STANLY

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก
ล็อคหัวข้อ
หนุ่ม

STANLY

โพสต์ โดย หนุ่ม » จันทร์ มี.ค. 17, 2003 10:47 pm

บมจ.ไทยสแตนเลย์การไฟฟ้า (STANLY) คาดหมายว่าจะประกาศผลประกอบการประจำไตรมาสสี่ (พ.ย.45-ม.ค.46) ในช่วงปลายเดือนนี้ ยังมีกำไรที่เติบโตอย่างโดดเด่น และเติบโตสูงต่อเนื่อง คือคาดจะมีกำไรสุทธิเท่ากับ 153.9 ล้านบาท (กำไรต่อหุ้น 4.02 บาท) ขยายตัว 108.2% จากปีก่อน แต่อ่อนตัวลงจากไตรมาสก่อนเล็กน้อย ส่วนงวดปี 2546 (ก.พ. 45 ม.ค. 46) จะมีกำไรรวมเท่ากับ 525.5 ล้านบาท (กำไรต่อหุ้น 13.72 บาท) ขยายตัวสูงถึง 55.3% โดยกำไรในไตรมาส 4/46 ที่ยังขยายตัวโดดเด่นเป็นผลจาก รถที่เป็นที่นิยมของตลาดมีการเปิดตัว และ มีการสั่งจองล้น ไม่ว่าจะเป็น โตโยต้า โซลูน่า วีออส (ยอดผลิตวันละประมาณ 180คัน/วัน หรือ เดือนละประมาณ 5,400 คัน) และ ฮอนด้า ซิตี้ใหม่ (ยอดผลิตวันละประมาณ 120 คัน/วัน หรือ เดือนละประมาณ 3,600 คัน/วัน) รวมถึง อีซูซุ ดีแมกซ์ ที่เริ่มมีการผลิตแบบปริมาณมากทำให้เกิดการประหยัดจากขนาด
สำหรับแนวโน้มในปี 2547 (ก.พ. 46 ม.ค. 47) จากการประชุมนักวิเคราะห์ล่าสุดเมื่อเดือน ธ.ค. 2545 ที่ผ่านมา ผู้บริหารประเมินจากตัวเลขของลูกค้าคาดว่าตลาดจะโตอีกประมาณ 20% โดยในปีนี้โตโยต้า โซลูน่า วีออส ตั้งเป้าจะเป็นรถยนต์ของเอเชีย (Asian Cars) ซึ่งเป็นการผลิตแบบปริมาณมากเพื่อส่งออกไปจำหน่ายต่างประเทศ ค่ายอีซูซุก็จะใช้ไทยเป็นฐานเพื่อส่งออกประมาณ 8,000-10,000 คันต่อเดือน จากในปีก่อนผลิตเฉพาะจำหน่ายในไทยประมาณ 8,000 คันต่อเดือน นอกจากนี้ฮอนด้า ซิตี้ ใหม่ ก็เป็นอีกรุ่นที่กำลังเป็นที่นิยมของตลาด รวมถึงฮอนด้า แอคคอร์ดใหม่ ได้เปิดตัวแล้วในช่วงเดือน ก.พ. ที่ผ่านมา ซึ่งรถเป็นที่นิยมของตลาดเหล่านี้ล้วนใช้ไฟหน้าไฟท้ายของ STANLY อย่างไรก็ตามด้วยประมาณการแบบอนุรักษ์นิยมของเราประเมินว่ายอดขาย ของบริษัทในปีนี้จะเติบโต 15% สู่ระดับ 5,090 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 625 ล้านบาท (กำไรต่อหุ้น 16.32 บาท) ขยายตัว 19%

ราคาหุ้น STANLY ในช่วงที่ผ่านมาได้ปรับลดลง 16% จากจุดสูงสุด มาเคลื่อนไหวที่ 121 บาท ซึ่งที่ระดับปัจจุบันยังน่าสนใจ คือ มีค่า P/E ปีนี้ เท่ากับ 7.17 เท่า, ค่า EV/EBITDA 3.56 เท่า รวมถึงมีฐานะการเงินที่แข็งแกร่งคือ มีฐานะเป็นเงินสดสุทธิ (Gearing เป็นลบ) ในขณะที่ราคาเหมาะสมเราตามส่วนลดกระแสเงินสดเท่ากับ 150 บาท ซึ่งจะซื้อขายที่ PER เท่ากับ 9 เท่า


เนื่องจากเป็นผู้นำในการผลิตอุปกรณ์ส่องแสงสว่างยานยนต์ของประเทศ โดยมีส่วนแบ่งตลาดประมาณ 75-80% สำหรับรถยนต์ และ 95% ในรถจักรยานยนต์ ดังนั้น ธุรกิจของ STANLY จึงเกี่ยวข้องโดยตรงกับการเติบโตของอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศไทย สำหรับในไตรมาส 4/46 (พ.ย.45-ม.ค.46) ยอดผลิตรถยนต์รวมเท่ากับ 167,117 คัน เพิ่มขึ้น 41.1% จากปีก่อน แต่ลดลง 5.6% จากไตรมาสก่อน และ ยอดผลิตรถจักรยานยนต์ 453,000 คัน พุ่งขึ้น 64% จากปีก่อน และ 10.5% จากไตรมาสก่อน แต่จากประมาณการแบบอนุรักษ์นิยมของเราประเมินว่ายอดขายของ STANLY ในไตรมาส 4/46 (พ.ย.45-ม.ค.46) จะเท่ากับ 1,231 ล้านบาท ขยายตัว 35.5% จากปีก่อน และทรงตัวจากไตรมาสก่อน


