ไหนใครบอกไม่มี short sell

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก
ล็อคหัวข้อ
ปรัชญา(ยังไม่ได้รับรหัส)

โพสต์ โดย ปรัชญา(ยังไม่ได้รับรหัส) » พฤหัสฯ. มิ.ย. 03, 2004 9:51 pm

เจ๋งพูดถูกครับ แป๊ะๆๆๆ



Banchap(ไม่ได้ log-in)

โพสต์ โดย Banchap(ไม่ได้ log-in) » ศุกร์ มิ.ย. 04, 2004 7:44 am

พี่เจ๋งครับ

singer แตกพาร์จาก 10 บาท เป็น 1 บาทครับ



ผมเอง

โพสต์ โดย ผมเอง » ศุกร์ มิ.ย. 04, 2004 10:01 am

ผมไม่แน่ใจเท่าไหร่นะเรื่อง short sell เนี่ยที่คุณเจ๋งเขียนมา

ที่ผมเข้าใจก็คือ

การshort sell คือการยืมหุ้นของคนอื่นๆเช่น เจ้าของบริษัทจดทะเบียน หรือโบรกเกอร์ หรือรายใหญ่ที่มีหุ้นในมือจำนวนมากๆ เพื่อมาขายล่วงหน้า โดยที่ผู้ที่ทำการshort sell ไม่มีหุ้นในมือ

ทั้งนี้ต้องมีการสัญญากันด้วยว่า ต้องซื้อคืนภายในระยะเวลาที่กำหนด

โดยที่ผู้ที่ทำการshort sell คาดหวังจะได้ส่วนต่างจากราคาหลังจากที่ขายล่วงหน้าไปแล้ว ราคาจะต่ำลง จนเมื่อต่ำได้ที่ก็จะซื้อจริงเพื่อคืนแก่เจ้าของหุ้นที่ยืมมาshort แล้วได้กำไรส่วนต่าง

ต่างกับรายย่อยแบบเราๆ ที่ต้องการส่วนต่างตอนราคาหุ้นขึ้น

ซึ่งแสดงว่าเมื่อ ซื้อกลับในราคาต่ำแล้ว ก็ต้องคืนแก่เจ้าของหุ้นตัวจริง คือ

ผู้ที่ทำการshort sell เมื่อทำกำไรแล้ว ก็จะไม่มีหุ้นในมือ

แต่ในบางครั้ง เช่น ตอนที่ตลาดลง649.31จุด(ในวันที่3เดือนกุมภา47)ตอนที่หุ้นลงหนักๆนั้น พอนายกบอกว่า ถ้ายังเป็นนักลงทุนธรรมดาๆอยู่จะทำการซื้อหุ้นในตอนนี้ (ซึ่งเป็นแค่จิตวิทยาธรรมดา แต่ตอนนั้นนักลงทุนยังมีความเชื่อมั่นในตัวนายกอยู่พอสมควร)

ทำให้ราคาหุ้นในตลาดดีดกลับอย่างรวดเร็วก็เป็นเพราะว่า ผู้ที่ทำการshort sell รีบกลับเข้ามาซื้อคืน เพราะกลัวว่าจะซื้อกลับในราคาที่สูงกว่าทำให้ได้กำไรต่ำ หรือไม่ก็ขาดทุนเลย

เลยเกิดเป็นการรีบาว ครั้งแรก ขึ้นไปที่762.77จุด

เท่าที่สังเกตุมานั้น ทุกครั้งที่ราคาหุ้นในตลาดเป็นขาลง(ย้ำว่าเป็นเฉพาะราคาหุ้นเท่านั้น ผลประกอบการบริษัทจำกัดนั้นขึ้นอยู่กับความสามารถของผู้บริหารและความได้เปรียบทางการแข่งขั้นของธุรกิจนั้น) จะมีรายใหญ่ที่สามารถทำshort sellได้มาร่วมวงเสมอๆ และก็จะมีการcover shortเป็นช่วงๆ ซึ่งเป็นที่มาของการรีบาวน์เป็นระยะๆ

