หุ้นมันเป็น dynamic มิใช่ static

[ปู่เอง]

ปู่ว่ามองกันให้ที่สุดไปเลย ท่านจะรู้ได้อย่างไรว่าเศรษฐกิจมหภาคกำลังน่ากลัว(หุ้นทุกตัวจะแย่)
ตัวเลขขาดดุลบัญชีเดินสะพัดในรอบ2ปี น้ำมันและอื่นๆ
บางคนว่าเล็กน้อยไม่น่าห่วง
บางคนว่าต้องจับตาดู
บางคนก็ว่าฟองสบู่กำลังมา...ว่ากันได้สารพัด
เหล่านี้มันจะสะท้อนถึงการปรับพอร์ตถือครองหุ้นแต่ละคน

บางคนยังเต็มพอร์ต
บางคนเหลือครึ่งหนึ่ง
บางคนเหลือหนึ่งในสาม
บางคนถือเงินสด
พวกฝรั่งก็ขายออกมากพอดู...เหล่านี้ก็ไม่มีใครจะคาดเดาได้จริง
คงต้องให้ถึงเวลานั้นจึงได้คำตอบ

แต่ปู่คิดว่าพวกฝรั่งและคนที่ถือเงินสดจะรอดเพราะเขาเล่นเป็นรอบเป็นstep
ถ้ามันแย่จริงๆเขาจะยิ่งขาย หากมันไม่ได้แย่จริงเขาจะกลับมาซื้อ
แล้วท่านทั้งหลายล่ะเตรียมรับมืออย่างไรบ้าง???

[ปู่เอง]

ปู่ขอเพิ่มเติมอีกหน่อย เช้านี้ปู่ได้รับข้อมูลว่า
กองทุนไทยส่วนใหญ่ตอนนี้portติดลบ10%กว่า
ที่แย่สุด AJF ลบถึง20%กว่า มันสะท้อนอะไร...ทำไม?
เพราะกองทุนต่างๆมีบรรดาผู้จัดการกองทุนที่ได้ชื่อว่ามีความรู้ความสามารถมากมาย
ในอดีตเราก็เห็นกองทุนมากมายที่ทำกำไรได้ดีในช่วงหุ้นเฟื่องฟู(ขาขึ้น)
สามารถจ่ายปันผลในอัตราสูงๆ
แต่หลังจากนั้นไม่นานทุกกองทุนก็กลับกลายเป็นขาดทุน มูลค่าหน่วยลดลงมากมาย
จนทำให้เกิดกรณีลุงช่วยปาขี้...
ปู่ถามว่าทำไมถึงเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ได้?

เมื่อปีที่แล้วและปีนี้กองทุนต่างรับหุ้นกันมากมายแต่ยิ่งรับยิ่งลงคล้ายๆกับตอนยุค1700
เพียงเชื่อว่าเศรษฐกิจยังขึ้นต่อ(อาจเป็นเช่นนั้นจริงๆ)
แต่หากมันมีสิ่งที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นที่ทำให้เศรษฐกิจต้องสะดุด
ถามว่ากองทุนเหล่านี้จะทำอย่างไร...
กรณีมองแย่สุดๆคือเกิดฟองสบู่รอบใหม่ แล้วเราจะได้เห็นลุงช่วย2 3 4 อีกไหม?

สิ่งที่ปู่จะชี้ให้เห็นคือเราได้มีการกำจัดความเสี่ยงและตรวจสอบเหตุการณ์กันเป็นขั้นๆบ้างหรือไม่?
ปู่เห็นตระกูลไทเกนขายหุ้นออกมากมาย ปู่คิดว่าเขาทำได้ไม่เลว
เมื่อถึงจุดที่คิดว่ามีความเสี่ยงเริ่มไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไร ก็ควรกำจัดความเสี่ยงบ้าง
แล้วมาประเมินสถานการณ์อีกที หากยังดีก็ค่อยเพิ่มการลงทุนอีกครั้ง
หากแย่กว่าคิดก็ได้กำจัดความเสี่ยงไปแล้ว

แล้วท่านทั้งหลายมั่นใจกับเศรษฐกิจไทยแค่ไหน เพราะนั่นจะเป็นคำตอบของมูลค่าหุ้นและความเสี่ยงของท่าน