สงสัยเรื่อง EGCOMP
-
แฟน EGCOMP
สงสัยเรื่อง EGCOMP
สงสัยเรื่องภาษีมูลค่าเพิ่มของ กฟฝ กับ บริษัทผลิตไฟฟ้าครับ ช่วยอธิบายพร้อมกับวิเคาระห์ด้วยครับ
-
milmeg
-
chinn
กรุงเทพฯ--23 ก.พ.--ข่าวหุ้น
กฟผ.เจอทางตันปัญหาแวต 10,000 ล้านบาท ยังหาข้อสรุปไม่ได้ "คลัง-พลังงาน"ยังมองคนละประเด็น "สิทธพร" ยอมรับต้องรอผลตีความ วงในเชื่อหากสรุปกันไม่ได้ แผนแปรรูปกฟผ.ต้องเลื่อนแน่ เหตุกระทบความมั่นใจนักลงทุน ส่วนบอร์ดจำยอมทำเทนเดอร์หุ้นราชบุรี แต่ยังไม่มีทางออกหากถือเกิน 75 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่พนักงานรุกฮือขีดเส้นตายต้านเต็มที่ พร้อมถวายฎีกาค้านแผนแปรรูปกิจการ
-ภาษีหมื่นล้านค้ำคอ
นายสิทธิพร รัตโนภาส ผู้ว่าการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) เปิดเผยถึงกรณีปัญหาการค้างจ่ายภาษีมูลค่าเพิ่มมูลค่า 10,000 ล้านบาท ที่เกิดการโอนสินทรัพย์โรงไฟฟ้าระยอง และโรงไฟฟ้าขนอมให้กับบริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ EGCOMP ที่ล่วงเลยมากว่า 10 ปีว่า ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการตีความ เนื่องจากกระทรวงพลังงาน และกะทรวงการคลัง ต่างตีความกันคนละประเด็น จึงไม่มีข้อยุติเรื่องนี้แต่อย่างใด
ทั้งนี้การจัดส่งภาษีมูลค่าเพิ่มไม่ครบ เป็นผลมาจากสัญญาการซื้อขายไฟฟ้าระหว่างกฟผ.กับ EGCOMP เพราะสัญญาที่กฟผ.จ้างให้ EGCOMP ผลิตไฟฟ้า ที่ต้องไปตีความตามกฎหมายประกอบกับกฟผ.ซื้อก๊าซธรรมชาติจากบริษัท ปตท.จำกัด(มหาชน)หรือ PTT ในราคาถูกเพราะถือเป็นการซื้อขายแบบรัฐต่อรัฐ ขณะที่ผู้ผลิตไฟฟ้ารายอื่นๆไม่ว่าจะเป็นผู้ผลิตไฟฟ้ารายใหญ่ (IPP)และผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็ก(SPP) ซื้อก๊าซธรรมชาติจากปตท.ในราคาที่แพง
แหล่งข่าวจากกระทรวงพลังงาน กล่าวกับ"ข่าวหุ้นธุรกิจ"ว่า ประเด็นดังกล่าวถือว่ายังไม่มีการฟ้องร้องกัน เพราะถือเป็นสัญญาระหว่างรัฐต่อรัฐ อาจมีการเจรจาตกลงระหว่างกันได้ แต่ประเด็นสำคัญอาจไม่สามารถสรุปได้ทันก่อนกฟผ.แปรรูปได้เหมือนกัน นั่นหมายถึงแผนโรดโชว์อาจประสบปัญหาได้ เนื่องจากนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศต้องการทราบข้อสรุปเรื่องนี้อย่างแน่นอน เพราะตัวเลขสูงกว่า 10,000 ล้านบาท จึงเป็นไปได้ว่าแผนการกระจายหุ้นอาจต้องเลื่อนออกไปอีก เพื่อรอผลสรุปในเรื่องนี้อีกครั้ง
"ยอมรับว่ามีปัญหากับแผนแปรรูปกฟผ. อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะหากสรุปว่ากฟผ.ต้องจ่าย 10,000 ล้านบาท จะส่งผลกระทบต่อราคาและความเชื่อมั่นต่อการลงทุนในหุ้นกฟผ.เช่นกัน ที่สำคัญยังจะกระทบต่อหุ้นรัฐวิสาหกิจตัวอื่นๆที่จะเข้าตลาดในอนาคตด้วย "แหล่งข่าวกล่าว
