ความจริงที่ตากใบ - ดร.เจิมศักดิ์
ความจริงที่ตากใบ - ดร.เจิมศักดิ์
ความจริงที่ตากใบ
ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง สมาชิกวุฒิสภา กรุงเทพธุรกิจ วันที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547
การสลายการชุมนุม และควบคุมตัวผู้ชุมนุมประท้วง ที่ อ.ตากใบ นราธิวาส เมื่อ 25 ต.ค.นั้น ทำให้มีผู้เสียชีวิต 85 คน โดยเฉพาะพบว่า มีถึง 78 คน เสียชีวิตบนรถบรรทุก ขณะขนส่งจาก อ.ตากใบ ไปค่ายอิงคยุทธบริหาร ปัตตานี
สังคมไทยตกอยู่ในอาการ "ช็อก" เกิดความคลางแคลงสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
หลังเกิดเหตุ คณะกรรมาธิการของวุฒิสภาจำนวน 3 คณะ ได้เดินทางลงไปตรวจสอบข้อเท็จจริงในพื้นที่ โดยส่วนตัว ผมพบ "ความจริงที่ตากใบ" ดังต่อไปนี้
1) กวาดจับโดยไตร่ตรองเตรียมการไว้ก่อน
ฝ่ายเจ้าหน้าที่ทางการได้เตรียมการจะจับกุมแกนนำผู้ชุมนุมประมาณ 100 คน โดยได้ถ่ายภาพผู้ชุมนุมด้านใน ทั้งวิดีโอ และภาพนิ่ง เพื่อกำหนดตัวบุคคลที่ทางการต้องการจับกุมเอาไว้ก่อน ระหว่างการเจรจากับผู้ชุมนุมนั้น ก็ได้มีการเตรียมรถจีเอ็มซี จำนวน 4 คัน จากค่ายอิงคยุทธบริหารไปรอที่หน้าอำเภอตากใบ
แต่ก่อนการสลายชุมนุม ตัวบุคคลที่ทางการต้องการจับกุมนั้นกระจายตัวไปฝูงชนที่เข้ามาร่วมชุมนุม เจ้าหน้าที่ของทางการจึงใช้วิธีปิดล้อม กวาดจับกุมไว้ทั้ง 1,300 คน เพื่อ "ตะแกงร่อน" เอาคน 100 คน ที่กำหนดตัวไว้เดิม แต่ในทางปฏิบัติ เมื่อกวาดจับกุมแล้วได้มีการให้ผู้ชุมนุมถอดเสื้อมัดมือไพล่ เกลือกกลิ้งไปตามพื้นดิน ทำให้ไม่สามารถเลือกจับกุมเฉพาะตัวคน 100 คน ที่ทางการเชื่อว่าเป็นแกนนำได้ จึงกวาดจับไปทั้งหมด
ข้อสังเกต นายกรัฐมนตรีแถลงว่า การสลายการชุมนุมได้กระทำหลังจากพยายามเจรจากับผู้ชุมนุม แต่ด้วยเกรงว่าจะค่ำมืด เกิดการจลาจลลุกลาม จึงตัดสินใจสลายการชุมนุม โดยถือปฏิบัติตามหลักวิชาการ และใช้ความละมุนละม่อม ถ้อยแถลงของนายกฯ จึงไม่ตรงกับข้อเท็จจริง
2) กระทำการขนย้ายรุนแรง
การขนผู้ชุมนุมที่ถูกควบคุมตัวไว้โดยเจ้าหน้าที่ของรัฐ จาก อ.ตากใบ ไปค่ายอิงคยุทธบริหาร อ.หนองจิก ปัตตานี ระยะทาง 150 กิโลเมตร ใช้รถทหารจำนวน 25 คัน และรถตำรวจกับรถเช่าอีกจำนวนหนึ่ง ขนผู้ชุมนุม 1,300 คน โดยอัดแน่นกันอยู่ในรถ มีการจับประชาชนที่ถูกมัดมือไพล่หลัง ร่างกายอ่อนเพลียจากถูกปะทะในระหว่างสลายการชุมนุม และอยู่ระหว่างถือศีลอด ผลักดันส่งขึ้นไปบนรถ บังคับให้นอนคว่ำหน้าบนพื้นรถ ขณะที่มือยังถูกมัดไพล่หลัง มีการวางประชาชนนอนซ้อนทับกันเป็นชั้นๆ โดยใช้เวลาเดินทางนานถึง 5-6 ชั่วโมง คนที่นอนคว่ำหน้าอยู่แถวล่างสุดขาดอากาศหายใจ กล้ามเนื้อถูกกดทับทำลาย ส่งเสียงร้องขอความช่วยเหลือ
ข้อสังเกต การปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ทางการเป็นการกระทำที่ไร้ซึ่งมนุษยธรรม ปฏิบัติต่อผู้ชุมนุมอย่างไม่คำนึงถึงศักดิ์ศรีของคน และไม่เคารพสิทธิของประชาชนตามรัฐธรรมนูญ
3) รู้ว่ามีคนตาย แต่ไม่ป้องกันการตายเพิ่ม
รถบรรทุกคนคันแรก เดินทางไปถึงค่ายอิงคยุทธบริหาร เวลาประมาณ 18.00-19.00 พบว่ามีคนตายอยู่ชั้นล่างสุด 1 คน ไม่มีผู้ใดแจ้งเตือนรถคันหลังๆ ว่า การขนคนโดยมัดมือไพล่หลังให้นอนคว่ำซ้อนทับกันเป็นชั้นๆ เป็นเหตุให้มีคนตาย จะได้แก้ไขเสียตั้งแต่ต้นทาง และกลางทาง เพราะรถขนคนค่อยๆ ทยอยกันเดินทางมา บางคันเข้ามาถึงตี 2 ตี 3
ข้อสังเกต วิธีปฏิบัติดังกล่าวทำให้คนตาย แต่กลับไม่พยายามแจ้งเพื่อป้องกันแก้ไข ในขณะที่ยังมีเวลากระทำได้ทันท่วงที เท่ากับการปล่อยปละละเลย จึงควรถูกกล่าวหาว่าเป็นการกระทำที่มีเจตนาจงใจ โดยคันที่เสียชีวิตมากที่สุด มีคนตายถึง 23 คน
4) สภาพผู้บาดเจ็บในโรงพยาบาล
สภาพร่างกายถูกกดทับจนกล้ามเนื้อถูกทำลาย บวม เขียว เซลล์กล้ามเนื้อที่ถูกทำลายเข้ากระแสเลือด ส่งผลให้ไตวาย บางรายอาการสาหัส ต้องฟอกเลือดในโรงพยาบาลที่สงขลา
ข้อสังเกต ผู้บาดเจ็บให้ข้อมูลตรงกันกับผู้ชุมนุมที่ถูกคุมขังอื่นๆ ว่า ถูกจับนอนซ้อนทับกัน ส่วนมากที่อาการหนักจะเป็นคนที่ถูกทับอยู่ชั้นล่างๆ ขณะที่การขนคนมาที่ค่ายอิงคยุทธบริหารมีแพทย์อยู่ในค่ายเพียง 1 คน กับพยาบาล 8-10 คน ต้องดูแลผู้ชุมนุมที่อ่อนเพลีย และในสภาพบาดเจ็บกว่า 1,300 คน
5) สภาพที่กักขัง และคนถูกกักขัง
เมื่อเปรียบเทียบค่ายอิงคยุทธ ค่ายเสนาณรงค์ และโรงพยาบาลปัตตานีแล้ว พบว่า ค่ายอิงคยุทธ มีปัญหามากที่สุด โดยจนถึงขณะที่ไปตรวจเยี่ยม ( 3 วันหลังเกิดเหตุ) ประชาชนก็ยังไม่ได้อาบน้ำ ไม่มีเครื่องใช้ไม้สอย สบู่ ยาสีฟัน แปรงสีฟัน ผ้านุ่ง ผ้าเช็ดตัว
ในบรรดาผู้ถูกกักขังนั้น มีเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปีอยู่ไม่น้อย (เกือบ 10%) ขังรวมอยู่กับผู้ใหญ่ บางคนเป็นนักเรียน เรียนอยู่โรงเรียนแสงทอง โรงเรียนจริยธรรมศึกษา ผู้ถูกกักขังที่ได้พบ พูดภาษาไทยได้ดี หลายคนจบชั้น ป.6 บางคนจบอนุปริญญา หรือกำลังเรียนอยู่ก็มี ถามว่ารู้จัก ส.ว.ทองใบ ทองเปาด์ไหม ก็รู้จักดี มิหนำซ้ำยังถามกลับมาว่า ระยะนี้ไม่ค่อยเห็นรายการของผู้เขียนออกทีวี
ข้อสังเกต ข้อเท็จจริงผิดจากที่ พ.ต.ท.ทักษิณ อธิบายต่อสังคมว่า คนพวกนี้ไม่พูดภาษาไทย พูดอาหรับ
6) ต้องมีการกล่าวโทษ
การดำเนินการจนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 85 คน โดยเป็นการเสียชีวิตระหว่างการขนย้ายถึง 78 คน เป็นความเสียหายร้ายแรง ประชาชนถูกทำให้เสียชีวิตในระหว่างที่อยู่ในการควบคุมดูแลของเจ้าหน้าที่รัฐ ยิ่งมัดมือไพล่หลัง บังคับให้นอนคว่ำหน้า ทั้งที่เจ้าหน้าที่รัฐต้องรับผิดชอบดูแลให้ความปลอดภัย แต่กลับละเลย ปฏิบัติอย่างทารุณ ควรถูกกล่าวโทษอย่างน้อยฐานกระทำการโดยประมาทเลินเล่อ รวมทั้งอคติของเจ้าหน้าที่ ที่แสดงออกผ่านการกระทำต่อประชาชน ก็มีผลต่อการสูญเสียด้วยเช่นกัน
ทางการรายงานว่า มีการค้นพบอาวุธปืนเอ็ม 16 ปืนอาก้า ระเบิดสังหาร มีด ซึ่งอ้างว่าถูกค้นพบนอกตัวผู้ชุมนุม อยู่ในน้ำบ้าง อยู่ข้างนอกบ้าง แต่ไม่มีการพิสูจน์ว่า อาวุธดังกล่าวใช้งานได้หรือไม่ เพราะเมื่อเกิดเหตุปะทะระหว่างการสลายการชุมนุม หากผู้ชุมนุมครอบครองอาวุธ และพร้อมใช้งานจริง แต่เหตุใดผู้ชุมนุมไม่ใช้อาวุธเหล่านั้นทำร้ายเจ้าหน้าที่ของรัฐ ซึ่งอาจทำให้เกิดการสูญเสียมากกว่านี้
ความชอบธรรมในการบริหารประเทศของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร หากจะพิจารณาความชอบธรรมในฐานะบุคคลผู้ดำรงตำแหน่งบริหารสูงสุดของประเทศ ผมมีความเห็นดังต่อไปนี้
(1) พ.ต.ท.ทักษิณ ในฐานะนายกรัฐมนตรีได้ส่งสัญญาณให้ใช้ความรุนแรงในหลายโอกาส หลายนโยบายของการแก้ปัญหา ไม่ว่าจะเป็นสงครามยาเสพติดที่มีการฆ่าตัดตอนกว่า 2,800 ศพ ส่วนหนึ่งก็ด้วยการชี้แจง และมอบหมายนโยบายที่ชี้นำให้เกิดการใช้ความรุนแรง
ยิ่งกรณีปัญหาภาคใต้นี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังได้ปฏิเสธแนวทางสันติวิธีของนายจาตุรนต์ ฉายแสง แต่ใช้นโยบายแข็งกร้าว ชี้นำความรุนแรงว่า "ตาต่อตาฟันต่อฟัน" "At any cost at any price"
รัฐธรรมนูญได้ให้อำนาจนายกฯ อย่างเข้มแข็ง แต่ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ใช้อำนาจแข็งกร้าว กระทั่งปัจจุบันได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของความรุนแรง
(2) การดำเนินนโยบายที่แข็งกร้าว การประชาสัมพันธ์ของรัฐที่ชี้ให้เห็นว่า สิ่งที่เกิดขึ้นในภาคใต้เกิดจากโจร ผู้ไม่หวังดี พวกมุสลิมหัวรุนแรง พวกวัยรุ่นติดยา และมาลงท้ายที่พวกแบ่งแยกดินแดน ได้สร้างความเกลียดชัง หวาดระแวงระหว่างคนไทยด้วยกันเอง
(3) พ.ต.ท.ทักษิณ กำลังเสริมสร้างกำลังให้กับผู้ต้องการแบ่งแยกดินแดนโดยไม่ตั้งใจ เพราะข้อมูลทุกฝ่ายประเมินตรงกันว่า แนวคิดเรื่องแบ่งแยกดินแดนในประเทศไทยยังคงมีอยู่ แต่เป็นแนวคิดของคนจำนวนน้อย และน้อยลงเรื่อยๆ แต่เมื่อนโยบายของรัฐบาลนี้ใช้เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้ความรุนแรงต่อเนื่อง จากกรณีกรือเซะถึงกรณีตากใบ ทำให้ขบวนการแบ่งแยกดินแดนได้รับความเห็นใจ และมีคนถูกผลักให้เข้าร่วมมากขึ้น
(4) ความรุนแรงที่เกิดจากการบริหารประเทศในช่วง 3 ปีเศษที่ผ่านมา กลายเป็นช่วง "เกือบ 4 ปี เกือบ 4 พันศพ" ทั้งสงครามยาเสพติด 2,800 ศพ ความรุนแรงในภาคใต้อีกเกือบ 1 พันศพ ซ้ำยังไม่มีทีท่าว่าความรุนแรงจะลดลง
(5) การดำเนินนโยบายที่ผิดพลาด ทำให้เกิดความรุนแรงและคนตายมากมายถึงเพียงนี้ นำมาซึ่งความเสื่อมเสียชื่อเสียงของประเทศไทยในเวทีโลก ถูกมองว่าคนไทย ประเทศไทย เป็นบ้านป่าเมืองเถื่อน
ประเทศไทยยังต้องอยู่ต่อไป สันติประชาธรรมของไทยจะต้องคงอยู่ ยังมีคนที่รับผิดชอบต่อไปได้ พ.ต.ท.ทักษิณ ท่านหมดความชอบธรรมในการบริหารประเทศต่อไปแล้วครับ
------------------
หมายเหตุ : ดร.เจิมศักดิ์ ได้มีบันทึกข้อความถึงบรรณาธิการ ว่า ได้ลงพื้นที่ ได้ไปตรวจสอบข้อเท็จจริงที่ตากใบ จึงได้เขียนเป็นบทความ สะท้อนความจริงที่พบ
ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง สมาชิกวุฒิสภา กรุงเทพธุรกิจ วันที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547
การสลายการชุมนุม และควบคุมตัวผู้ชุมนุมประท้วง ที่ อ.ตากใบ นราธิวาส เมื่อ 25 ต.ค.นั้น ทำให้มีผู้เสียชีวิต 85 คน โดยเฉพาะพบว่า มีถึง 78 คน เสียชีวิตบนรถบรรทุก ขณะขนส่งจาก อ.ตากใบ ไปค่ายอิงคยุทธบริหาร ปัตตานี
สังคมไทยตกอยู่ในอาการ "ช็อก" เกิดความคลางแคลงสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
หลังเกิดเหตุ คณะกรรมาธิการของวุฒิสภาจำนวน 3 คณะ ได้เดินทางลงไปตรวจสอบข้อเท็จจริงในพื้นที่ โดยส่วนตัว ผมพบ "ความจริงที่ตากใบ" ดังต่อไปนี้
1) กวาดจับโดยไตร่ตรองเตรียมการไว้ก่อน
ฝ่ายเจ้าหน้าที่ทางการได้เตรียมการจะจับกุมแกนนำผู้ชุมนุมประมาณ 100 คน โดยได้ถ่ายภาพผู้ชุมนุมด้านใน ทั้งวิดีโอ และภาพนิ่ง เพื่อกำหนดตัวบุคคลที่ทางการต้องการจับกุมเอาไว้ก่อน ระหว่างการเจรจากับผู้ชุมนุมนั้น ก็ได้มีการเตรียมรถจีเอ็มซี จำนวน 4 คัน จากค่ายอิงคยุทธบริหารไปรอที่หน้าอำเภอตากใบ
แต่ก่อนการสลายชุมนุม ตัวบุคคลที่ทางการต้องการจับกุมนั้นกระจายตัวไปฝูงชนที่เข้ามาร่วมชุมนุม เจ้าหน้าที่ของทางการจึงใช้วิธีปิดล้อม กวาดจับกุมไว้ทั้ง 1,300 คน เพื่อ "ตะแกงร่อน" เอาคน 100 คน ที่กำหนดตัวไว้เดิม แต่ในทางปฏิบัติ เมื่อกวาดจับกุมแล้วได้มีการให้ผู้ชุมนุมถอดเสื้อมัดมือไพล่ เกลือกกลิ้งไปตามพื้นดิน ทำให้ไม่สามารถเลือกจับกุมเฉพาะตัวคน 100 คน ที่ทางการเชื่อว่าเป็นแกนนำได้ จึงกวาดจับไปทั้งหมด
ข้อสังเกต นายกรัฐมนตรีแถลงว่า การสลายการชุมนุมได้กระทำหลังจากพยายามเจรจากับผู้ชุมนุม แต่ด้วยเกรงว่าจะค่ำมืด เกิดการจลาจลลุกลาม จึงตัดสินใจสลายการชุมนุม โดยถือปฏิบัติตามหลักวิชาการ และใช้ความละมุนละม่อม ถ้อยแถลงของนายกฯ จึงไม่ตรงกับข้อเท็จจริง
2) กระทำการขนย้ายรุนแรง
การขนผู้ชุมนุมที่ถูกควบคุมตัวไว้โดยเจ้าหน้าที่ของรัฐ จาก อ.ตากใบ ไปค่ายอิงคยุทธบริหาร อ.หนองจิก ปัตตานี ระยะทาง 150 กิโลเมตร ใช้รถทหารจำนวน 25 คัน และรถตำรวจกับรถเช่าอีกจำนวนหนึ่ง ขนผู้ชุมนุม 1,300 คน โดยอัดแน่นกันอยู่ในรถ มีการจับประชาชนที่ถูกมัดมือไพล่หลัง ร่างกายอ่อนเพลียจากถูกปะทะในระหว่างสลายการชุมนุม และอยู่ระหว่างถือศีลอด ผลักดันส่งขึ้นไปบนรถ บังคับให้นอนคว่ำหน้าบนพื้นรถ ขณะที่มือยังถูกมัดไพล่หลัง มีการวางประชาชนนอนซ้อนทับกันเป็นชั้นๆ โดยใช้เวลาเดินทางนานถึง 5-6 ชั่วโมง คนที่นอนคว่ำหน้าอยู่แถวล่างสุดขาดอากาศหายใจ กล้ามเนื้อถูกกดทับทำลาย ส่งเสียงร้องขอความช่วยเหลือ
ข้อสังเกต การปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ทางการเป็นการกระทำที่ไร้ซึ่งมนุษยธรรม ปฏิบัติต่อผู้ชุมนุมอย่างไม่คำนึงถึงศักดิ์ศรีของคน และไม่เคารพสิทธิของประชาชนตามรัฐธรรมนูญ
3) รู้ว่ามีคนตาย แต่ไม่ป้องกันการตายเพิ่ม
รถบรรทุกคนคันแรก เดินทางไปถึงค่ายอิงคยุทธบริหาร เวลาประมาณ 18.00-19.00 พบว่ามีคนตายอยู่ชั้นล่างสุด 1 คน ไม่มีผู้ใดแจ้งเตือนรถคันหลังๆ ว่า การขนคนโดยมัดมือไพล่หลังให้นอนคว่ำซ้อนทับกันเป็นชั้นๆ เป็นเหตุให้มีคนตาย จะได้แก้ไขเสียตั้งแต่ต้นทาง และกลางทาง เพราะรถขนคนค่อยๆ ทยอยกันเดินทางมา บางคันเข้ามาถึงตี 2 ตี 3
ข้อสังเกต วิธีปฏิบัติดังกล่าวทำให้คนตาย แต่กลับไม่พยายามแจ้งเพื่อป้องกันแก้ไข ในขณะที่ยังมีเวลากระทำได้ทันท่วงที เท่ากับการปล่อยปละละเลย จึงควรถูกกล่าวหาว่าเป็นการกระทำที่มีเจตนาจงใจ โดยคันที่เสียชีวิตมากที่สุด มีคนตายถึง 23 คน
4) สภาพผู้บาดเจ็บในโรงพยาบาล
สภาพร่างกายถูกกดทับจนกล้ามเนื้อถูกทำลาย บวม เขียว เซลล์กล้ามเนื้อที่ถูกทำลายเข้ากระแสเลือด ส่งผลให้ไตวาย บางรายอาการสาหัส ต้องฟอกเลือดในโรงพยาบาลที่สงขลา
ข้อสังเกต ผู้บาดเจ็บให้ข้อมูลตรงกันกับผู้ชุมนุมที่ถูกคุมขังอื่นๆ ว่า ถูกจับนอนซ้อนทับกัน ส่วนมากที่อาการหนักจะเป็นคนที่ถูกทับอยู่ชั้นล่างๆ ขณะที่การขนคนมาที่ค่ายอิงคยุทธบริหารมีแพทย์อยู่ในค่ายเพียง 1 คน กับพยาบาล 8-10 คน ต้องดูแลผู้ชุมนุมที่อ่อนเพลีย และในสภาพบาดเจ็บกว่า 1,300 คน
5) สภาพที่กักขัง และคนถูกกักขัง
เมื่อเปรียบเทียบค่ายอิงคยุทธ ค่ายเสนาณรงค์ และโรงพยาบาลปัตตานีแล้ว พบว่า ค่ายอิงคยุทธ มีปัญหามากที่สุด โดยจนถึงขณะที่ไปตรวจเยี่ยม ( 3 วันหลังเกิดเหตุ) ประชาชนก็ยังไม่ได้อาบน้ำ ไม่มีเครื่องใช้ไม้สอย สบู่ ยาสีฟัน แปรงสีฟัน ผ้านุ่ง ผ้าเช็ดตัว
ในบรรดาผู้ถูกกักขังนั้น มีเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปีอยู่ไม่น้อย (เกือบ 10%) ขังรวมอยู่กับผู้ใหญ่ บางคนเป็นนักเรียน เรียนอยู่โรงเรียนแสงทอง โรงเรียนจริยธรรมศึกษา ผู้ถูกกักขังที่ได้พบ พูดภาษาไทยได้ดี หลายคนจบชั้น ป.6 บางคนจบอนุปริญญา หรือกำลังเรียนอยู่ก็มี ถามว่ารู้จัก ส.ว.ทองใบ ทองเปาด์ไหม ก็รู้จักดี มิหนำซ้ำยังถามกลับมาว่า ระยะนี้ไม่ค่อยเห็นรายการของผู้เขียนออกทีวี
ข้อสังเกต ข้อเท็จจริงผิดจากที่ พ.ต.ท.ทักษิณ อธิบายต่อสังคมว่า คนพวกนี้ไม่พูดภาษาไทย พูดอาหรับ
6) ต้องมีการกล่าวโทษ
การดำเนินการจนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 85 คน โดยเป็นการเสียชีวิตระหว่างการขนย้ายถึง 78 คน เป็นความเสียหายร้ายแรง ประชาชนถูกทำให้เสียชีวิตในระหว่างที่อยู่ในการควบคุมดูแลของเจ้าหน้าที่รัฐ ยิ่งมัดมือไพล่หลัง บังคับให้นอนคว่ำหน้า ทั้งที่เจ้าหน้าที่รัฐต้องรับผิดชอบดูแลให้ความปลอดภัย แต่กลับละเลย ปฏิบัติอย่างทารุณ ควรถูกกล่าวโทษอย่างน้อยฐานกระทำการโดยประมาทเลินเล่อ รวมทั้งอคติของเจ้าหน้าที่ ที่แสดงออกผ่านการกระทำต่อประชาชน ก็มีผลต่อการสูญเสียด้วยเช่นกัน
