เก่งหรือเฮง

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก
ล็อคหัวข้อ
non

เก่งหรือเฮง

โพสต์ โดย non » จันทร์ ต.ค. 27, 2003 11:32 pm

เมื่อไม่นานมานี่ซื้อหนังสือชื่อคล้ายๆหัวข้อมาอ่านแล้วรู้น่าสนใจว่า
เรื่องความน่าจะเป็นหรื่อความบังเอิญ เป็นที่ควรนำไปพิจารณาด้วยความรอบคอบ
เช่น คนมีความสามารถไม่มากเมื่ออยู่ถูกที่ถูกเวลาจะกลายเป็นคนเก่งไม่ยาก
เลยย้อนกลับมาดูตัวเอง ว่าในตอนนี้ลงทุนหุ้นได้กำไรพอสมควร เราเก่งหรือเฮง เวลาเราขาดทุน เราโง่หรือซวย ถ้าดร.เล่นหุ้นในช่วงปี 33-37จะเด่นเท่าตอนนี้หริอ แล้วเสื่ยสองมาในช่วง 40-44 ละ มันน่าคิดนะ

วันก่อนเคยพยายามถามว่าเพื่อนในห้องลงทุนกันเป็นอย่างไรบ้าง ผมเองพยายามเปรียบเทียบกับset เพื่อนในห้องแย้งว่าทำไมต้องไปเปรียบเทียบกันด้วย เราน่าจะพอใจที่ตัวเลขจำนวนหนึ่ง ทำให้งงตัวเองไปพักใหญ่ เออทำไมต้องเปรียบเทียบด้วย

เรื่องQC ของอุตสาหการ บอกว่า
ปรับปรุงได้ ต้องควบคุมได้
ควบคุมได้ ต้องวัดได้
ดังนั้น ปรับปรุงได้ ต้องวัดได้

ถ้าผมต้องการปรับปรุงการลงทุนของตัวเองต้องพยายามวัดความสามารถให้ได้ แล้วเรื่อง อนุกรมของเวลาและความบังเอิญผมจะทำอย่างไรกับมันดี ฮ่ะฮ่ะ ผมคิดไม่ออก ช่วยวิจารณ์ที เพื่อเห็นทางสว่าง :roll: :roll: :roll:



ake(taladhoon)

โพสต์ โดย ake(taladhoon) » อังคาร ต.ค. 28, 2003 10:39 pm

เท่าที่รู้มา ท่าน ดร.เล่นหุ้นมานานแล้วนี่ครับ ท่านมีชั่วโมงบินสูงมากแล้วนะครับ แล้วคุณรู้ได้งายว่าเสี่ยสองมาเล่นช่วงนี้จะเสียรายใหญ่เวลาเล่นจริงเค้าไม่กระโตกกระตากหรอกครับ เค้าได้เงินเท่าไรเค้าจะมาประกาศทำไมให้เรารู้

สมมติ(ผมสมมติจริงๆนะครับ)ผมบอกว่าผมได้กำไร 100% ถามจริงๆเหอะใครจะมาเชื่อครับ แล้วคำพูดของผมจะเชื่อได้แค่ไหน ซึ่งอันนี้ไม่สามารถบอกได้เลยว่าความจริงมันเป็นอย่างไร

****ผมเพิ่งเข้าใจกฎของพระพุทธเจ้าทรงห้ามพระสงฆ์ที่สำเร็จหรือบรรลุบอกกล่าวต่อบุคคลอื่นว่าตนเองสำเร็จแล้ว (ตลาดหุ้นนี่ทำให้ผมเข้าใจคำพูดของพระพุทธองค์ได้อีกขั้นหนึ่ง)

ผมว่าเวลาและโอกาส มีส่วน แต่ยังไง ความสามารถของคนน่าจะมีน้ำหนักมากที่สุด และต้องเป็นคนที่รู้จักใช้เวลาและโอกาส คนที่มีความสามารถหรือผู้นำจริงๆเค้าฉายแววมาแต่เด็กแล้วนะครับ ดูคุณ บิลเกตต์ สิครับ เป็นเจ้าของ microsoft เค้าก็ฉายแววมาตั้งแต่เด็กแล้ว ท่าน วอเรนท์ ท่านสำเร็จในการลงทุนท่านก็ฉายแววมาตั้งแต่ยังเด็ก ซึ่งเท่าที่อ่านคร่าวๆมาท่านเป็นนักลงทุนประเภทที่ใช้เทคนิคมาตั้งแต่เด็กแต่ คุณวอเรนบอกแล้วว่ามันไม่มีประโยชน์ เลยหาแนวทางใหม่มาลงทุนแทนซึ่งก็ทำให้ท่านประสบความสำเร็จมาถึงปัจจุบันนี้ ส่วนท่าน ดร.นิเวศน์ คุณคิดว่า ตำแหน่ง ดร. นี่ได้มาได้ง่ายๆเหรอครับ ผมว่าท่านเรียนจบ ดร. มานี่ก็เป็นข้อพิสูจน์ว่าท่านมีความสามารถแล้ว



ake(taladhoon)

