บิ๊กซีฮุบอิมพีเรียลสำโรง
โดย ผู้จัดการรายวัน
นาย ประพันธ์ เอี่ยมรุ่งโรจน์ รองประธานอาวุโสฝ่ายพัฒนาธุรกิจและอสังหาริมทรัพย์ บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ขณะนี้บิ๊กซี ได้เช่าพื้นที่ที่อิมพีเรียล สำโรงเดิม เนื่องจากห้างสรรพสินค้าอิมพีเรียล ได้ยกเลิกสัญญากับเจ้าของตึก ซึ่งบิ๊กซี สนใจตลาดย่านสำโรงเป็นทำเลชุมชนขนาดใหญ่โดยบิ๊กซีได้เช่าพื้นที่ชั้น1 และชั้น 2 เนื้อที่ 15,000 ตร.ม. จากจำนวนพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 7 ชั้น เปิด
เป็นรูปแบบสโตร์มาตรฐาน ใช้งบปรับปรุงพื้นที่ 500 ล้านบาท ซึ่งพื้นที่ในส่วนพลาซ่าที่เคยมีอยู่ของอิมพีเรียล สำโรงเดิมนั้น คาดว่าทางเจ้าของตึกจะบริหารโซนพลาซ่าดังกล่าวต่อไป ทั้งนี้ บิ๊กซี พร้อมจะเปิดในเดือนต.ค.นี้ และจะเป็นสาขาที่ 38 ต่อจากสาขาฉะเชิงเทรา ที่จะเปิดในวันที่ 25 ก.พ.นี้
แนวการขยายสาขาในรูปแบบเข้ายึดพื้นที่ตัวตึกเดิมแล้วใช้เงินปรับปรุงใหม่นั้น สาขาที่สำโรงอาจจะ เป็นสาขาสุดท้ายของปีนี้ เพราะขณะนี้ยังไม่มีทำเล หรือพื้นที่ตัวตึกใดที่น่าสนใจเข้าเช่าพื้นที่ต่อ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การแข่งขันในย่านใกล้เคียงนี้จะมี่ความรุนแรงมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บิ๊กซี ซึ่งมีการลงทุนเปิดสาขาในย่านนั้นและใกล้เคียงหลายสาขาแล้วเช่น บิ๊กซีบางนา บิ๊กซีสุขุมวิทสายเก่า แยกศรีนครินทร์ บิ๊กซีบางพลี ล่าสุดคือ บิ๊กซีสำโรง ขณะที่ในย่านใกล้เคียงสำโรง มีค่ายคาร์ฟูร์เปิดบริการล่วงหน้าก่อนแล้วประมาณ 2 ปี และไกลออกไปอีกหน่อยบริเวณถนนศรีนครินทร์นั้นมีทั้ง แม็คโคร คาร์ฟูร์ และ เทสโก้โลตัส เปิดที่แยกเทพารักษ์
เล็งยึดหัวหาดภาคใต้
นายประพันธ์ กล่าวต่อถึงแนวโน้มการขยายสาขาต่อไปของบิ๊กซี ว่า หากเป็นตลาดที่ใหญ่ก็จะเป็นตามรูปแบบมาตรฐานเดิม แต่ถ้ามีพื้นที่จำกัด ก็จะผุดสาขารูปแบบ Compact Format พื้นที่ขายประมาณ 6,000 ตร.ม.โดยเฉพาะในตลาดต่างจังหวัดสนใจทำเลพื้นที่ 3 จังหวัดภาคใต้ คือ ยะลา ปัตตานี และนราธิวาส ซึ่งสาขาแบบนี้จะใช้เงินลงทุนประมาณ 320-350 ล้านบาท ต่อสาขา ซึ่งจะเริ่มเปิดสาขาแรกที่ จ.ปัตตานีก่อนใน
เดือนพ.ย.นี้เป็นสาขาที่ 39 ใช้เงินลงทุนประมาณ 320 ล้านบาท
สาเหตุที่บิ๊กซีเลือกเปิดใน จ.ปัตตานีก่อนเพราะเห็นว่าเป็นจังหวัดที่มีพื้นที่ติดต่อและเชื่อมโยงได้กับนราธิวาส และ ยะลา รวมทั้ง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลาด้วย ถึงแม้ว่าจะเป็นพื้นที่ ที่หลายฝ่ายมองว่าเสี่ยงต่อปัญหาความรุนแรง แต่พื้นที่ภาคใต้ตอนล่าง เป็นภาคที่มีกำลังซื้อของคนสูง และมีภาวะเศรษฐกิจดี แต่จะต้องปรับรูปแบบของสาขาในพื้นที่ภาคใต้ตอนล่างนั้นให้เหมาะสมกับวัฒนธรรมของคนท้องถิ่น โดยจะใช้พนักงานที่เป็นท้องถิ่น จัดกิจกรรมที่สอดรับกับความต้องการ และ จำหน่ายสินค้าที่เหมาะสมกับวัฒนธรรม อาทิ งดจำหน่ายกลุ่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอลล์ พร้อมทำให้ศูนย์อาหารที่เป็นอาหารอิสลาม มีเครื่องหมายฮาลาลด้วย
นอกจากนี้ยังมีแผนที่จะขยายสาขาเพิ่มในปี 2548 โดยเตรียมจะเปิดสาขาที่จ.สุรินทร์ และพื้นที่ เขตอ้อมใหญ่ จ.นครปฐม ซึ่งเป็น 2 พื้นที่ที่วางแผนไว้แน่นอนแล้ว และเป็นสาขาที่จะเปิดในรูปแบบมาตรฐาน
ล่าสุด เตรียมใช้งบประมาณ 10 ล้านบาท ทำการตลาดเพื่อเปิดตัวสาขา สาขาฉะเชิงเทรา เป็นสาขาที่ 37 วันที่ 25 ก.พ.นี้ ใช้งบลงทุน 320 ล้านบาท เนื้อที่ 27 ไร่ มีพื้นที่ขาย 6,000 ตร.ม. และมีพื้นที่พลาซ่า 1,100 ตร.ม. ซึ่งเป็นสาขาแรกที่เปิดเป็นรูปแบบ Compact Format คาดว่าจะมียอดขายเฉลี่ยต่อปี1,000 ล้านบาท จำนวนลูกค้า 150,000 คนต่อเดือน เนื่องจากจังหวัดดังกล่าวเป็นจังหวัดที่กลุ่มเป้าหมายมีกำลังซื้อสูงมาก และเป็นจังหวัดที่ยังไม่มีซูเปอร์สโตร์รายยักษ์ใหญ่มาเปิดเลย อีกทั้ง ยังจับมือร่วมกับกลุ่มเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ ผุดโรงภาพยนตร์จำนวน 5 โรง 1,572 ที่นั่ง ลานโบว์ลิ่ง 12 เลนด้วย