ผมเลยว่า

หากเป็นนักเก็งกำไรแล้วจับรอบการ cover short ได้ ก็อาจมีกำไรได้หากเลือกถูกตัว แต่เสี่ยงมากหากคาดผิด

แต่หากเป็นนักลงทุนแล้ว ควรรอให้ ตลาดซึมๆ volumn น้อยๆ กร๊าฟแท่งเทียนเป็นโดจิ หรือ ไม่ก็เป็น แค่แท่งสั้นๆ ซึ่งแสดงว่า

ผู้อยากขายก็ได้ขายไปหมดแล้ว

ผู้อยากซื้อก็ยังรีๆรอๆอยู่

ค่อยซื้อตอนนั้นๆ น่าจะได้ราคาดีกว่า

เข้าใจว่าคงสอดคล้องกับที่ ดร.นิเวศน์ เคยเขียนบทความไว้ว่า ท่านเป็นชาวประมง ที่ออกทำมาหากินเมื่อพายุสงบ ไม่มีคลื่นลมแปรปรวน

ซึ่งต่างจาก ชาวสวน และ ชาวไล่



อ่านแล้วงง

โพสต์ โดย อ่านแล้วงง » ศุกร์ มิ.ย. 04, 2004 12:41 pm

คิดไปก็ปวดหัวเปล่าๆ ต่างชาติก็ไม่ได้มีกองเดียว ไม่ได้คิดแบบเดียวกันทุกกอง ดูแค่ NVDR ไม่ได้หรอก



ผมเอง

โพสต์ โดย ผมเอง » ศุกร์ มิ.ย. 04, 2004 1:35 pm

ผมว่า

ถกเถียงในเรื่องความเห็นไม่ค่อยตรงกัน

ดีออก

เซลส์สมองได้ทำงาน

เอาไปคิดต่อได้



บุคคลทั่วไป

โพสต์ โดย บุคคลทั่วไป » ศุกร์ มิ.ย. 04, 2004 11:52 pm

Posted: Fri Jun 04, 2004 1:13 pm Post subject:

--------------------------------------------------------------------------------

เป็นอยู่อย่างไทย มิน่าฝรั่งถึงครองโลก เขามีแต่ส่งเสริมให้คิด และที่สำคัญควรคิดแบบนอกกรอบให้เป็น และต่อยอดความคิดให้ได้

ตอนผมเดินทางไปพบประธานบริษัท ที่มียอดขาย ในปีที่ 6 ติดอันดับ ที่ 26 ในนิตยสาร inc500 ซึ่งคัดเลือกมาจาก 12 ล้านบริษัททั่วประเทศอเมริกา โดยดูจากอัตราการเติบโตของยอดขาย 5 ปีซ้อน microsoft เคยติดอันดับที่ 80 สรุปคือบริษัทนี้เติบโตเร็วกว่า microsoft ibm starbuck coke pepsi domio pizza oracle โดยการปรับ inflation แล้ว

ท่านประธานได้กล่าวว่า เราต้องการความคิดแย่ๆ เอามาลองทำดู เพราะความคิดดีๆเราทำไปหมดแล้ว
อีกเรื่องหนึ่งที่ฝรั่งบ่นไทย คือ การ Constructive Criticism ที่เรามีน้อย เพราะเรามักจะ เกรงใจ, การโต้แย้ง คือการเถียง, การเป็นผู้ใหญ่ พูดอะไร เด็ก ต้องเชื่อ, หลายๆประการนี้ ทำให้ เมื่อมีการแย้งขึ้นก็ทำให้ เรื่องราวกลายเป็น ตัวกูของกู แล้วเรื่องก็เปลี่ยนไปเป็น การโต้เถียง ที่ต้องการเอาชนะ



ก็พอดีช่วยรุ่นน้องทำวิจัย การบริหารคนอยู่



ล็อคหัวข้อ