โพสต์ โดย ake(taladhoon) » อังคาร ต.ค. 28, 2003 11:08 pm

ไม่ได้ต่อว่าอะไรนะครับ

แสดงว่าหนังสือเล่มนี้ต้องมีดีแน่ๆครับ ผมคงต้องหาซื้อมาเป็นเจ้าของซักเล่ม ทำให้คน 2 คนที่เห็นอ่านมีมุมมองแตกต่างกัน

ดีครับหนังสือที่สอนให้คิด



ake(taladhoon)

โพสต์ โดย ake(taladhoon) » พุธ ต.ค. 29, 2003 11:15 am

คนโง่แล้วชีวิตไปได้ดี ผมเห็นมีแต่ forest gump

คนอะไรทำอะไรก็เป็นเงินเป็นทอง ลงทุนในหุ้นขายผลไม้(แอปเปิ้ล) ก็เอาเรื่อง เป็นชาวประมงก็เก่งเหลือหลาย แถมยังช่วยทำให้คนอื่นรวยอีกตะหาก :lol: :lol: :lol:



คลายเครียด

โพสต์ โดย คลายเครียด » พุธ ต.ค. 29, 2003 11:54 am

พูดถึงเรื่องหนัง
ขอแจมด้วยครับ ของชอบ
ผมว่าในหนังเขาต้องการสื่อว่า
คนมันจะเฮง ทำอะไรก็เฮงวันยังค่ำ
คนเขาชวนฟอเรสต์ กัมพ์ซื้อหุ้น บริษัทแอปเปิ้ล คอมพิวเตอร์ จำกัด
เจ้าของแมคอินทอสอันเคยลือลั่น ตอนที่บริษัทเริ่มจะตั้งไข่
คุณกัมพ์เขาก็ซื้อเพราะนึกว่าเป็นบริษัทขายแอปเปิ้ล
ก็เลยรวยเละไม่รู้เรื่อง ฮาๆๆๆๆ



ake(taladhoon)

โพสต์ โดย ake(taladhoon) » พุธ ต.ค. 29, 2003 3:36 pm

ผมขอโทษครับที่ใช้คำผิดประเภท

เรื่องฟอเรสท์กัมพ์นี่เป็นนิยายที่เสียดสีประวัติศาสตร์อเมริกาช่วงนึง ผ่านตัวละครที่จำคำสอนของคุณแม่เค้าได้ว่า ชีวิตคนเราเหมือน ช๊อคโกแลตที่อยู่ในกล่อง ซึ่งเราหยิบแต่ละชิ้นขึ้นมาทานจะมีรสชาดไม่เหมือนกัน

ผมเพียงอยากเปรียบเทียบคุณกัมพ์ว่าเค้าเป็นคนที่ทำอะไรได้สำเร็จเพราะเวลา

ไม่รู้ว่าเค้าเป็นโรคอะไรไอคิวเค้าจะประมาณ 80 กว่า ต่ำกว่าเกณฑ์ที่วัดเปรียบเทียบว่าคนเราสามารถใช้ชีวิตในสังคมได้

เฮียคลายเคลียดนี่ถ้าคนแต่งยังอยู่ทันรู้จักความยิ่งใหญ่ของไมโครซอฟท์ แกอาจจะบอกว่าคุณกัมพ์มาลงทุนขายหน้าต่างก็ได้นะครับ
:P :P :P

แล้วหนังในดวงใจของเฮีย คลายเครียด คือเรื่องไหนเอ่ย อยากรู้จักจัง

ไปดูขุนศึกมาหรือยังครับ ใครที่อ่านบทประพันธ์ช่วยเปรียบเทียบให้ดูหน่อยสิครับว่า คนสร้างหนังเรื่องนี้ทำได้เหมือนจริงแค่ไหน

ผมไปดูแล้วติดใจมากครับเรื่องนี้



คลายเครียด

โพสต์ โดย คลายเครียด » พุธ ต.ค. 29, 2003 4:19 pm

คุณเอก
ตอนนี้นึกไม่ออกครับ เพราะมันมีมากมายหลายเรื่อง
แต่ผมไม่ค่อยประทับใจหนังเมดอินฮอลลีวู๊ดเท่าไรแฮะ

