ข้อคิดจาก Value Investing Made Easy ที่เข้ากับสถานการณ์
ข้อคิดจาก Value Investing Made Easy ที่เข้ากับสถานการณ์
- ขณะที่ตลาดกำลังทำจุดสูงสุดใหม่อยู่เรื่อย ๆ มันเป็นเรื่องง่ายที่จะลืมไปว่า เครื่องยนต์สามารถหยุดอย่างกระทันหันได้
- ในภาวะตลาดขาขึ้น หุ้นที่มีคุณค่าจะดูน่าเบื่อหน่าย ขณะที่หุ้นเก็งกำไรจะมีราคาเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่เมื่อไรที่ตลาดตกลง หุ้นที่มีคุณค่าจะเป็นเหมือนเพื่อนที่ไว้วางใจได้
- การควบคุมอารมณ์อย่างมั่นคง เป็นสิ่งเดียวที่จะปกป้องนักลงทุนจากการมองโลกสดสวยในยามที่ตลาดกำลังขึ้น และการดูอะไร ๆ เลวร้ายไปหมดในยามตลาดตกต่ำ อารมณ์ของนายตลาดจะส่งผลกับคนที่ไม่มีภูมิคุ้มกันเท่านั้น
- ในภาวะตลาดขาขึ้น หุ้นที่มีคุณค่าจะดูน่าเบื่อหน่าย ขณะที่หุ้นเก็งกำไรจะมีราคาเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่เมื่อไรที่ตลาดตกลง หุ้นที่มีคุณค่าจะเป็นเหมือนเพื่อนที่ไว้วางใจได้
- การควบคุมอารมณ์อย่างมั่นคง เป็นสิ่งเดียวที่จะปกป้องนักลงทุนจากการมองโลกสดสวยในยามที่ตลาดกำลังขึ้น และการดูอะไร ๆ เลวร้ายไปหมดในยามตลาดตกต่ำ อารมณ์ของนายตลาดจะส่งผลกับคนที่ไม่มีภูมิคุ้มกันเท่านั้น
Common Stocks and Uncommon Profits ทางสำนักพิมพ์ก็ดูๆอยู่ครับ แต่เกรงว่าหนังสือหนักๆแบบนี้อาจจะขายได้ไม่มากครับ เห็นช่วงนี้แนวเก็งกำไรขายดีมากครับ อย่างไรก็ตาม Common Stocks and Uncommon Profits ดีมากครับ จัดเป็น Top Five ได้เลยครับคุณ Kotaro ( จากการดูหนังสือแนวนี้กว่า 200 เล่ม) อ่านแล้วจะรู้ครับว่า ที่วอร์เรนเคยพูดไว้ว่า " I am 15 percent Philip Fisher and 85 percent Benjamin Graham" ไม่น่าจะใช่ความคิดของวอร์เรนตอนนี้ครับ วอร์เรนพูดประโยคนั้นในปี 1969 ตอนนั้นวอร์เรนอายุแค่ 39 และมีเงิน 25 ล้านเท่านั้นครับ ส่วนตัวผมว่า อย่างน้อยที่สุดต้อง 50 percent fisher ครับ ถ้าอยากให้แปล ต้องช่วยๆกันยุหน่อยครับ