ทางการรายงานว่า มีการค้นพบอาวุธปืนเอ็ม 16 ปืนอาก้า ระเบิดสังหาร มีด ซึ่งอ้างว่าถูกค้นพบนอกตัวผู้ชุมนุม อยู่ในน้ำบ้าง อยู่ข้างนอกบ้าง แต่ไม่มีการพิสูจน์ว่า อาวุธดังกล่าวใช้งานได้หรือไม่ เพราะเมื่อเกิดเหตุปะทะระหว่างการสลายการชุมนุม หากผู้ชุมนุมครอบครองอาวุธ และพร้อมใช้งานจริง แต่เหตุใดผู้ชุมนุมไม่ใช้อาวุธเหล่านั้นทำร้ายเจ้าหน้าที่ของรัฐ ซึ่งอาจทำให้เกิดการสูญเสียมากกว่านี้
ความชอบธรรมในการบริหารประเทศของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร หากจะพิจารณาความชอบธรรมในฐานะบุคคลผู้ดำรงตำแหน่งบริหารสูงสุดของประเทศ ผมมีความเห็นดังต่อไปนี้
(1) พ.ต.ท.ทักษิณ ในฐานะนายกรัฐมนตรีได้ส่งสัญญาณให้ใช้ความรุนแรงในหลายโอกาส หลายนโยบายของการแก้ปัญหา ไม่ว่าจะเป็นสงครามยาเสพติดที่มีการฆ่าตัดตอนกว่า 2,800 ศพ ส่วนหนึ่งก็ด้วยการชี้แจง และมอบหมายนโยบายที่ชี้นำให้เกิดการใช้ความรุนแรง
ยิ่งกรณีปัญหาภาคใต้นี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังได้ปฏิเสธแนวทางสันติวิธีของนายจาตุรนต์ ฉายแสง แต่ใช้นโยบายแข็งกร้าว ชี้นำความรุนแรงว่า "ตาต่อตาฟันต่อฟัน" "At any cost at any price"
รัฐธรรมนูญได้ให้อำนาจนายกฯ อย่างเข้มแข็ง แต่ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ใช้อำนาจแข็งกร้าว กระทั่งปัจจุบันได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของความรุนแรง
(2) การดำเนินนโยบายที่แข็งกร้าว การประชาสัมพันธ์ของรัฐที่ชี้ให้เห็นว่า สิ่งที่เกิดขึ้นในภาคใต้เกิดจากโจร ผู้ไม่หวังดี พวกมุสลิมหัวรุนแรง พวกวัยรุ่นติดยา และมาลงท้ายที่พวกแบ่งแยกดินแดน ได้สร้างความเกลียดชัง หวาดระแวงระหว่างคนไทยด้วยกันเอง
(3) พ.ต.ท.ทักษิณ กำลังเสริมสร้างกำลังให้กับผู้ต้องการแบ่งแยกดินแดนโดยไม่ตั้งใจ เพราะข้อมูลทุกฝ่ายประเมินตรงกันว่า แนวคิดเรื่องแบ่งแยกดินแดนในประเทศไทยยังคงมีอยู่ แต่เป็นแนวคิดของคนจำนวนน้อย และน้อยลงเรื่อยๆ แต่เมื่อนโยบายของรัฐบาลนี้ใช้เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้ความรุนแรงต่อเนื่อง จากกรณีกรือเซะถึงกรณีตากใบ ทำให้ขบวนการแบ่งแยกดินแดนได้รับความเห็นใจ และมีคนถูกผลักให้เข้าร่วมมากขึ้น
(4) ความรุนแรงที่เกิดจากการบริหารประเทศในช่วง 3 ปีเศษที่ผ่านมา กลายเป็นช่วง "เกือบ 4 ปี เกือบ 4 พันศพ" ทั้งสงครามยาเสพติด 2,800 ศพ ความรุนแรงในภาคใต้อีกเกือบ 1 พันศพ ซ้ำยังไม่มีทีท่าว่าความรุนแรงจะลดลง
(5) การดำเนินนโยบายที่ผิดพลาด ทำให้เกิดความรุนแรงและคนตายมากมายถึงเพียงนี้ นำมาซึ่งความเสื่อมเสียชื่อเสียงของประเทศไทยในเวทีโลก ถูกมองว่าคนไทย ประเทศไทย เป็นบ้านป่าเมืองเถื่อน
ประเทศไทยยังต้องอยู่ต่อไป สันติประชาธรรมของไทยจะต้องคงอยู่ ยังมีคนที่รับผิดชอบต่อไปได้ พ.ต.ท.ทักษิณ ท่านหมดความชอบธรรมในการบริหารประเทศต่อไปแล้วครับ
------------------
หมายเหตุ : ดร.เจิมศักดิ์ ได้มีบันทึกข้อความถึงบรรณาธิการ ว่า ได้ลงพื้นที่ ได้ไปตรวจสอบข้อเท็จจริงที่ตากใบ จึงได้เขียนเป็นบทความ สะท้อนความจริงที่พบ
พวกขายชาติ
คนคนนี้เชื่อถือไม่ได้ เป็นพวกต่อต้านสถาบัน จะกล่าวร้ายผู้อื่นตลอดเวลา ส่วนตัวเองนั้นเลิศประเสริฐ ไม่ได้สร้างสรรค์ทำอะไรให้เป็นประโยชน์ต่อสังคมเลย มีแต่เอาเท้าราน้ำตลอด ด่ารัฐบาลให้ตัวเองดัง ก็เท่านั้นเอง แต่ก็เป็นผลนะ ทำให้คนรู้จัก

ถ้าผมเป็นทหาร(ที่ดี) ผมจะไม่จับคนมัดมือไผล่หลัง แล้วให้นอนซ้อนทับกันครับ.....ไม่ต้องรอให้ถึงกลางทางแล้วค่อยมารู้ว่ามีคนตายหรอกครับ
ใช้วิธีนี้ต้องรู้แต่แรกแล้วครับว่าต้องมีคนตายแน่ๆ....อยู่ที่ว่ามองเห็นคนอื่นเป็นมนุษย์เหมือนกับตัวเองกันรึปล่าว....ถ้าเป็นลูกหลานตัวเองหละ จะทำแบบนี้มั้ยครับ
การที่มีคนมาให้ข้อมูล...คุณไม่เชื่อก็ไม่เป็นไรครับ...เป็นวิจารณญานของคุณ แต่คุณไม่มีสิทธิไปว่าเค้า...เพราะผมก็ไม่เห็นว่าเค้าผิดมากไปกว่าที่คุณมีอคติกับเค้านะครับ
ใช้วิธีนี้ต้องรู้แต่แรกแล้วครับว่าต้องมีคนตายแน่ๆ....อยู่ที่ว่ามองเห็นคนอื่นเป็นมนุษย์เหมือนกับตัวเองกันรึปล่าว....ถ้าเป็นลูกหลานตัวเองหละ จะทำแบบนี้มั้ยครับ
การที่มีคนมาให้ข้อมูล...คุณไม่เชื่อก็ไม่เป็นไรครับ...เป็นวิจารณญานของคุณ แต่คุณไม่มีสิทธิไปว่าเค้า...เพราะผมก็ไม่เห็นว่าเค้าผิดมากไปกว่าที่คุณมีอคติกับเค้านะครับ
อีกนิดนึงครับ คุณฉัตรชัย อาจจะเข้าใจผิด นะครับ
ไม่ใช่ว่าคนคุมรถคันหลังๆจะไม่รู้นะครับว่ารถคันแรกมีคนตาย เค้ารู้ก่อนออกรถแล้วครับ
ตามข่าว รถคันแรกไปถึงตั้งแต่ประมาณ1ทุ่มครับ ส่วน2คันสุดท้าย ซึ่งคนตายมากที่สุด เพราะอัดกันแน่นกว่าคันแรกๆ ออกเดินทางประมาณ4-5ทุ่มครับ
คนขับและคนคุมอาจจะไม่รู้จริงๆก็ได้....แต่คนสั่งการจะบอกว่าไม่รู้ก็ไม่สมควรอยู่ในตำแหน่งแล้วครับ...ขาดคุณสมบัติขั้นพื้นฐานอย่างแรงเลยครับ
ไม่ใช่ว่าคนคุมรถคันหลังๆจะไม่รู้นะครับว่ารถคันแรกมีคนตาย เค้ารู้ก่อนออกรถแล้วครับ
ตามข่าว รถคันแรกไปถึงตั้งแต่ประมาณ1ทุ่มครับ ส่วน2คันสุดท้าย ซึ่งคนตายมากที่สุด เพราะอัดกันแน่นกว่าคันแรกๆ ออกเดินทางประมาณ4-5ทุ่มครับ
คนขับและคนคุมอาจจะไม่รู้จริงๆก็ได้....แต่คนสั่งการจะบอกว่าไม่รู้ก็ไม่สมควรอยู่ในตำแหน่งแล้วครับ...ขาดคุณสมบัติขั้นพื้นฐานอย่างแรงเลยครับ
ไอ้หมอนี่มันมีจุดขายที่ด่ารัฐบาลครับ นั่งทำงานแบบสบายๆใน Office (เป็นหมูอ้วนตัวขาวกลมๆ)
ทั้งหนังสือ แล้วก็บทความ ออกมาเพื่อด่าหมด ไม่เคยชมเลยครับและไม่เคยออกความคิดเห็นในแนวทางแก้ปัญหาให้รัฐบาลตลอด 4 ปี
สงสัยจังว่ามันมีอะไรถึงได้ไปโกรธไปเกลียดเค้าได้ขนาดนั้นน้า
ที่เรื่อง ปรส 6 แสนล้าน, คุณพ่อ IMF, เงินมิยาซาว่า 5หมื่นล้าน ทำไมไม่เคยเห็นพูดหรือวิจารณ์ถึงเลย
การที่เค้าบอกว่ารัฐบาลโกหก แล้วบทความที่ตัวเองเขียนขึ้นมันมีข้อเท็จจริง มีหลักฐานให้น่าเชื่อแค่ไหน
ตัวเองไม่ได้เข้าไปปฎิบัติหน้าที่ในเหตุการณ์นี่ไม่รู้หรอกว่าในเหตุการณ์จริงมันน่ากลัวและเสี่ยงต่อความเป็นความตายของเจ้าหน้าที่แค่ไหน
แล้วการกระทำของเจ้าหน้าที่ก็เป็นมาตราฐานสากลที่เค้าปฎิบัติกันทั่วไป บางประเทศโหดกว่านี้หลายเท่า
ไอ้การชุมนุมของพวกนี้มันดูแล้วไม่น่าไว้วางใจตั้งแต่ต้นแล้วครับ ทั้งเรื่องของเวลา สถานที่ชุมนุม เหล่าพวกแกนนำ จำนวนคน แล้วอาวุธ
มองดูแล้วเรียกได้ว่าพวกนี้ไม่ได้มาโดยสันติวิธีเลย มากดดันเจ้าหน้าที่กันมากกว่า
สมควรตายตั้งแต่ต้นแล้วครับ เจตนาพวกนี้ไม่ประสงค์ดีเลย ถ้าไม่อยากตายก็น่าจะชุมนุมกันให้ดีๆ และเปิดเผยกันมากกว่านี้
ทั้งหนังสือ แล้วก็บทความ ออกมาเพื่อด่าหมด ไม่เคยชมเลยครับและไม่เคยออกความคิดเห็นในแนวทางแก้ปัญหาให้รัฐบาลตลอด 4 ปี
สงสัยจังว่ามันมีอะไรถึงได้ไปโกรธไปเกลียดเค้าได้ขนาดนั้นน้า
ที่เรื่อง ปรส 6 แสนล้าน, คุณพ่อ IMF, เงินมิยาซาว่า 5หมื่นล้าน ทำไมไม่เคยเห็นพูดหรือวิจารณ์ถึงเลย
การที่เค้าบอกว่ารัฐบาลโกหก แล้วบทความที่ตัวเองเขียนขึ้นมันมีข้อเท็จจริง มีหลักฐานให้น่าเชื่อแค่ไหน
ตัวเองไม่ได้เข้าไปปฎิบัติหน้าที่ในเหตุการณ์นี่ไม่รู้หรอกว่าในเหตุการณ์จริงมันน่ากลัวและเสี่ยงต่อความเป็นความตายของเจ้าหน้าที่แค่ไหน
