามีหุ้นตัวนั้นอยู่เต็ม แต่หุ้นนั้นลงไปนิดเดียว เช่นลงไปเหลือ 36 คนกลับมีแนวโน้มถือต่อ และไม่ขายตัดขาดทุน
เพราะกลัวโง่เหมือนกัน
แต่ทางนี้กลับดีกว่า เพราะถ้าวิเคราะห์ดีว่าระยะยาวหุ้นนั้นมีพื้นฐานดี
ความกลัวตรงนี้ ก็จะไม่มีผลต่อการตัดสินใจนั้น ๆ เลย เพราะราคาหุ้นจะกลับมาในที่สุด
แนว VI ผมว่า short หุ้นแล้วไม่คุ้มเท่าไหร่ ยิ่งถ้าไม่ถูกฝึกเรื่องจิตวิทยาหรือวินัยการลงทุนด้วยล่ะก็
เพราะอย่างมากก็ได้ผลตอบแทน 10-20% เอาแบบสุด ๆ เลย ก็ไม่เกิน 50% แบบตลาดผันผวนอย่างนี้
แต่โอกาสที่จะสูญเสียหุ้นหลายเด้งไปตลอดกาลมีสูง เพราะคนเราไม่กล้าซื้อหุ้นกลับ
มันเป็นกลไกพื้นฐานของสมอง คือการกลัวความพ่ายแพ้
ยกตัวอย่างถ้าราคามันเกินตรงที่เรา short ไปนิดเดียว เช่น short ที่ 40
ราคาวิ่งไป 10% = 44 โอกาสที่จะซื้อกลับนั้นยาก และถ้าวิ่งต่อ โอกาสซื้อกลับจะลดลงอีก
เพราะคนเรากลัวโง่ หรือกลัวความพ่ายแพ้ (ที่ตัวเองคิดผิด)
มันเป็นอารมณ์เดียวกับ ถ้าเรามีหุ้นตัวนั้นอยู่เต็ม แต่หุ้นนั้นลงไปนิดเดียว เช่นลงไปเหลือ 36 คนกลับมีแนวโน้มถือต่อ และไม่ขายตัดขาดทุน
เพราะกลัวโง่เหมือนกัน
แต่ทางนี้กลับดีกว่า เพราะถ้าวิเคราะห์ดีว่าระยะยาวหุ้นนั้นมีพื้นฐานดี
ความกลัวตรงนี้ ก็จะไม่มีผลต่อการตัดสินใจนั้น ๆ เลย เพราะราคาหุ้นจะกลับมาในที่สุด
ก้าวช้า ๆ และเชื่อในปาฎิหารย์ของหุ้นเปลี่ยนชีวิต
There is no secret ingredient. It's just you.
There is no secret ingredient. It's just you.
- Linzhichange
- User
- กระทู้: 1160
- ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ก.ค. 10, 2005 9:21 pm
ตอนนี้ผมว่าควรซื้อและสะสมหุ้นดี ๆ อย่าขาย ฟันธงตามดร.ซะเลย 555
เหตุผลคือ
ความน่าจะเป็นสูงสุดที่หุ้นจะลง คือหุ้นอาจจะลงจาก 610 ไป 500
คิดแล้วคือประมาณลดลง 20%
หุ้นดี อย่างมากก็โดนกระทบไป 10% เนื่องจากคุณภาพของตัวมัน และตลาดเริ่มเป็นเบี้ยหัวแตก
แต่ถ้าหุ้นดี ๆ มันขึ้น มันจะหายวับ ติดปีกไปเด้ง ๆ
bet ขาดทุน10% กับกำไร 100% ถ้าโอกาสที่เกิดขึ้นไม่ต่างกันมากๆๆๆๆ ผมคงไม่เอาด้วย
คุ้น ๆ มั๊ยครับ เหมือนกับเรื่อง short ที่เคยคุยกันเลย
position long ตอนนี้ผมว่าได้เปรียบอยู่สำหรับ VI ยกเว้นคุณจะเล่นหุ้นตลาด
และเอากำไรแบบเล่นเทคนิคระยะสั้น-กลาง
แต่อย่าไป long หมดนะครับ กั๊กไว้หน่อย เผื่อมีโอกาสเก็บของ
ไม่รู้พี่ ๆ หรือฮง เห็นด้วยมั๊ยครับ :roll:
เหตุผลคือ
ความน่าจะเป็นสูงสุดที่หุ้นจะลง คือหุ้นอาจจะลงจาก 610 ไป 500
คิดแล้วคือประมาณลดลง 20%
หุ้นดี อย่างมากก็โดนกระทบไป 10% เนื่องจากคุณภาพของตัวมัน และตลาดเริ่มเป็นเบี้ยหัวแตก
แต่ถ้าหุ้นดี ๆ มันขึ้น มันจะหายวับ ติดปีกไปเด้ง ๆ
bet ขาดทุน10% กับกำไร 100% ถ้าโอกาสที่เกิดขึ้นไม่ต่างกันมากๆๆๆๆ ผมคงไม่เอาด้วย
คุ้น ๆ มั๊ยครับ เหมือนกับเรื่อง short ที่เคยคุยกันเลย
position long ตอนนี้ผมว่าได้เปรียบอยู่สำหรับ VI ยกเว้นคุณจะเล่นหุ้นตลาด
และเอากำไรแบบเล่นเทคนิคระยะสั้น-กลาง
แต่อย่าไป long หมดนะครับ กั๊กไว้หน่อย เผื่อมีโอกาสเก็บของ
ไม่รู้พี่ ๆ หรือฮง เห็นด้วยมั๊ยครับ :roll:
ก้าวช้า ๆ และเชื่อในปาฎิหารย์ของหุ้นเปลี่ยนชีวิต
There is no secret ingredient. It's just you.