รายงานข่าวระบุว่า กรมสรรพากรได้สอบถามเรื่องนี้กับเจ้าหน้าที่สรรพากรที่รับผิดชอบโดยตรงปรากฏว่าเป็นความผิดพลาดของกฟผ.ที่ไม่ได้เรียกเก็บภาษีขายขณะเดียวกันเอ็กโก้ก็ไม่ได้เรียกเก็บภาษีขายเมื่อขายไฟฟ้าคืนให้แก่กฟผ.ซึ่งถือเป็นความผิดพลาดของผู้บริหารกฟผ.ที่ไม่เข้าใจเพราะตามหลักการเมื่อมีการซื้อขายสินค้าระหว่างกันแล้วต้องยื่นใบกำกับภาษีแวตให้แก่กรมสรรพากรทุกเดือนเหมือนบริษัทห้างร้านอื่นๆทั่วไปที่มีการหักกลบระหว่างภาษีซื้อและภาษีขาย ที่เหลือก็มาขอคืนจากกรมสรรพากรได้
ทั้งนี้ถ้าไม่ออกใบกำกับภาษีต้องเสียเงินค่าปรับ 2เท่าของตัวภาษีที่ต้องชำระจากยอดขายที่ไม่ได้ออกใบกำกับภาษีและเงินเพิ่มอีก 1.5 เปอร์เซ็นต์ต่อเดือนของภาษีที่ต้องชำระซึ่งเท่ากับว่ากรณีดังกล่าวหากคิดภาษีหลีกเลี่ยงแค่10,000ล้านบาทแต่หากรวมค่าปรับเงินเพิ่มแล้วอาจต้องชำระให้กับสรรพากรถึง 30,000 ล้านบาทก็ได้
อย่างไรก็ตามนับตั้งแต่ กฟผ.โอนโรงไฟฟ้าให้ EGCOMPไม่เคยออกใบกำกับภาษีมูลค่าเพิ่มเพื่อเรียกเก็บจากEGCOMPขณะที่เอ็กโก้ไม่เคยออกใบกำกับภาษีขายจากการขายไฟฟ้าให้แก่กฟผ. นอกจากนี้ยังพบว่ากฟผ.ยังขายไฟฟ้าให้แก่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค(กฟภ.)และการไฟฟ้านครหลวง(กฟน.)ในราคาต่ำกว่าทุนและมีการขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มในบางรายการไม่ถูกต้องอีกด้วยทั้งหมดนี้ล้วนแต่มีความผิดตามกฎหมายของกรมสรรพากร-เทนเดอร์หุ้น RATCH
นายสิทธิพร กล่าวว่า จากกรณีนายกรัฐมนตรีให้กฟผ.และกระทรวงพลังงาน สั่งให้มีการทบทวนเรื่องการทำคำเสนอซื้อ(เทนเดอร์ออฟเฟอร์)หุ้น RATCH หลังจากกฟผ.ซื้อหุ้นจากบริษัท บ้านปู จำกัด(มหาชน)หรือ BANPU จนทำให้กฟผ.ถือหุ้นใน RATCH ประมาณ 60เปอร์เซ็นต์ ล่าสุดคณะกรรมการกฟผ.ได้อนุมัติให้มีการทำเทนเดอร์ออฟเฟอร์หุ้น RATCHเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งกฟผ.จะมีการกำหนดระยะเวลาการประกาศทำคำเสนอซื้ออีกครั้งหนึ่ง ส่วนราคาเทนเดอร์น่าจะอยู่ที่ระดับเดียวกับที่ซื้อจากกลุ่มบ้านปูหุ้นละ 43.86 บาทแต่จะเป็นจำนวนเท่าใดขึ้นอยู่กับนักลงทุนที่จะนำหุ้นมาขายให้กฟผ.อีกทีหนึ่ง
"กฟผ.ยืนยันที่จะคงสภาพ RATCH ให้อยู่ในตลาดต่อไป ซึ่งนั่นหมายถึงหากนักลงทุนเสนอขายหุ้น RATCH ให้กับกฟผ.จนทำให้สัดส่วนเกิน 75 เปอร์เซ็นต์ และเข้าข่ายต้องเพิกถอน กฟผ.จะหาวิธีการเพื่อให้หุ้น RATCH มีสภาพคล่องตามหลักเกณฑ์สำนักงานกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(กลต.)ต่อไป"นายสิทธิพรกล่าว
ขณะที่ก่อนหน้านี้กลต.ออกหนังสือชี้แจงว่า กรณีการทำทนเดอร์หุ้น RATCH เป็นการตัดสินใจของกฟผ.เอง ที่สามารถทำได้และกลต.ถือว่าไม่ขัดข้องกับเรื่องดังกล่าว เพราะถือเป็นการทำตามเกณฑ์ของกลต.อยู่แล้ว -โละพนักงานพันคน
นายสิทธิพร กล่าวอีกว่า บอร์ดกฟผ. มีมติอนุมัติโครงการเกษียณอายุก่อนกำหนด (เออร์ลี่รีไทร์) พนักงานกฟผ.ด้วยการตั้งงบไว้ประมาณ 4,000 ล้านบาท และคาดว่าจะมีพนักงานเข้าร่วมโครงการไม่ต่ำกว่า 1,000 คน จากพนักงานทั้งหมดของกฟผ.จำนวน 27,620 คน โดยจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 30 เท่าของเงินเดือนบวกเงินชดเชยตามกฎหมายอีก 6-8 เดือน นอกจากนี้บอร์ดกฟผ.ยังมีมติจ่ายโบนัสพนักงานช่วง 5 เดือน(ต.ค.46-ก.พ.47) อัตรา 1 เท่าของเงินเดือน เพื่อเตรียมพร้อมก่อนการแปรรูปของกฟผ.ต่อไป