ถ้าเป็นหนังฝรั่งเศสเรื่องที่จำได้แม่นยำคือเรื่อง danton
นักปฏิวัติชาวฝรั่งเศสซึ่งจบชีวิตบนกิโยตีนด้วยฝีมือของ
โรเบส ปิแอร์สหายที่กลายมาเป็นศัตรู
ประโยคที่ผมจำได้แม่นยำคือประโยคที่ดังตองพูดเตือนสติโรเบสปิแอร์ว่า
"ท่านกลัวการกลับมาของทรราชย์ โดยการทำตัวเป็นทรราชย์ซะเอง"

พูดถึงหนังคาวบอยผมกลับประทับใจเรื่อง"จังโก้"ที่เล่นโดยฟรังโก เนโร
พยายามหาที่เป็นดีวิดี หรือวิซีดีมาทุกที่ ไม่เคยเจอเลย
เจอแต่จังโก้ที่เล่นโดยคนอื่น ซึ่งไม่ค่อยได้เรื่อง

เรื่องขุนศึกผมดูมาแล้วครับ ก็ชอบใจว่าเขาถ่ายทำได้ไม่แพ้หนังเทศ
ชอบทั้งไอ้เสมา ไอ้ขันท์ และแม่หญิงเรไร
สำหรับหนังสือ ผมไม่ได้อ่านครับ
ก่อนได้ดูหนัง ผมยังนึกว่า
เป็นเรื่องสมัยพระเจ้าตากสินกู้ชาติซะอีก
สำหรับผู้ประพันธ์เรื่องขุนศึก
คือ ไม้ เมืองเดิม
นามแฝงนี้ได้มาอย่างยอดเยี่ยมสมเป็นนักประพันธ์เอก
ชื่อจริงของท่าน คือ ก้าน พึ่งบุญ ณ อยุธยา
ก้านก็คือไม้ ส่วนอยุธยาก็คือ เมืองเดิม นั่นเอง
น่าเสียดายที่นักประพันธ์ของไทยยุคก่อน
มักจะได้แต่กล่อง ส่วนสำนักพิมพ์ได้เงินไป



บุคคลทั่วไป

โพสต์ โดย บุคคลทั่วไป » พุธ ต.ค. 29, 2003 10:17 pm

หนังที่พี่เจ๋งดูน่าจะชื่อ A beautiful mind ครับสนุกดีเหมือนกัน



บุคคลทั่วไป

โพสต์ โดย บุคคลทั่วไป » พุธ ต.ค. 29, 2003 10:29 pm

มีคนบอกว่าอัจฉริยะเป็นโรคประสาททุกคน หลายคนเป็นเกย์ บางคนจิตหลอน และส่วนใหญ่สื่สารกับคนร่วมอาชีพในยุคเดียวกันแทบไม่ได้ แต่จะต่างจากคนโง่ปัญญาอ่อนตรงที่ในที่สุดสิ่งที่เขาคิดนั้นมีเหตุผล และกลายเป็นผลงานชิ้นเอกของโลก อัจฉริยะมักจะพบในนักคณตศาสตร์ นักฟิสิกส์ นักดนตรี และ ศิลปิน



บุคคลทั่วไป

โพสต์ โดย บุคคลทั่วไป » พุธ ต.ค. 29, 2003 10:46 pm

ผมคงสื่อความไม่ค่อยดี และชอบforest gump ด้วยครับ ขอแก้ตัวใหม่
เนื่องจาก ผมลงทุนแล้ว ยังได้ไม่ดี ก็กำลังพยายามปรับปรุงอยู่
แนวทางในปัจจุบัน เป็นกลยุทธแบบก้นซิก้าร์ คือ หาซื้อหุ้นพอใช้ได้ ในราคาที่ถูก
แนวทางนี้ ผู้รู้บอกว่าไม่ถูกด้อง เมื่อเวลาผ่านไป ก็เห็นด้วย
แนวทางที่ควรจะเป็น คือ ซื้อหุ้นดีเยี่ยม ในราคายุติธรรม

เป็นแนวทางที่เขียนในบทความของ ดร.นิเวศน์ทุกประการ
โดยส่วนตัว นับถือแนวความคิด(เพราะไม่รู้จักตัวจริง) ทั้งวิธีการวิเคราะห์ และ การประกาศว่าตัวเองเป็นviพันธ์แท้
แต่ที่ตั้งคำถาม มิใช่ไม่เคารพ แต่เป็นตามแนวทางของพุทธะ อย่าเชื่อเพราะเคารพ