แล้วการกระทำของเจ้าหน้าที่ก็เป็นมาตราฐานสากลที่เค้าปฎิบัติกันทั่วไป บางประเทศโหดกว่านี้หลายเท่า
ไอ้การชุมนุมของพวกนี้มันดูแล้วไม่น่าไว้วางใจตั้งแต่ต้นแล้วครับ ทั้งเรื่องของเวลา สถานที่ชุมนุม เหล่าพวกแกนนำ จำนวนคน แล้วอาวุธ
มองดูแล้วเรียกได้ว่าพวกนี้ไม่ได้มาโดยสันติวิธีเลย มากดดันเจ้าหน้าที่กันมากกว่า
สมควรตายตั้งแต่ต้นแล้วครับ เจตนาพวกนี้ไม่ประสงค์ดีเลย ถ้าไม่อยากตายก็น่าจะชุมนุมกันให้ดีๆ และเปิดเผยกันมากกว่านี้
ผมอยากแนะนำสื่อให้เลิกวิจารณ์ได้แล้วครับ ข้อเท็จจริงที่คลุมเคลือแบบนี้วิจารณ์ไปประเทศชาติรังแต่จะเสียหาย
ยังไงเห็นๆ รัฐบาลเค้าก็ทำเพื่อความผาสุขของคนในชาติจริงๆ ที่เห็นๆ เรื่องนึงเลยก็คือยาเสพติด ที่เป็นปัญหาเรื้อรังมานาน ทุกคนก็รู้
และยังไงเราอย่าไปมองข้อผิดพลาดเล็กๆที่เกิดขึ้นเลยครับ เฉือนเนื้อร้ายทิ้งเพื่อส่วนรวมครับ
เรามามองกันที่จุดประสงค์และเป้าหมายใหญ่ที่ทุกคนต้องไปร่วมกันดีกว่า เพื่ออนาคตที่ดี เพื่อคนดี เพื่อลูกหลานเด็กเล็กๆ ซึ่งเป็นเยาวชนรุ่นต่อไปครับ
ถ้าคนชั่วที่ทำร้ายผู้บริสุทธิ์และคนที่ไม่เคารพกฏหมายได้ถูกกำจัดไปสิ้นแล้ว การที่เราเป็นคนดีคิดดีทำดี
ก็จะไม่มีใครมาใช้ความไม่ชอบธรรมมาทำอะไรเราได้หรอกจริงไหมครับ
ยังไงเห็นๆ รัฐบาลเค้าก็ทำเพื่อความผาสุขของคนในชาติจริงๆ ที่เห็นๆ เรื่องนึงเลยก็คือยาเสพติด ที่เป็นปัญหาเรื้อรังมานาน ทุกคนก็รู้
และยังไงเราอย่าไปมองข้อผิดพลาดเล็กๆที่เกิดขึ้นเลยครับ เฉือนเนื้อร้ายทิ้งเพื่อส่วนรวมครับ
เรามามองกันที่จุดประสงค์และเป้าหมายใหญ่ที่ทุกคนต้องไปร่วมกันดีกว่า เพื่ออนาคตที่ดี เพื่อคนดี เพื่อลูกหลานเด็กเล็กๆ ซึ่งเป็นเยาวชนรุ่นต่อไปครับ
ถ้าคนชั่วที่ทำร้ายผู้บริสุทธิ์และคนที่ไม่เคารพกฏหมายได้ถูกกำจัดไปสิ้นแล้ว การที่เราเป็นคนดีคิดดีทำดี
ก็จะไม่มีใครมาใช้ความไม่ชอบธรรมมาทำอะไรเราได้หรอกจริงไหมครับ
มัดมือนอนตะแคงเบียดๆกัน
หลายเที่ยวหน่อยก็ต้องยอม
คน ไม่ใช่หมูใช่หมา ผมว่า
นั่งรถซ้อนกัน ครึ่งชั่วโมงเหน็บก็กินขาแล้ว
ทับกันไปไม่รู้กี่ชั้น คิดกันได้งัย
หากนายกไม่คิดว่าเรื่องนี้ตนต้องรับผิดชอบ
ก็ต้องหาคนรับผิดชอบให้ได้
เจ็คคนตายในที่เกิดเหตุ คงไม่มีใครติดใจมาก
แต่อีกกว่าร้อยที่ตายไป หากไม่มีคำตอบที่ดี
ก็ไม่ต้องไปห่วงมากหรอกครับ ว่าต่างประเทศจะว่าอย่างไร
นั้นเป็นเรื่องเล็กน้อย เมื่อเทียบกับ คนที่สูญเสียว่าเขาจะคิดอย่างไร
ผลการตรวจสอบและคนผิดต้องชัดเจน
หาไม่แล้ว ภาคใต้จะสงบยากครับ ผมว่า
หลายเที่ยวหน่อยก็ต้องยอม
คน ไม่ใช่หมูใช่หมา ผมว่า
นั่งรถซ้อนกัน ครึ่งชั่วโมงเหน็บก็กินขาแล้ว
ทับกันไปไม่รู้กี่ชั้น คิดกันได้งัย
หากนายกไม่คิดว่าเรื่องนี้ตนต้องรับผิดชอบ
ก็ต้องหาคนรับผิดชอบให้ได้
เจ็คคนตายในที่เกิดเหตุ คงไม่มีใครติดใจมาก
แต่อีกกว่าร้อยที่ตายไป หากไม่มีคำตอบที่ดี
ก็ไม่ต้องไปห่วงมากหรอกครับ ว่าต่างประเทศจะว่าอย่างไร
นั้นเป็นเรื่องเล็กน้อย เมื่อเทียบกับ คนที่สูญเสียว่าเขาจะคิดอย่างไร
ผลการตรวจสอบและคนผิดต้องชัดเจน
หาไม่แล้ว ภาคใต้จะสงบยากครับ ผมว่า
ผมเคยใกล้ชิดกับเหตุการณ์สมัย 6ต.ค. มา อาจเป็นเหตุให้ผมลำเอียงเห็นใจฝ่ายม็อบมากกว่าที่ผมเห็นตามข่าว (ผมอ่านข่าวแล้วแปลข่าวไม่เหมือนคนหลายคนในนี้ครับ)
ข้อสังเกตุที่คล้ายๆกันคือ
หลังจากเหตุการณ์นองเลือดในมหาวิทยาลัย.....นักศึกษาถูกมองว่าเป็นพวกก่อกวน ไม่รักชาติ....เป็นพวกคอมมิวนิส........คนจำนวนมากในสมัยนั้นออกมาแสดงความเกลียดชังนักศึกษา คล้ายๆกับตอนนี้ที่คนกำลังเกลียดชังชาวม็อบ
หลังจากจับกุมนักศึกษาแล้ว....ในวันรุ่งขึ้นพบอาวุธมากมาย...ขุดดินตรงไหนก็เจออาวุธร้ายแรงทุกที่....มีอาวุธสงครามเต็มมหาวิทยาลัยไปหมด....(นักศึกษาจะไปเอามาจากไหนครับ...แล้วทำไมไม่เอามาใช้ต่อสู้)
เรื่องน่าเศร้าที่สุดคือ มีกลุ่มคนที่ถูกปั่นหัวให้เชื่อว่านักศึกษาเป็นพวกเลวชาติจริงๆ จำนวนมาก เข้ามาเข่นฆ่าทำเหมือนไม่ใช่คน ทั้งจับแขวนคอ จับเผาทั้งเป็น ช่วยกันกระทืบจนตาย...เป็นเรื่องน่าเศร้ามาก.....ไม่มีการถ่ายทอดเปิดเผยทางโทรทัศน์ในเมืองไทย
หลังจากนั้นมา นักศึกษาจำนวนมากที่ทนไม่ได้ เห็นเพื่อนๆตัวเองโดนฆ่าโดนทารุณ แล้วยังถูกมองว่าเป็นคนเลวคนชั่ว จะอยู่ได้อย่างไร......ทางออกก็คือหาทางไปอยู่ในที่ๆตัวเองจะพอมีค่าอยู่ได้....ก็ค่อยๆทยอยตามๆกันไปเข้าป่ากันหมด
เหตุการณ์ทำนองนี้ก็คงสร้างความกดดันกลุ่มม็อบในเวลานี้ไม่ต่างกันครับ.....ไม่ว่าเค้าจะผิดจริงหรือไม่...เค้าจะเลวจริง เลวมากแค่ไหน เค้าก็เป็นคนที่เกิดมาอยู่ในสภาพแวดล้อมที่อาจจะต่างจากเราอาจจะมีความคิดที่ต่างจากเรา...เค้าก็ไม่สมควรถูกกระทำในลักษณะนี้ แล้วยังโดนกล่าวหาไปเรียบร้อยแล้วว่าเป็นพวกคนเลว สมควรโดนแล้ว
ผมเห็นด้วยกับคุณฉัตรชัยครับ ว่าทั้งคุณสุทธิชัย หยุ่น และคุณเจิมศักดิ์อยู่ฝ่ายตรงข้ามกับคุณทักษิณ 100%ครับ แต่ทำไมถึงเป็นแบบนั้น...ลองหาข้อมูลเก่าๆดูซิครับ
ถามต่ออีกหน่อยครับ การที่มีคนฝ่ายตรงข้ามกับคุณทักษิณมาให้ข้อมูลในทางตรงข้ามแก่เรา ไม่ดีเหรอครับ.......หรือว่าคุณๆทั้งหลายต้องการอ่านเฉพาะข้อมูลที่คอยเออ ออ กับคุณทักษิณตลอดเวลาครับ....ผมว่าเค้าทำหน้าที่เค้าได้ดีแล้วนะครับ
ข้อสังเกตุที่คล้ายๆกันคือ
หลังจากเหตุการณ์นองเลือดในมหาวิทยาลัย.....นักศึกษาถูกมองว่าเป็นพวกก่อกวน ไม่รักชาติ....เป็นพวกคอมมิวนิส........คนจำนวนมากในสมัยนั้นออกมาแสดงความเกลียดชังนักศึกษา คล้ายๆกับตอนนี้ที่คนกำลังเกลียดชังชาวม็อบ
หลังจากจับกุมนักศึกษาแล้ว....ในวันรุ่งขึ้นพบอาวุธมากมาย...ขุดดินตรงไหนก็เจออาวุธร้ายแรงทุกที่....มีอาวุธสงครามเต็มมหาวิทยาลัยไปหมด....(นักศึกษาจะไปเอามาจากไหนครับ...แล้วทำไมไม่เอามาใช้ต่อสู้)
เรื่องน่าเศร้าที่สุดคือ มีกลุ่มคนที่ถูกปั่นหัวให้เชื่อว่านักศึกษาเป็นพวกเลวชาติจริงๆ จำนวนมาก เข้ามาเข่นฆ่าทำเหมือนไม่ใช่คน ทั้งจับแขวนคอ จับเผาทั้งเป็น ช่วยกันกระทืบจนตาย...เป็นเรื่องน่าเศร้ามาก.....ไม่มีการถ่ายทอดเปิดเผยทางโทรทัศน์ในเมืองไทย
หลังจากนั้นมา นักศึกษาจำนวนมากที่ทนไม่ได้ เห็นเพื่อนๆตัวเองโดนฆ่าโดนทารุณ แล้วยังถูกมองว่าเป็นคนเลวคนชั่ว จะอยู่ได้อย่างไร......ทางออกก็คือหาทางไปอยู่ในที่ๆตัวเองจะพอมีค่าอยู่ได้....ก็ค่อยๆทยอยตามๆกันไปเข้าป่ากันหมด
เหตุการณ์ทำนองนี้ก็คงสร้างความกดดันกลุ่มม็อบในเวลานี้ไม่ต่างกันครับ.....ไม่ว่าเค้าจะผิดจริงหรือไม่...เค้าจะเลวจริง เลวมากแค่ไหน เค้าก็เป็นคนที่เกิดมาอยู่ในสภาพแวดล้อมที่อาจจะต่างจากเราอาจจะมีความคิดที่ต่างจากเรา...เค้าก็ไม่สมควรถูกกระทำในลักษณะนี้ แล้วยังโดนกล่าวหาไปเรียบร้อยแล้วว่าเป็นพวกคนเลว สมควรโดนแล้ว
ผมเห็นด้วยกับคุณฉัตรชัยครับ ว่าทั้งคุณสุทธิชัย หยุ่น และคุณเจิมศักดิ์อยู่ฝ่ายตรงข้ามกับคุณทักษิณ 100%ครับ แต่ทำไมถึงเป็นแบบนั้น...ลองหาข้อมูลเก่าๆดูซิครับ
ถามต่ออีกหน่อยครับ การที่มีคนฝ่ายตรงข้ามกับคุณทักษิณมาให้ข้อมูลในทางตรงข้ามแก่เรา ไม่ดีเหรอครับ.......หรือว่าคุณๆทั้งหลายต้องการอ่านเฉพาะข้อมูลที่คอยเออ ออ กับคุณทักษิณตลอดเวลาครับ....ผมว่าเค้าทำหน้าที่เค้าได้ดีแล้วนะครับ
ไอ้นี่มันไปสัมภาาณ์แต่คนที่โดนเจ้าหน้าที่หระทำ
ไอ้นี่ มันอยากดัง
ดูมันสิครับ
...