There is no secret ingredient. It's just you.
- Linzhichange
- User
- กระทู้: 1160
- ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ก.ค. 10, 2005 9:21 pm
ไม่โกรธหรอกครับ ถูกใจก็เป็นเพียงอัตตาเราhongvalue เขียน:
ดีนะครับ ฟังเหตุผลแล้วผมเห็นด้วยเลยครับ
ผมเข้าใจแล้วล่ะว่า vi มองกันยังไง
(ก่อนอื่นออกตัวก่อนว่าเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย
และมีประเด็น discuss ซึ่งถ้าไม่ถูกใจก็อย่างโกดผมนะ)
ถ้าไม่มีการ discuss จะมีเวปบอร์ดทำไมอ่ะครับ
อันนี้เป็นทฤษฎี finance เต็ม ๆ ซึ่งถูกต้องมากโดยค่าเฉลี่ยครับhongvalue เขียน: แต่ว่าสมมุติฐานข้างต้น
base on ข้อมูลว่า หุ้นเราขึ้นได้ 100% ใช่ไหมครับ
แต่ว่าหุ้นขึ้นมาเยอะขนาดนี้หุ้นที่จะขึ้นต่อจากนี้ได้อีก
100% ผมว่าหายากนะครับ
แต่คำว่ายากหรือง่ายก็คือมีเงื่อนไขเวลามาเกี่ยวข้องด้วย
สมมุตินะ เราถือหุ้นอยู่ตัวนึงชื่อหุ้น z
ตลาดหุ้นขึ้นมาจาก 408 จุด มา 620
หุ้น z ต้องขึ้นมาไม่มากก็น้อย
แล้วเรายังหวังว่าถ้าหุ้นลงจะไม่หลุด 500
ซึ่งอาจจะหลุดหรือไม่หลุดก็ได้
แต่สมมุติว่าไม่หลุดแล้วกัน
เรายัง assume ต่อไปอีกว่า ถ้าลงมา 500
หุ้นเราจะต้อง outperforme โดยลงได้ 10%
ซึ่งมันก็ค่อนข้างผิดหลักการหุ้น เพราะเราหวัง
upside ตั้ง 100% แต่มา limit loss เพียง 10%
คงต้องดูว่า high beta หรือเปล่า
แต่หุ้นที่ทำตัวไม่เหมือนทฤษฎีก็มีอยู่มาก
ผมว่า beta เอาไว้สำหรับนักเทรดหุ้น กับพวก hedge เป็นหลักน่ะครับ
เพราะมันพันกับการเคลื่อนไหว วอลุ่ม แต่ไม่มีตัวเลขในแง่ผลกำไรอะไรเลย
hongvalue เขียน:
ถ้าหุ้นตัวนั้นเป็นหุ้นต่างชาติหุ้นเข้าออกตาม
fundflow ก็ไม่น่าใช้สมมุติฐานนี้ได้
ถ้าไม่ใช่ก็อาจเป็นไปได้แต่ก็ถือว่ามองโลกในแง่ดี
สองต่อเหมือนกันนะ
ทั้ง set ไม่หลุด 500 ทั้งหุ้นเราต้องแข็งกว่า set
อีกอย่างนึง ผมว่า reward/risk 10 เท่า
ค่อนข้างเป็นสมมุติฐานที่ดีเกินจริงไปหน่อยนะ
ผมว่าถ้าตลาดตกต่ำอย่างปลายปีที่แล้ว
กำไรบริษัทโต แต่หุ้นลงสวนทางอุตลุด
แล้วซื้อหุ้นได้ในราคาที่ปันผลสูงมาก
ผมว่าแบบนั้น reward/risk 10 เท่าเป็นไปได้
แต่ผมไม่เชื่อว่าตลาดขึ้นมาแรงขนาดนี้จะหาหุ้น
reward/risk 10เท่าได้