ปัญหา 1!
ผมไม่สามารถ หาหุ้นที่ดี ในราคายุติธรรมได้ (ความสามารถไม่ถึง)
ถ้าผมหาได้ จะมีปัญหาต่อว่า จะรู้ได้อย่างไรว่า มันเป็นของจริง ไม่ใช่บังเอิญ
นั่นคือที่มาของการพยายามอย่างมากในการหาเครื่องมือวัดให้กับตัวเอง

ปัญหา 2!
ผมเป็นคนชอบจิตวิทยา หากให้เพื่อในห้องวิเคราะห์ว่าผมมีนิสัยอย่างไร
เพื่อไว้ปรับปรุงตัว ขอบคุณ มากมาก :D :D



non

โพสต์ โดย non » พุธ ต.ค. 29, 2003 10:49 pm

ข้อความข้างบนของผมครับ :!:



non

โพสต์ โดย non » ศุกร์ ต.ค. 31, 2003 10:21 am

ขอบคุณครับ สำหรับทุกความเห็น



บุคคลทั่วไป

โพสต์ โดย บุคคลทั่วไป » ศุกร์ ต.ค. 31, 2003 2:08 pm

ทำอะไร "เก่ง" หรือ "เฮง" ก็ได้ผลดีต่อผู้ทำทั้งนั้น
ยังไงก็รักษาจังหวะการกระทำต่างๆ โดยเฉพาะการลงทุน ไว้ให้ดี
ไม่แน่ความ "เฮง" อาจกลายเป็น "เฮงซวย" ได้เช่นกัน... :roll:



บุคคลทั่วไป

โพสต์ โดย บุคคลทั่วไป » เสาร์ พ.ย. 01, 2003 2:36 am

จริงๆแล้วประเด็นหลักๆ คือ คนส่วนใหญ่นิยมวัดความสำเร็จจากอัตราผลตอบแทนและความเร็วครับยิ่งเร็ว ก็ยิ่งเก่ง ยิ่งสูงยิ่งมีคนยกย่องว่าเซียน จึงมักมีการเกทับกันระหว่าง VI และ สาย VS เนืองๆ แต่ในความเป็นจริง ตลาดมีคนอยู่แค่ 2 ประเภทครับ คือ ผู้ที่รอดกับผู้ที่ไม่รอดครับ

ถ้ามองในเชิงทฤษฎีการวิวัฒนาการเราจะมองไปในอีกมุมหนึ่งที่สำคัญกว่า ใครได้กำไรกว่ากัน คือ รอดหรือไม่รอด ในการวิวัฒนาการ สิ่งมีชีวิตที่อยู่รอดมาได้ ต้องผ่านเหตุการณ์ในด้านดีและร้ายสลับกันไป ในเหตุการณ์ที่ดีแน่นอนว่า ทฤษฎีการคัดเลือกพันธุ์ตามธรรมชาติซึ่ง เป็นส่วนหนึ่งของการวิวัฒนาการ ไม่ได้แสดงบทบาทเต็มที่ ส่วนในสถานการณ์ที่เลวร้าย ถ้าคุณผ่านไปได้ ก็ถือว่ารอด แต่ยังเร็วเกินไปที่จะดีใจครับในการรอดครั้งแรกๆ ตราบใดคุณยังอยู่ในตลาด มันก็ต้องมีเหตุการ์ดีๆร้ายๆ สลับกันไป มันก็ต้องมีเหตุการณ์ที่เป็นบททดสอบความอยู่รอด เหมือนกับที่เผ่าพันธุ์ไดโนเสาร์โดนดาวหางทดสอบ ถ้าเป็นในตลาดก็เหตุการณ์ต้มยำกุ้งไม่มีครับ vi ไม่มีครับ vs มีแค่รอดกับไม่รอด

การวัดผลภายใต้ความน่าเป็นในเหตุการณ์ต่อเนื่อง การมองผลลัพพ์ในช่วงแค่เวลาใดเวลาหนึ่ง ล้วนแต่นำมาซึ่งความผิดพลาด ไม่ว่าจะคุณจะชนะตลอด 1 เดือน 1 ปี 10 ปี หรือ 50 ปี ถ้าคุณยังไม่ได้เตรียมตัวที่จะรอด คุณก็อาจจะไม่รอด ตัวอย่างผู้ที่รอดในความคิดของผม คือ Peter Lynce ครับ ส่วน buffet ดร. หมอฟัน เสี่ยปู่ ผมว่าก็น่ารอดมากกว่าไม่รอด เพราะยิ่งรอดเหตุการณ์วิกฤตมามาก โอกาสจะรอดก็ยิ่งสูงครับ



+++unlog

โพสต์ โดย +++unlog » เสาร์ พ.ย. 01, 2003 11:16 pm

เล่มนี้แม่นบ่ ครับ

รูปภาพ



ล็อคหัวข้อ