มันไม่ไปสัมภาษณ์หรอกครับ คนที่โดนตัดหัว เมื่อไม่กี่วันมานี้ คนที่โดนยิงมามากมาย
มันไม่ไปสัมภาาณ์ พวกแม่หม้าย ลูกกำพร้า ที่โดนเดนสังคมยิงตาย
...
เชื่อป่าว มันไม่เคยคิดที่จะไปสัมภาษณ์ลูกเมีย ของเจ้าหน้าที่ ที่โดนโจรดักมันยิงทุกวัน
ทั้งๆที่เจ้าหน้าที่เหล่านั้น ก็ทำหน้าที่พิทักสังคม ให้คนทั่วไปอยู่อย่างมีความสงบสุข
ผมไม่ได้ปฎิเสธว่า มีเจ้าหน้าที่หลายคนที่ไม่ดี .... ก็มีอยุ่ทุกสังคม
มันไม่เคยคิดที่จะไปสัมภาาณ์คนที่เหนื่อยจากการทำงาน
...
ถึงแม้ว่าคนเหล่านี้ จะไม่เกี่ยวข้องกับคนที่ตายไป 80 กว่า คน
ผมเองพอเข้าใจครับ ว่า การที่ทำให้เกิดคนตายขนาด 80 กว่า คน นั้น ไม่ถูกต้อง
แต่ผมว่าทางใต้มันมีคนตายมากมาย ทำไมมันรื้อ คุ้ย เรื่องแค่ 1 ด้าน
...
แต่ผมว่าไอ้นี่ มันมองอะไรด้านเดียว
ที่สำคัญ ระดับมันแล้ว เชื่อสิครับ ว่ามีปัญญามองหลายมิติ
แต่ เชื่อสิว่า มันเจตนา สื่อออกมาแค่ 1 มิติ
เรื่องทางไต้ มีหลายมิติครับ
...
องค์ในหลวง กับองค์ราชินี ยังมอง 2 ด้าน มองทั้งคนทุกศาสนา ที่โดนยิง เข้าไปช่วยเหลือ
...
ไอ้ นี่ มันเอาดีเข้าตัวครับ
มันเอาเรื่องที่อยู่ใน trend มาขยายความ
โดยส่วนที่ลูกเมียเจ้าหน้าที่ ที่น่าสงสาร มันแกล้งลืมครับ
มันต้องการชื่อเสียง บน ซากศพ ของคนอื่นครับ ซึ่งเป็นของคนทั้ง 2 ศาสนา
...
ไอ้นี่ มันไม่สำนึกหรอกครับว่า มันมาจากไหน ทำไมมันถึงมาอยู่แผ่นดินนี้
...
ส่วนเรื่อง สว ประทิน
ลองดุสิ ขนาดแค่คนเดินเข้าหาธรรมดา ยังใช้ สัณชาตญานชกคนอื่นก่อนเลย
ทั้งๆที่ ก็คุยเรื่อง ตากใบ ไม่ดีอย่างโน้น ไม่ดีอย่างนี้ แท้ๆ
55555
ที่ตากใบ มันไม่ได้เกนิเข้าหาแบบนี้นะครับบบ มันทั้งเขวี้ยง ทั้ง ขว้าง ทั้งคุกคาม
สงสัย ถ้า สว ประทินเป้นคนไปคุมกำลงัที่ตากใบ สงสัย ตายเป้นพัน
...
อยู่ในห้องทำเก่ง
...ท้ายที่สุดก็แสดงพฤติกรรมที่ น่ารังเกียจออกมา ที่ขัดกับสิ่งที่ตวัท่านเองพูด
....
โห ตัวเองไม่ผิด สัญชาติญานผิด
...
เฮ้อ...ไอ้พวกหน้ากากเทวดา
ไอ้นี่ มันอยากดัง
ดูมันสิครับ
...
มันไม่ไปสัมภาษณ์หรอกครับ คนที่โดนตัดหัว เมื่อไม่กี่วันมานี้ คนที่โดนยิงมามากมาย
มันไม่ไปสัมภาาณ์ พวกแม่หม้าย ลูกกำพร้า ที่โดนเดนสังคมยิงตาย
...
เชื่อป่าว มันไม่เคยคิดที่จะไปสัมภาษณ์ลูกเมีย ของเจ้าหน้าที่ ที่โดนโจรดักมันยิงทุกวัน
ทั้งๆที่เจ้าหน้าที่เหล่านั้น ก็ทำหน้าที่พิทักสังคม ให้คนทั่วไปอยู่อย่างมีความสงบสุข
ผมไม่ได้ปฎิเสธว่า มีเจ้าหน้าที่หลายคนที่ไม่ดี .... ก็มีอยุ่ทุกสังคม
มันไม่เคยคิดที่จะไปสัมภาาณ์คนที่เหนื่อยจากการทำงาน
...
ถึงแม้ว่าคนเหล่านี้ จะไม่เกี่ยวข้องกับคนที่ตายไป 80 กว่า คน
ผมเองพอเข้าใจครับ ว่า การที่ทำให้เกิดคนตายขนาด 80 กว่า คน นั้น ไม่ถูกต้อง
แต่ผมว่าทางใต้มันมีคนตายมากมาย ทำไมมันรื้อ คุ้ย เรื่องแค่ 1 ด้าน
...
แต่ผมว่าไอ้นี่ มันมองอะไรด้านเดียว
ที่สำคัญ ระดับมันแล้ว เชื่อสิครับ ว่ามีปัญญามองหลายมิติ
แต่ เชื่อสิว่า มันเจตนา สื่อออกมาแค่ 1 มิติ
เรื่องทางไต้ มีหลายมิติครับ
...
องค์ในหลวง กับองค์ราชินี ยังมอง 2 ด้าน มองทั้งคนทุกศาสนา ที่โดนยิง เข้าไปช่วยเหลือ
...
ไอ้ นี่ มันเอาดีเข้าตัวครับ
มันเอาเรื่องที่อยู่ใน trend มาขยายความ
โดยส่วนที่ลูกเมียเจ้าหน้าที่ ที่น่าสงสาร มันแกล้งลืมครับ
มันต้องการชื่อเสียง บน ซากศพ ของคนอื่นครับ ซึ่งเป็นของคนทั้ง 2 ศาสนา
...
ไอ้นี่ มันไม่สำนึกหรอกครับว่า มันมาจากไหน ทำไมมันถึงมาอยู่แผ่นดินนี้
...
ส่วนเรื่อง สว ประทิน
ลองดุสิ ขนาดแค่คนเดินเข้าหาธรรมดา ยังใช้ สัณชาตญานชกคนอื่นก่อนเลย
ทั้งๆที่ ก็คุยเรื่อง ตากใบ ไม่ดีอย่างโน้น ไม่ดีอย่างนี้ แท้ๆ
55555
ที่ตากใบ มันไม่ได้เกนิเข้าหาแบบนี้นะครับบบ มันทั้งเขวี้ยง ทั้ง ขว้าง ทั้งคุกคาม
สงสัย ถ้า สว ประทินเป้นคนไปคุมกำลงัที่ตากใบ สงสัย ตายเป้นพัน
...
อยู่ในห้องทำเก่ง
...ท้ายที่สุดก็แสดงพฤติกรรมที่ น่ารังเกียจออกมา ที่ขัดกับสิ่งที่ตวัท่านเองพูด
....
โห ตัวเองไม่ผิด สัญชาติญานผิด
...
เฮ้อ...ไอ้พวกหน้ากากเทวดา
เขารู้ได้ไง ว่าวิธีการขนส่งใช้เรียงกันเป็นชั้นๆ อะ
ถ้าขนอย่างนั้น ผมว่าตายเยอะกว่านั้นอีก
ม็อบถูกมัดมือ แล้วใครจะเป็นคนยกคนเป็นพันมาช้อนๆกัน
แล้วถ้าให้ยืนติดๆกัน มันไม่ขนได้เยอะกว่าเหรอ เร็วกว่าด้วย เพราะผู้ชุมนุมเดินไปเองได้
แต่ถ้าเรียงอย่างนั้นจริงๆ น่าจะให้ คนนี้อยู่แถวล่างสุดเลยนะ
แล้วถามหน่อยพอหัวหน้าม็อบมันเข้าไปอยู่รวมกับฝูงชนเป็นพัน
จะเรียกให้มันออกมามันจะออกมาไหม แล้วเราจะแยกตรงนั้นได้ไหม
ถ้าขนอย่างนั้น ผมว่าตายเยอะกว่านั้นอีก
ม็อบถูกมัดมือ แล้วใครจะเป็นคนยกคนเป็นพันมาช้อนๆกัน
แล้วถ้าให้ยืนติดๆกัน มันไม่ขนได้เยอะกว่าเหรอ เร็วกว่าด้วย เพราะผู้ชุมนุมเดินไปเองได้
แต่ถ้าเรียงอย่างนั้นจริงๆ น่าจะให้ คนนี้อยู่แถวล่างสุดเลยนะ
แล้วถามหน่อยพอหัวหน้าม็อบมันเข้าไปอยู่รวมกับฝูงชนเป็นพัน
จะเรียกให้มันออกมามันจะออกมาไหม แล้วเราจะแยกตรงนั้นได้ไหม
ประเด็นที่ควรแยกแยะ
============
ปัญหาภาคใต้มีความซับซ้อนอยู่ และควรแยกแยะให้ดีถึงแต่ละปัญหา และคิดให้รอบคอบ
(1) ปัญหาของโจรที่ก่อการ ทำให้คนตายอยู่ไม่เว้นวัน
-- รัฐบาลต้องหาแนวร่วมในท้องถิ่นให้ได้ เพื่อสร้างภูมิคุ้มกัน
(2) ปัญหาของคนที่โดนชักนำ
-- รัฐบาลต้องหาวิธีที่จะลดการถูกชักนำของคนเหล่านี้ คนเหล่านี้ไม่ผิดอะไรกับเหยื่อของโจร
-- ฆ่าคนเหล่านี้ตาย เป็นการสุมเชื้อให้กับกลุ่มโจร
การแยกแยะ ระหว่างคนที่โดนชักนำ กับ โจร นั้นไม่ง่าย ดังนั้น การสร้างภูมิคุ้มกันท้องถิ่นจึงสำคัญ
เมื่อโจรอยู่ที่มืด ตำรวจทหาร ไม่มีทางทำงานได้สำเร็จ ถ้าขาดความร่วมมือของคนท้องถิ่น
มากกว่า 70% ของม็อบน่าจะเป็นคนที่ถูกชักนำ จากข่าว บางคนไม่รู้เสียด้วยซ้ำว่ามาทำไม!
เห็นได้ว่า ภูมิคุ้มกันท้องถิ่นนั้น อ่อนแอมาก
รัฐต้องหาทางสร้างภูมิคุ้มกันท้องถิ่นให้แข็งแรง เพื่อต่อสู้กับพวกโจรห้าร้อย ที่สมควรตาย!
ในขณะที่คนที่โดนชักนำ เป็นคนที่รัฐควรปกป้องและคุ้มครอง
การใช้กำลังรุนแรง โดยไม่สนใจกับผลที่จะตามมานั้น
ได้ความสะใจให้ท่านทั้งหลายที่เป็นคนเชียร์มวย และคำขอบคุณจากพวกโจร
============
ปัญหาภาคใต้มีความซับซ้อนอยู่ และควรแยกแยะให้ดีถึงแต่ละปัญหา และคิดให้รอบคอบ
(1) ปัญหาของโจรที่ก่อการ ทำให้คนตายอยู่ไม่เว้นวัน
-- รัฐบาลต้องหาแนวร่วมในท้องถิ่นให้ได้ เพื่อสร้างภูมิคุ้มกัน
(2) ปัญหาของคนที่โดนชักนำ
-- รัฐบาลต้องหาวิธีที่จะลดการถูกชักนำของคนเหล่านี้ คนเหล่านี้ไม่ผิดอะไรกับเหยื่อของโจร
-- ฆ่าคนเหล่านี้ตาย เป็นการสุมเชื้อให้กับกลุ่มโจร
การแยกแยะ ระหว่างคนที่โดนชักนำ กับ โจร นั้นไม่ง่าย ดังนั้น การสร้างภูมิคุ้มกันท้องถิ่นจึงสำคัญ
เมื่อโจรอยู่ที่มืด ตำรวจทหาร ไม่มีทางทำงานได้สำเร็จ ถ้าขาดความร่วมมือของคนท้องถิ่น
มากกว่า 70% ของม็อบน่าจะเป็นคนที่ถูกชักนำ จากข่าว บางคนไม่รู้เสียด้วยซ้ำว่ามาทำไม!