อัตรากำไรขั้นต้นคาดว่าจะปรับลดลงเล็กน้อยเป็น 22.7% เทียบกับไตรมาสก่อนที่ 22.9% โดยในช่วงแรกของการเปิดรถโมเดลใหม่ คือ โตโยต้า โซลูน่า วีออส และ ฮอนด้า ซิตี้ ใหม่ อาจจะมีอัตราการสูญเสียบ้าง อย่างไรก็ตามผู้บริหารกล่าวว่า โมเดลของ โตโยต้า วีออส และ ฮอนด้า ซิตี้ ใหม่ เป็นแบบพื้นๆทำให้มีอัตราการสูญเสียน้อยมาก โดยผลของการการนำเอาระบบ SNAP (Stanley New Access For Higher Productivity) เข้ามาใช้อย่างต่อเนื่อง และสัมฤทธิ์ผลอย่างมาก รวมถึงมีการประหยัดจากขาดด้วยการผลิตปริมาณมากจะยังทำให้อัตรากำไรขั้นต้น ยังอยู่ในระดับสูงต่อเนื่อง


สำหรับรายการอื่นๆ คาดหมายว่าจะไม่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมมากนัก คือ 1.) ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารคาดว่าจะมีสัดส่วนต่อยอดขายเท่าเดิมในไตรมาสก่อนที่ 7.7% 2.) ดอกเบี้ยจ่ายคาดหมายว่าจะใกล้เคียงกับไตรมาสก่อน เนื่องจากบริษัทแทบไม่มีภาระหนี้
แนวโน้มยอดขายของ STANLY ในปี 2547 (ก.พ. 46 ม.ค. 47) จากการประชุมนักวิเคราะห์ล่าสุดเมื่อเดือน ธ.ค. 2545 ที่ผ่านมา ผู้บริหารประเมินจากตัวเลขของลูกค้าคาดว่าตลาดจะโตอีกประมาณ 20% โดยในปีนี้โตโยต้า โซลูน่า วีออส ตั้งเป้าจะเป็นรถยนต์ของเอเชีย (Asian Cars) ซึ่งเป็นการผลิตแบบปริมาณมากเพื่อส่งออกไปจำหน่ายต่างประเทศ ค่ายอีซูซุก็จะใช้ไทยเป็นฐานเพื่อส่งออกประมาณ 8,000-10,000 คันต่อเดือน จากในปีก่อนผลิตเฉพาะเฉพาะจำหน่ายในไทยประมาณ 8,000 คันต่อเดือน นอกจากนี้ฮอนด้า ซิตี้ ใหม่ ก็เป็นอีกรุ่นที่กำลังเป็นที่นิยมของตลาด รวมถึงฮอนด้า แอคคอร์ดใหม่ ได้เปิดตัวแล้วในช่วงเดือน ก.พ. ที่ผ่านมา ซึ่งรถเป็นที่นิยมของตลาดเหล่านี้ล้วนใช้ไฟหน้าไฟท้ายของ STANLY ทางด้านตลาดรถจักรยานยนต์ก็มีแนวโน้มเติบโตสูงเช่นกัน ซึ่งค่ายฮอนด้าประเมินตลาดรถจักรยานยนต์ปีนี้จะโตถึง 35% โดยโครงสร้างรายได้ของ STANLY แบ่งเป็น รถยนต์ 70% ส่วนรถจักรยานยนต์ 30% อย่างไรก็ตามด้วยประมาณการแบบอนุรักษ์นิยมของเราประเมินว่ายอดขายของบริษัทในปีนี้จะเติบโต 15% สู่ระดับ 5,090 ล้านบาท
ผู้บริหารระบุ STANLY มีความสัมพันธ์ที่ดีกับค่ายรถฮอนด้าตลอดมา ทำให้ค่ายรถฮอนด้าไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ และ รถจักรยานยนต์ทุกรุ่นล้วนใช้ไฟหน้า และ ไฟท้าย เฉพาะของ STANLY ส่วนค่ายโตโยต้า STANLY เริ่มสามารถเจาะฐานได้ โดยเริ่มผลิตไฟฟ้าและไฟท้ายให้โตโยต้า วีออส
กำลังการผลิตปัจจุบันสำหรับหลอดไฟ 70 ล้านหลอด, โคมไฟ 28 ล้านโคม และ แม่พิมพ์ 500 ชุด ปัจจุบันมีการใช้กำลังการผลิตประมาณ 95% อย่างไรก็ตาม STANLY มีการลงทุนต่อเนื่องเพื่อขยายกำลังการผลิตเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง โดยใช้กระแสเงินสดภายในเป็นแหล่งเงินทุนสำคัญ ทำให้กำลังการผลิตยังสามารถรองรับการเติบโตของยอดขายในปีนี้
ผู้บริหารระบุว่าบริษัทฯมีนโยบายจ่ายปันผลไม่ต่ำกว่า 30% ของกำไร ซึ่งเราประเมินว่าผลการดำเนินงานในงวดปีที่ผ่านมาจะมีกำไรต่อหุ้นเท่ากับ 13.73 บาท ดังนั้น คาดว่าจะมีการจ่ายปันผลประมาณ 4-5 บาท



เต๋อ

โพสต์ โดย เต๋อ » เสาร์ เม.ย. 12, 2003 11:06 am

ขอรบกวนถามพี่ๆหน่อยครับว่าราคาที่เหมาะสมควรจะเป็นประมาณเท่าไหร่ครับ



ล็อคหัวข้อ