ผมว่าตลาดขึ้นมาแรงขนาดหุ้นทีแข็งแกร่งที่สุดก็ยังไม่
downside มากกว่า 15-20% ได้
ผมว่ายังมีหุ้นแบบนี้อยู่นะครับ ทุกสภาพตลาด
แต่ขึ้นกับเวลาหวังผลมันเท่านั้นเอง
ปีที่แล้ว มันลงแรง การหวังผลแบบผิดปกติ คือระยะครึ่งปี หนึ่งปีอาจจะเป็นไปได้
แต่ถ้ามาปีนี้ ขึ้นมาขนาดนี้ หวังผลเหมือนเดิม ผมก็เห็นด้วยว่ามันออกจากเพ้อฝันไปหน่อย
ถ้าอยากได้ตัวอย่างหุ้นที่มองแล้วมีลักษณะแบบนี้ pm มาแล้วกันครับ ถ้าจะ discuss เรื่องนี้ต่อ
(คนอื่นไม่ต้อง pm มานะครับ คงเป็นการยกเคส ผมไม่ได้เก่งขนาดใบ้หวยได้)
แต่คิดว่าฮงคงไม่คิดว่าตัวอย่างนี้สำคัญเท่าไหร่นัก อิอิ ดักทางไว้ก่อน
มองยาวเหมือนดร.และพี่ ๆ VI คนอื่นครับhongvalue เขียน:
ผมว่า reward/risk 10 เท่าเป็นไปได้ถ้า
คิดว่าถือยาวได้ซัก 3-4 ปี เพราะว่าตอนนั้น
เศรษฐกิจน่าจะฟื้นกำไรบริษัทน่าจะโตได้อีกเยอะ
โอกาศได้เป็นเด้งจะสูงขึ้นเยอะและ cover
downside จนน่าสนใจได้
แต่ประเด็นคือ พี่มองยาวซักแค่ไหน
มองยาวเท่าด็อกเตอร์ไหมล่ะ
แต่อาจจะเห็นไม่เหมือนแก ไม่อาจเอื้อมขนาดนั้นครับ
ยังไงถ้าเวลาเดินเรือ เราเห็นว่ามันเป็นเกาะ เดินทางไปก็เป็นเกาะครับ
จะเล็กจะใหญ่ มีขุมทรัพย์รึเปล่าอีกเรื่องนึง
hongvalue เขียน: ส่วนผมมีสมมุติฐานคนละแบบกับข้างต้น
ผมเลยไม่เล่น
ก้าวช้า ๆ และเชื่อในปาฎิหารย์ของหุ้นเปลี่ยนชีวิต
There is no secret ingredient. It's just you.
There is no secret ingredient. It's just you.
- Linzhichange
- User
- กระทู้: 1160
- ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ก.ค. 10, 2005 9:21 pm
Re: คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
เรียนถามพี่วิบูลย์กับมุมมองเรื่องธุรกิจถ่านหิน ปัจจัยลบที่มาจากถ่านหิน over supply อันเนื่องมาจากการทดแทนด้วย Shale gas ใน USA จะทำให้กระทบต่อตลาดถ่านหินมากน้อยอย่างไรครับ (เป็นจริงว่าธุรกิจถ่านหินจะยังไม่ตาย แต่การที่ over supply ขนาดนี้จะถือว่าอยู่ในขั้นโคม่าไหมครับ) รบกวนพี่วิบูลย์ช่วยแสดงทัศนะต่อธุรกิจถ่านหินด้วยครับ ว่าพี่วิบูลย์ยังคงมีความเชื่อมั่นในธุรกิจถ่านหินอยู่เหมือนเดิมรึเปล่าครับ
ทุ่มเททั้งหมดให้กับความฝัน ที่มีแต่เราเท่านั้นที่มองเห็น