เห็นได้ว่า ภูมิคุ้มกันท้องถิ่นนั้น อ่อนแอมาก
รัฐต้องหาทางสร้างภูมิคุ้มกันท้องถิ่นให้แข็งแรง เพื่อต่อสู้กับพวกโจรห้าร้อย ที่สมควรตาย!
ในขณะที่คนที่โดนชักนำ เป็นคนที่รัฐควรปกป้องและคุ้มครอง
การใช้กำลังรุนแรง โดยไม่สนใจกับผลที่จะตามมานั้น
ได้ความสะใจให้ท่านทั้งหลายที่เป็นคนเชียร์มวย และคำขอบคุณจากพวกโจร
ยังไม่เบื่อใช่ไหมครับ ลองอ่านบทความดีๆ ดูนะครับ
www.siamrath.co.th
คิดระหว่างวัน
++ตาบอดสอดรู้
++โดย ดุสิต ศิริวรรณ
เหตุการณ์การก่อความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทย โดยเฉพาะที่อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส ได้กลายเป็นกระจกเงาบานใหญ่ที่สะท้อนให้เห็นถึงธาตุแท้ของพวกสำนักข่าวต่างประเทศ ตลอดจนกลุ่มต่างชาติหลายกลุ่มที่มุ่งเข้ามาแทรกแซงกิจการภายในของประเทศไทย
สำนักข่าวต่างประเทศอย่างเช่น สำนักข่าวเอพี ได้พยายามรายงานความเห็นโจมตีเจ้าหน้าภาครัฐของไทยอย่างสาดเสียเทเสีย โดยการอ้างแหล่งข่าวจากนักการฑูตบางราย ที่ไม่สามารถยืนยันข้อเท็จจริงได้ว่า นักการฑูตรายนั้นคือใคร ? มาจากชาติไหน ? และพูดเช่นนั้นจริงหรือเปล่า ?
แต่ปรากฏในเวลาต่อมาว่า นายเสน่ห์ จามริก ประธานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ก็ออกอาการ บ้าจี้ ไปตามที่สำนักข่าวต่างประเทศมันปลุกปั่นยุยงให้คนในชาติไทยขัดแย้งกันเอง ถึงกับเสนอและเรียกร้องให้รัฐบาลมีการทบทวนนโยบายในเรื่องดังกล่าวนี้ใหม่ทั้งหมด
ผมมีคำถามถามคนอย่างนายเสน่ห์ว่า นายเสน่ห์เอาสมองส่วนไหนคิดว่า สิ่งที่สำนักข่าวต่างประเทศมันรายงานข่าวเป็นข้อเท็จจริงที่ถูกต้อง หากนายเสน่ห์ไม่เชื่อรายงานของทางราชการ นายเสน่ห์ได้เคยลงไปศึกษาวิเคราะห์ในพื้นที่ที่เกิดเหตุความไม่สงบอย่างถี่ถ้วนรอบคอบด้วยตนเองหรือไม่ ?
นายเสน่ห์เรียกร้องถึงการให้สิทธิและเสรีภาพแก่ประชาชนในพื้นที่ให้มากถึงระดับหนึ่ง หากนายเสน่ห์พูดอย่างนั้นตามที่หนังสือพิมพ์เขาเสนอข่าว ผมก็มีคำถามถามว่า สิทธิและเสรีภาพแก่ประชาชนระดับหนึ่งของนายเสน่ห์นั้น คือ ระดับไหน ? และหากนายเสน่ห์มีโอกาสเป็นผู้นำรัฐบาลไทย นายเสน่ห์จะทำอย่างไร ?ที่จะทำให้สถานการณ์สงบลง ในขณะที่ผู้ก่อการร้ายได้มีการทำร้ายเจ้าหน้าที่ของรัฐ ประชาชน ผู้พิพากษา พระสงฆ์ ซึ่งเป็นผู้บริสุทธิ์ไปแล้วหลายร้อยคน มาเป็นเวลานาน นายเสน่ห์เคยพูดถึงสิ่งเหล่านี้หรือไม่ ?
และได้เคยกล่าวประณามผู้ก่อการร้ายที่ทำร้ายบุคคลผู้บริสุทธิ์เหล่านี้หรือไม่ อย่างไร ?
แต่นายเสน่ห์กลับให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ไทยหลายฉบับว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดนั้น ชี้ชัดว่าได้มีการละเมิดสิทธิมนุษยชนกันเกิดขึ้น ซึ่งเป็นคำพูดที่สอดคล้องกับนายแบรด อาดัม ผู้อำนวยการฝ่ายสิทธิมนุษยชนในเอเชีย ของกลุ่มสิทธิมนุษยชนฮิวแมนไรต์วอตช์ ที่ได้มีหนังสือไปถึงนายกรัฐมนตรีของไทย กล่าวประณามรัฐบาลไทยอย่างเสียหาย และยังได้ลามปามกล่าวไปถึงหน่วยปฏิบัติการรักษาความมั่นคงภายในว่า ชอบใช้ความรุนแรง
ผมขอแนะนำให้ทั้งนายเสน่ห์ และนายแบรด อาดัม ช่วยไปชี้หน้ากล่าวประณามทางการสหรัฐฯที่แหกมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ นำทหารอเมริกันพร้อมทหารพันธมิตรบุกเข้าโจมตีประเทศอิรัก ทำให้คนอิรักล้มตายไปเป็นจำนวนมาก และยังได้จับเชลยศึกชาวอิรักไปกระทำทารุณกรรมต่างๆ เช่น แก้ผ้าให้อยู่ในห้องเดียวกัน ฯลฯ แต่รัฐบาลสหรัฐฯก็ได้อ้างว่าการเข้าไปบุกอิรักนั้น ก็เพื่อต้องการยุติขบวนการการก่อการร้าย
การกระทำอย่างนี้ นายเสน่ห์และนายแบรด อาดัม ลองใช้สติปัญญาเท่าที่เหลืออยู่ตอบให้สังคมไทยได้เข้าใจหน่อยซิว่า มันละเมิดสิทธิมนุษยชนหรือเปล่า ???
www.siamrath.co.th
คิดระหว่างวัน
++ตาบอดสอดรู้
++โดย ดุสิต ศิริวรรณ
เหตุการณ์การก่อความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทย โดยเฉพาะที่อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส ได้กลายเป็นกระจกเงาบานใหญ่ที่สะท้อนให้เห็นถึงธาตุแท้ของพวกสำนักข่าวต่างประเทศ ตลอดจนกลุ่มต่างชาติหลายกลุ่มที่มุ่งเข้ามาแทรกแซงกิจการภายในของประเทศไทย
สำนักข่าวต่างประเทศอย่างเช่น สำนักข่าวเอพี ได้พยายามรายงานความเห็นโจมตีเจ้าหน้าภาครัฐของไทยอย่างสาดเสียเทเสีย โดยการอ้างแหล่งข่าวจากนักการฑูตบางราย ที่ไม่สามารถยืนยันข้อเท็จจริงได้ว่า นักการฑูตรายนั้นคือใคร ? มาจากชาติไหน ? และพูดเช่นนั้นจริงหรือเปล่า ?
แต่ปรากฏในเวลาต่อมาว่า นายเสน่ห์ จามริก ประธานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ก็ออกอาการ บ้าจี้ ไปตามที่สำนักข่าวต่างประเทศมันปลุกปั่นยุยงให้คนในชาติไทยขัดแย้งกันเอง ถึงกับเสนอและเรียกร้องให้รัฐบาลมีการทบทวนนโยบายในเรื่องดังกล่าวนี้ใหม่ทั้งหมด
ผมมีคำถามถามคนอย่างนายเสน่ห์ว่า นายเสน่ห์เอาสมองส่วนไหนคิดว่า สิ่งที่สำนักข่าวต่างประเทศมันรายงานข่าวเป็นข้อเท็จจริงที่ถูกต้อง หากนายเสน่ห์ไม่เชื่อรายงานของทางราชการ นายเสน่ห์ได้เคยลงไปศึกษาวิเคราะห์ในพื้นที่ที่เกิดเหตุความไม่สงบอย่างถี่ถ้วนรอบคอบด้วยตนเองหรือไม่ ?
นายเสน่ห์เรียกร้องถึงการให้สิทธิและเสรีภาพแก่ประชาชนในพื้นที่ให้มากถึงระดับหนึ่ง หากนายเสน่ห์พูดอย่างนั้นตามที่หนังสือพิมพ์เขาเสนอข่าว ผมก็มีคำถามถามว่า สิทธิและเสรีภาพแก่ประชาชนระดับหนึ่งของนายเสน่ห์นั้น คือ ระดับไหน ? และหากนายเสน่ห์มีโอกาสเป็นผู้นำรัฐบาลไทย นายเสน่ห์จะทำอย่างไร ?ที่จะทำให้สถานการณ์สงบลง ในขณะที่ผู้ก่อการร้ายได้มีการทำร้ายเจ้าหน้าที่ของรัฐ ประชาชน ผู้พิพากษา พระสงฆ์ ซึ่งเป็นผู้บริสุทธิ์ไปแล้วหลายร้อยคน มาเป็นเวลานาน นายเสน่ห์เคยพูดถึงสิ่งเหล่านี้หรือไม่ ?
และได้เคยกล่าวประณามผู้ก่อการร้ายที่ทำร้ายบุคคลผู้บริสุทธิ์เหล่านี้หรือไม่ อย่างไร ?
แต่นายเสน่ห์กลับให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ไทยหลายฉบับว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดนั้น ชี้ชัดว่าได้มีการละเมิดสิทธิมนุษยชนกันเกิดขึ้น ซึ่งเป็นคำพูดที่สอดคล้องกับนายแบรด อาดัม ผู้อำนวยการฝ่ายสิทธิมนุษยชนในเอเชีย ของกลุ่มสิทธิมนุษยชนฮิวแมนไรต์วอตช์ ที่ได้มีหนังสือไปถึงนายกรัฐมนตรีของไทย กล่าวประณามรัฐบาลไทยอย่างเสียหาย และยังได้ลามปามกล่าวไปถึงหน่วยปฏิบัติการรักษาความมั่นคงภายในว่า ชอบใช้ความรุนแรง
ผมขอแนะนำให้ทั้งนายเสน่ห์ และนายแบรด อาดัม ช่วยไปชี้หน้ากล่าวประณามทางการสหรัฐฯที่แหกมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ นำทหารอเมริกันพร้อมทหารพันธมิตรบุกเข้าโจมตีประเทศอิรัก ทำให้คนอิรักล้มตายไปเป็นจำนวนมาก และยังได้จับเชลยศึกชาวอิรักไปกระทำทารุณกรรมต่างๆ เช่น แก้ผ้าให้อยู่ในห้องเดียวกัน ฯลฯ แต่รัฐบาลสหรัฐฯก็ได้อ้างว่าการเข้าไปบุกอิรักนั้น ก็เพื่อต้องการยุติขบวนการการก่อการร้าย
การกระทำอย่างนี้ นายเสน่ห์และนายแบรด อาดัม ลองใช้สติปัญญาเท่าที่เหลืออยู่ตอบให้สังคมไทยได้เข้าใจหน่อยซิว่า มันละเมิดสิทธิมนุษยชนหรือเปล่า ???
ยังไม่เบื่อใช่ไหมครับ ลองอ่านบทความดีๆ ดูนะครับ
www.siamrath.co.th
คิดระหว่างวัน
++ตาบอดสอดรู้
++โดย ดุสิต ศิริวรรณ
เหตุการณ์การก่อความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทย โดยเฉพาะที่อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส ได้กลายเป็นกระจกเงาบานใหญ่ที่สะท้อนให้เห็นถึงธาตุแท้ของพวกสำนักข่าวต่างประเทศ ตลอดจนกลุ่มต่างชาติหลายกลุ่มที่มุ่งเข้ามาแทรกแซงกิจการภายในของประเทศไทย
สำนักข่าวต่างประเทศอย่างเช่น สำนักข่าวเอพี ได้พยายามรายงานความเห็นโจมตีเจ้าหน้าภาครัฐของไทยอย่างสาดเสียเทเสีย โดยการอ้างแหล่งข่าวจากนักการฑูตบางราย ที่ไม่สามารถยืนยันข้อเท็จจริงได้ว่า นักการฑูตรายนั้นคือใคร ? มาจากชาติไหน ? และพูดเช่นนั้นจริงหรือเปล่า ?
แต่ปรากฏในเวลาต่อมาว่า นายเสน่ห์ จามริก ประธานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ก็ออกอาการ บ้าจี้ ไปตามที่สำนักข่าวต่างประเทศมันปลุกปั่นยุยงให้คนในชาติไทยขัดแย้งกันเอง ถึงกับเสนอและเรียกร้องให้รัฐบาลมีการทบทวนนโยบายในเรื่องดังกล่าวนี้ใหม่ทั้งหมด
ผมมีคำถามถามคนอย่างนายเสน่ห์ว่า นายเสน่ห์เอาสมองส่วนไหนคิดว่า สิ่งที่สำนักข่าวต่างประเทศมันรายงานข่าวเป็นข้อเท็จจริงที่ถูกต้อง หากนายเสน่ห์ไม่เชื่อรายงานของทางราชการ นายเสน่ห์ได้เคยลงไปศึกษาวิเคราะห์ในพื้นที่ที่เกิดเหตุความไม่สงบอย่างถี่ถ้วนรอบคอบด้วยตนเองหรือไม่ ?
นายเสน่ห์เรียกร้องถึงการให้สิทธิและเสรีภาพแก่ประชาชนในพื้นที่ให้มากถึงระดับหนึ่ง หากนายเสน่ห์พูดอย่างนั้นตามที่หนังสือพิมพ์เขาเสนอข่าว ผมก็มีคำถามถามว่า สิทธิและเสรีภาพแก่ประชาชนระดับหนึ่งของนายเสน่ห์นั้น คือ ระดับไหน ? และหากนายเสน่ห์มีโอกาสเป็นผู้นำรัฐบาลไทย นายเสน่ห์จะทำอย่างไร ?ที่จะทำให้สถานการณ์สงบลง ในขณะที่ผู้ก่อการร้ายได้มีการทำร้ายเจ้าหน้าที่ของรัฐ ประชาชน ผู้พิพากษา พระสงฆ์ ซึ่งเป็นผู้บริสุทธิ์ไปแล้วหลายร้อยคน มาเป็นเวลานาน นายเสน่ห์เคยพูดถึงสิ่งเหล่านี้หรือไม่ ?
และได้เคยกล่าวประณามผู้ก่อการร้ายที่ทำร้ายบุคคลผู้บริสุทธิ์เหล่านี้หรือไม่ อย่างไร ?
แต่นายเสน่ห์กลับให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ไทยหลายฉบับว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดนั้น ชี้ชัดว่าได้มีการละเมิดสิทธิมนุษยชนกันเกิดขึ้น ซึ่งเป็นคำพูดที่สอดคล้องกับนายแบรด อาดัม ผู้อำนวยการฝ่ายสิทธิมนุษยชนในเอเชีย ของกลุ่มสิทธิมนุษยชนฮิวแมนไรต์วอตช์ ที่ได้มีหนังสือไปถึงนายกรัฐมนตรีของไทย กล่าวประณามรัฐบาลไทยอย่างเสียหาย และยังได้ลามปามกล่าวไปถึงหน่วยปฏิบัติการรักษาความมั่นคงภายในว่า ชอบใช้ความรุนแรง
ผมขอแนะนำให้ทั้งนายเสน่ห์ และนายแบรด อาดัม ช่วยไปชี้หน้ากล่าวประณามทางการสหรัฐฯที่แหกมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ นำทหารอเมริกันพร้อมทหารพันธมิตรบุกเข้าโจมตีประเทศอิรัก ทำให้คนอิรักล้มตายไปเป็นจำนวนมาก และยังได้จับเชลยศึกชาวอิรักไปกระทำทารุณกรรมต่างๆ เช่น แก้ผ้าให้อยู่ในห้องเดียวกัน ฯลฯ แต่รัฐบาลสหรัฐฯก็ได้อ้างว่าการเข้าไปบุกอิรักนั้น ก็เพื่อต้องการยุติขบวนการการก่อการร้าย
การกระทำอย่างนี้ นายเสน่ห์และนายแบรด อาดัม ลองใช้สติปัญญาเท่าที่เหลืออยู่ตอบให้สังคมไทยได้เข้าใจหน่อยซิว่า มันละเมิดสิทธิมนุษยชนหรือเปล่า ???
www.siamrath.co.th
คิดระหว่างวัน
++ตาบอดสอดรู้
++โดย ดุสิต ศิริวรรณ
เหตุการณ์การก่อความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทย โดยเฉพาะที่อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส ได้กลายเป็นกระจกเงาบานใหญ่ที่สะท้อนให้เห็นถึงธาตุแท้ของพวกสำนักข่าวต่างประเทศ ตลอดจนกลุ่มต่างชาติหลายกลุ่มที่มุ่งเข้ามาแทรกแซงกิจการภายในของประเทศไทย
สำนักข่าวต่างประเทศอย่างเช่น สำนักข่าวเอพี ได้พยายามรายงานความเห็นโจมตีเจ้าหน้าภาครัฐของไทยอย่างสาดเสียเทเสีย โดยการอ้างแหล่งข่าวจากนักการฑูตบางราย ที่ไม่สามารถยืนยันข้อเท็จจริงได้ว่า นักการฑูตรายนั้นคือใคร ? มาจากชาติไหน ? และพูดเช่นนั้นจริงหรือเปล่า ?
แต่ปรากฏในเวลาต่อมาว่า นายเสน่ห์ จามริก ประธานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ก็ออกอาการ บ้าจี้ ไปตามที่สำนักข่าวต่างประเทศมันปลุกปั่นยุยงให้คนในชาติไทยขัดแย้งกันเอง ถึงกับเสนอและเรียกร้องให้รัฐบาลมีการทบทวนนโยบายในเรื่องดังกล่าวนี้ใหม่ทั้งหมด
ผมมีคำถามถามคนอย่างนายเสน่ห์ว่า นายเสน่ห์เอาสมองส่วนไหนคิดว่า สิ่งที่สำนักข่าวต่างประเทศมันรายงานข่าวเป็นข้อเท็จจริงที่ถูกต้อง หากนายเสน่ห์ไม่เชื่อรายงานของทางราชการ นายเสน่ห์ได้เคยลงไปศึกษาวิเคราะห์ในพื้นที่ที่เกิดเหตุความไม่สงบอย่างถี่ถ้วนรอบคอบด้วยตนเองหรือไม่ ?
นายเสน่ห์เรียกร้องถึงการให้สิทธิและเสรีภาพแก่ประชาชนในพื้นที่ให้มากถึงระดับหนึ่ง หากนายเสน่ห์พูดอย่างนั้นตามที่หนังสือพิมพ์เขาเสนอข่าว ผมก็มีคำถามถามว่า สิทธิและเสรีภาพแก่ประชาชนระดับหนึ่งของนายเสน่ห์นั้น คือ ระดับไหน ? และหากนายเสน่ห์มีโอกาสเป็นผู้นำรัฐบาลไทย นายเสน่ห์จะทำอย่างไร ?ที่จะทำให้สถานการณ์สงบลง ในขณะที่ผู้ก่อการร้ายได้มีการทำร้ายเจ้าหน้าที่ของรัฐ ประชาชน ผู้พิพากษา พระสงฆ์ ซึ่งเป็นผู้บริสุทธิ์ไปแล้วหลายร้อยคน มาเป็นเวลานาน นายเสน่ห์เคยพูดถึงสิ่งเหล่านี้หรือไม่ ?
และได้เคยกล่าวประณามผู้ก่อการร้ายที่ทำร้ายบุคคลผู้บริสุทธิ์เหล่านี้หรือไม่ อย่างไร ?
แต่นายเสน่ห์กลับให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ไทยหลายฉบับว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดนั้น ชี้ชัดว่าได้มีการละเมิดสิทธิมนุษยชนกันเกิดขึ้น ซึ่งเป็นคำพูดที่สอดคล้องกับนายแบรด อาดัม ผู้อำนวยการฝ่ายสิทธิมนุษยชนในเอเชีย ของกลุ่มสิทธิมนุษยชนฮิวแมนไรต์วอตช์ ที่ได้มีหนังสือไปถึงนายกรัฐมนตรีของไทย กล่าวประณามรัฐบาลไทยอย่างเสียหาย และยังได้ลามปามกล่าวไปถึงหน่วยปฏิบัติการรักษาความมั่นคงภายในว่า ชอบใช้ความรุนแรง
ผมขอแนะนำให้ทั้งนายเสน่ห์ และนายแบรด อาดัม ช่วยไปชี้หน้ากล่าวประณามทางการสหรัฐฯที่แหกมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ นำทหารอเมริกันพร้อมทหารพันธมิตรบุกเข้าโจมตีประเทศอิรัก ทำให้คนอิรักล้มตายไปเป็นจำนวนมาก และยังได้จับเชลยศึกชาวอิรักไปกระทำทารุณกรรมต่างๆ เช่น แก้ผ้าให้อยู่ในห้องเดียวกัน ฯลฯ แต่รัฐบาลสหรัฐฯก็ได้อ้างว่าการเข้าไปบุกอิรักนั้น ก็เพื่อต้องการยุติขบวนการการก่อการร้าย
การกระทำอย่างนี้ นายเสน่ห์และนายแบรด อาดัม ลองใช้สติปัญญาเท่าที่เหลืออยู่ตอบให้สังคมไทยได้เข้าใจหน่อยซิว่า มันละเมิดสิทธิมนุษยชนหรือเปล่า ???
อีกอันครับ
คิดระหว่างวัน
++ปริศนาจากความตาย
++โดย ดุสิต ศิริวรรณ
เมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้ว หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ฉบับประจำวันศุกร์ที่ 29 ตุลาคม 2547 เป็นหนังสือพิมพ์ไทยฉบับเดียวที่ได้พาดหัวข่าวว่า แฉกบฏอาเจะห์แฝงชุมนุมจลาจลตากใบ ปรากฏรายละเอียดของข่าวพอสรุปได้ว่า จากเหตุการณ์กองกำลังทหารเข้าสลายกลุ่มผู้ชุมนุมปิดล้อมโรงพักสถานีตำรวจภูธร อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 6 คน ถูกจับกุมกว่า 1,300 คน และขณะลำเลียงกลุ่มผู้ชุมนุมขึ้นรถเดินทางไปค่ายอิงคยุทธบริหาร จังหวัดปัตตานี ปรากฏว่ามีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นอีก 78 คน และไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาลอีก 1 คน สาเหตุเกิดจากการขาดอากาศหายใจและร่างกายอ่อนเพลีย
พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีได้กล่าวยืนยันและแสดงความเสียใจต่อความสูญเสียที่เกิดขึ้นว่า เจ้าหน้าที่ได้ใช้ความพยายามทำอย่างดีที่สุดแล้ว หากปล่อยให้การชุมนุมยืดเยื้อ อาจเกิดความรุนแรงถึงขั้นเข้าเผาเมืองได้ และเรื่องนี้ ได้กลายเป็นประเด็นที่รัฐบาลไทยถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางถึงความบกพร่องในการขนย้ายผู้ต้องหาที่ทำให้มียอดคนตายสูงถึง 85 คน
ในรายงานข่าวตอนหนึ่งของหนังสือพิมพ์ไทยรัฐฉบับเดียวกันนี้ได้รายงานว่า ได้มีการดำเนินการทำพิธีกรรมทางศาสนาในเบื้องต้น ต่อจากนั้นก็จะขนย้ายศพผู้เสียชีวิตไปฝังที่กุโบ (สุสาน) ที่จังหวัดนราธิวาส
ในช่วงเย็น ทางกองทัพภาคที่ 4 ได้จัดส่งศพผู้เสียชีวิต 24 ศพที่ไม่มีญาติไปติดต่อขอรับ ขึ้นรถบรรทุก 6 ล้อ จำนวน 2 คัน เพื่อเดินทางจากค่ายอิงคยุทธบริหาร ไปทำพิธีฝังศพหมู่ที่กุโบตะโละมาเนาะ ข้างมัสยิด 300 ปี ที่อยู่ในหมู่ 1 ตำบลลุโบะบือซา อำเภอบาเจาะ จังหวัดนราธิวาส
และยังมีรายงานข่าวจากการสอบสวนกลุ่มผู้ต้องหาและจากการตรวจค้นในตัวผู้เสียชีวิต 2 คนที่ทางการไทยได้พบเอกสารต่างประเทศ คนแรกเชื่อว่าเป็นชาวอินโดนีเซีย เนื่องจากพบเอกสารภาษาอินโดนีเซีย และเงินในตัวผู้ตาย ซึ่งน่าจะเป็นพวกกบฏอาเจะห์ กลุ่มแบ่งแยกดินแดนประเทศอินโดนีเซีย ส่วนอีกคนหนึ่งพบเอกสารภาษามาเลเซีย และเงินสดติดตัวเช่นเดียวกัน ทางการเชื่อว่า น่าจะเป็นหน่วยรบไม่ทราบสังกัด โดยทั้งสองคนเป็นแกนนำระดับสูงของการก่อการชุมนุม เพราะเงินที่พบในตัวผู้เสียชีวิตทั้งสองคน รวมกันเป็นเงินไทยมีมูลค่ากว่า 1 แสนบาท และหากเป็นคนไทยก็ไม่น่าจะพกเงินต่างชาติมามากมายขนาดนั้น และถ้าหากมาร่วมชุมนุมประท้วงเพียงสถานเดียว ก็ไม่มีเหตุผลใดที่จะพกเงินมาเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้แกนนำระดับสูงในการก่อการประท้วงที่อำเภอตากใบคราวนี้ จึงน่าจะมีชาวต่างชาติเข้ามาร่วมขบวนการด้วยหลายคน มีการประสานงานกับโจรก่อการร้ายในพื้นที่ 3 จังหวัด โดยเฉพาะแกนนำระดับหลักๆ อาทิ เช่น นักการเมืองระดับชาติ และระดับท้องถิ่น รวมทั้ง กลุ่มโจรระดับแกนนำด้วย
ผมมีข้อสังเกตที่จะให้สังคมไทยช่วยกันตั้งคำถามว่า จากรายงานข่าวชิ้นนี้ของหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ทำไมจึงปรากฏว่ามีศพที่ไม่มีญาติมารับศพเป็นจำนวนถึง 24 ศพที่ทางการไทยต้องนำไปทำพิธีฝังศพหมู่ หากเป็นคนไทยในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ก็น่าที่จะต้องมีญาติมารับศพไปประกอบพิธีทางศาสนากันอย่างครบถ้วนทุกศพที่มีการเสียชีวิตเกิดขึ้นในเหตุการณ์ครั้งนั้น ???
ปริศนาจากความตายครั้งนี้ จะเป็น การบ้าน สำหรับทุกฝ่ายให้มีความตระหนักร่วมกันว่า ความขัดแย้งทางความคิดที่เกิดขึ้นจากความไม่สงบในบ้านเรา มันคงจะไม่ใช่สาเหตุความขัดแย้งของคนไทยด้วยกันเองตามภาวะการณ์ปกติ แต่มันเป็นความขัดแย้งที่มีกลุ่มมุ่งประสงค์ร้ายต่อชาติบ้านเมืองของเราภายนอกประเทศ สร้างสถานการณ์ความไม่สงบให้เกิดขึ้น เพื่อให้เกิดความขัดแย้งในหมู่คนไทยด้วยกันเอง
แล้วยั่วยุให้กลับกลายเป็นความขัดแย้งที่บานปลาย จนนำไปสู่ความร้าวฉาน และร้าวลึกในหมู่คนไทยด้วยกันเองภายในบ้านเมืองของเรา
และเป็นหน้าที่ของคนไทยทั้งชาติ ต้องช่วยกันป้องกัน ไม่ใช่ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของรัฐบาลแต่เพียงฝ่ายเดียว
คิดระหว่างวัน
++ปริศนาจากความตาย
++โดย ดุสิต ศิริวรรณ
เมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้ว หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ฉบับประจำวันศุกร์ที่ 29 ตุลาคม 2547 เป็นหนังสือพิมพ์ไทยฉบับเดียวที่ได้พาดหัวข่าวว่า แฉกบฏอาเจะห์แฝงชุมนุมจลาจลตากใบ ปรากฏรายละเอียดของข่าวพอสรุปได้ว่า จากเหตุการณ์กองกำลังทหารเข้าสลายกลุ่มผู้ชุมนุมปิดล้อมโรงพักสถานีตำรวจภูธร อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 6 คน ถูกจับกุมกว่า 1,300 คน และขณะลำเลียงกลุ่มผู้ชุมนุมขึ้นรถเดินทางไปค่ายอิงคยุทธบริหาร จังหวัดปัตตานี ปรากฏว่ามีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นอีก 78 คน และไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาลอีก 1 คน สาเหตุเกิดจากการขาดอากาศหายใจและร่างกายอ่อนเพลีย
พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีได้กล่าวยืนยันและแสดงความเสียใจต่อความสูญเสียที่เกิดขึ้นว่า เจ้าหน้าที่ได้ใช้ความพยายามทำอย่างดีที่สุดแล้ว หากปล่อยให้การชุมนุมยืดเยื้อ อาจเกิดความรุนแรงถึงขั้นเข้าเผาเมืองได้ และเรื่องนี้ ได้กลายเป็นประเด็นที่รัฐบาลไทยถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางถึงความบกพร่องในการขนย้ายผู้ต้องหาที่ทำให้มียอดคนตายสูงถึง 85 คน
ในรายงานข่าวตอนหนึ่งของหนังสือพิมพ์ไทยรัฐฉบับเดียวกันนี้ได้รายงานว่า ได้มีการดำเนินการทำพิธีกรรมทางศาสนาในเบื้องต้น ต่อจากนั้นก็จะขนย้ายศพผู้เสียชีวิตไปฝังที่กุโบ (สุสาน) ที่จังหวัดนราธิวาส
ในช่วงเย็น ทางกองทัพภาคที่ 4 ได้จัดส่งศพผู้เสียชีวิต 24 ศพที่ไม่มีญาติไปติดต่อขอรับ ขึ้นรถบรรทุก 6 ล้อ จำนวน 2 คัน เพื่อเดินทางจากค่ายอิงคยุทธบริหาร ไปทำพิธีฝังศพหมู่ที่กุโบตะโละมาเนาะ ข้างมัสยิด 300 ปี ที่อยู่ในหมู่ 1 ตำบลลุโบะบือซา อำเภอบาเจาะ จังหวัดนราธิวาส
และยังมีรายงานข่าวจากการสอบสวนกลุ่มผู้ต้องหาและจากการตรวจค้นในตัวผู้เสียชีวิต 2 คนที่ทางการไทยได้พบเอกสารต่างประเทศ คนแรกเชื่อว่าเป็นชาวอินโดนีเซีย เนื่องจากพบเอกสารภาษาอินโดนีเซีย และเงินในตัวผู้ตาย ซึ่งน่าจะเป็นพวกกบฏอาเจะห์ กลุ่มแบ่งแยกดินแดนประเทศอินโดนีเซีย ส่วนอีกคนหนึ่งพบเอกสารภาษามาเลเซีย และเงินสดติดตัวเช่นเดียวกัน ทางการเชื่อว่า น่าจะเป็นหน่วยรบไม่ทราบสังกัด โดยทั้งสองคนเป็นแกนนำระดับสูงของการก่อการชุมนุม เพราะเงินที่พบในตัวผู้เสียชีวิตทั้งสองคน รวมกันเป็นเงินไทยมีมูลค่ากว่า 1 แสนบาท และหากเป็นคนไทยก็ไม่น่าจะพกเงินต่างชาติมามากมายขนาดนั้น และถ้าหากมาร่วมชุมนุมประท้วงเพียงสถานเดียว ก็ไม่มีเหตุผลใดที่จะพกเงินมาเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้แกนนำระดับสูงในการก่อการประท้วงที่อำเภอตากใบคราวนี้ จึงน่าจะมีชาวต่างชาติเข้ามาร่วมขบวนการด้วยหลายคน มีการประสานงานกับโจรก่อการร้ายในพื้นที่ 3 จังหวัด โดยเฉพาะแกนนำระดับหลักๆ อาทิ เช่น นักการเมืองระดับชาติ และระดับท้องถิ่น รวมทั้ง กลุ่มโจรระดับแกนนำด้วย
ผมมีข้อสังเกตที่จะให้สังคมไทยช่วยกันตั้งคำถามว่า จากรายงานข่าวชิ้นนี้ของหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ทำไมจึงปรากฏว่ามีศพที่ไม่มีญาติมารับศพเป็นจำนวนถึง 24 ศพที่ทางการไทยต้องนำไปทำพิธีฝังศพหมู่ หากเป็นคนไทยในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ก็น่าที่จะต้องมีญาติมารับศพไปประกอบพิธีทางศาสนากันอย่างครบถ้วนทุกศพที่มีการเสียชีวิตเกิดขึ้นในเหตุการณ์ครั้งนั้น ???
ปริศนาจากความตายครั้งนี้ จะเป็น การบ้าน สำหรับทุกฝ่ายให้มีความตระหนักร่วมกันว่า ความขัดแย้งทางความคิดที่เกิดขึ้นจากความไม่สงบในบ้านเรา มันคงจะไม่ใช่สาเหตุความขัดแย้งของคนไทยด้วยกันเองตามภาวะการณ์ปกติ แต่มันเป็นความขัดแย้งที่มีกลุ่มมุ่งประสงค์ร้ายต่อชาติบ้านเมืองของเราภายนอกประเทศ สร้างสถานการณ์ความไม่สงบให้เกิดขึ้น เพื่อให้เกิดความขัดแย้งในหมู่คนไทยด้วยกันเอง
แล้วยั่วยุให้กลับกลายเป็นความขัดแย้งที่บานปลาย จนนำไปสู่ความร้าวฉาน และร้าวลึกในหมู่คนไทยด้วยกันเองภายในบ้านเมืองของเรา
และเป็นหน้าที่ของคนไทยทั้งชาติ ต้องช่วยกันป้องกัน ไม่ใช่ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของรัฐบาลแต่เพียงฝ่ายเดียว
ขอแสดงความคิดเห็นครับ ในฐานะที่อยู่ใน3จังหวัดภาคใต้ที่มีเรื่องฯ นี้ และทำงานคลุกคลีกับไทยอิสลาม ขอตอบแบบฟังธงได้เลยว่า ร้อยละ 90 ของไทยอิสลามนี้สามารถสื่อสารด้วยภาษาไทยได้(ยกเว้นผู้สูงอายุ) อาจจะอ่านไม่ออก หรือพูดไม่แข็ง แต่ไม่นิยมใช้ภาษาไทยในการสื่อสารนอกจากคนไทยพุทธ เคยคุยกับผู้ปกครองเด็กคนหนึ่งบอกว่า "ตอนนี้ลูกอยู่ชั้น ม. 3 ไม่ค่อยพูดมลายู ชอบพูดภาษาไทย ต้องคอยเตือนให้พูดเมื่ออยู่บ้าน" การที่แกล้งไม่เข้าใจภาษาไทยก็ทำได้ง่าย การที่พลิกบทบาทจึงทำได้ง่าย หากอยากถูกปล่อยก็เข้าใจภาษาไทยแล้วบอกผู้สัมภาษณ์ไม่เข้าใจภาษามลายู จึงไม่รู้ว่าข้อมูลที่ได้ว่าเชื่อถือได้หรือไม่ หากอยากทดสอบก็หาคนนอกท้องที่ที่เข้าใจภาษามลายูแล้วทำเป็นไม่รู้เรื่องไปถามทางในหมู่บ้านใดๆ ก็ได้จะได้เข้าใจความจริง ผมแค่แสดงความเห็นในเรื่องภาษานะครับผมว่า ตลกมากเลย ที่ท่านนายกจะบอกและหมายความว่า ผู้ชุนนุมทั้งหมดไม่พูดภาษาไทย แต่พูดอาหรับ และที่จริง ท่านนายกพูดก็เป็นไปตามที่ได้รับรายงานด้วยเพราะไม่อยู่ในเหตุการณ์ คงมีคนรายงานว่า มีผู้ชุมนุมบางคนพูดภาษาอื่น ที่ไม่ใช่ภาษาไทย
ดังนั้นการที่ ดร.เจิมศักดิ์ ไปเจอพวกชุมนุมพูดภาษาไทยได้จบอนุปริญญา หรือจบปริญญาตรี ก็ไม่เห็นเกี่ยวอะไรกับการที่จะมีใครพูดอาหรับหรือไม่