ขณะเดียวกันพนักงานกฟผ.กลุ่มหนึ่งแสดงไม่พอใจเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ และคาดค้านการแปรรูปกิจการ และขอให้หยุดการขบวนการแปรรูป เพื่อรอจนกว่าจะมีวินิจฉัยจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ออกมาก่อน เนื่องจากช่วงที่ผ่านมา สหภาพกฟผ.ร่วมกันยื่นถวายฎีกาแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในนามเครือข่ายปกป้องไฟฟ้า ประปา เพื่อคัดค้านการแปรรูป ซึ่งเรื่องดังกล่าวผู้บริหารกฟผ.จะนำเรื่องดังกล่าวเสนอให้กับรัฐบาลเป็นผู้ตัดสินต่อไป--จบ--
กฟผ.เจอทางตันปัญหาแวต 10,000 ล้านบาท ยังหาข้อสรุปไม่ได้ "คลัง-พลังงาน"ยังมองคนละประเด็น "สิทธพร" ยอมรับต้องรอผลตีความ วงในเชื่อหากสรุปกันไม่ได้ แผนแปรรูปกฟผ.ต้องเลื่อนแน่ เหตุกระทบความมั่นใจนักลงทุน ส่วนบอร์ดจำยอมทำเทนเดอร์หุ้นราชบุรี แต่ยังไม่มีทางออกหากถือเกิน 75 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่พนักงานรุกฮือขีดเส้นตายต้านเต็มที่ พร้อมถวายฎีกาค้านแผนแปรรูปกิจการ
-ภาษีหมื่นล้านค้ำคอ
นายสิทธิพร รัตโนภาส ผู้ว่าการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) เปิดเผยถึงกรณีปัญหาการค้างจ่ายภาษีมูลค่าเพิ่มมูลค่า 10,000 ล้านบาท ที่เกิดการโอนสินทรัพย์โรงไฟฟ้าระยอง และโรงไฟฟ้าขนอมให้กับบริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ EGCOMP ที่ล่วงเลยมากว่า 10 ปีว่า ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการตีความ เนื่องจากกระทรวงพลังงาน และกะทรวงการคลัง ต่างตีความกันคนละประเด็น จึงไม่มีข้อยุติเรื่องนี้แต่อย่างใด
ทั้งนี้การจัดส่งภาษีมูลค่าเพิ่มไม่ครบ เป็นผลมาจากสัญญาการซื้อขายไฟฟ้าระหว่างกฟผ.กับ EGCOMP เพราะสัญญาที่กฟผ.จ้างให้ EGCOMP ผลิตไฟฟ้า ที่ต้องไปตีความตามกฎหมายประกอบกับกฟผ.ซื้อก๊าซธรรมชาติจากบริษัท ปตท.จำกัด(มหาชน)หรือ PTT ในราคาถูกเพราะถือเป็นการซื้อขายแบบรัฐต่อรัฐ ขณะที่ผู้ผลิตไฟฟ้ารายอื่นๆไม่ว่าจะเป็นผู้ผลิตไฟฟ้ารายใหญ่ (IPP)และผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็ก(SPP) ซื้อก๊าซธรรมชาติจากปตท.ในราคาที่แพง
แหล่งข่าวจากกระทรวงพลังงาน กล่าวกับ"ข่าวหุ้นธุรกิจ"ว่า ประเด็นดังกล่าวถือว่ายังไม่มีการฟ้องร้องกัน เพราะถือเป็นสัญญาระหว่างรัฐต่อรัฐ อาจมีการเจรจาตกลงระหว่างกันได้ แต่ประเด็นสำคัญอาจไม่สามารถสรุปได้ทันก่อนกฟผ.แปรรูปได้เหมือนกัน นั่นหมายถึงแผนโรดโชว์อาจประสบปัญหาได้ เนื่องจากนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศต้องการทราบข้อสรุปเรื่องนี้อย่างแน่นอน เพราะตัวเลขสูงกว่า 10,000 ล้านบาท จึงเป็นไปได้ว่าแผนการกระจายหุ้นอาจต้องเลื่อนออกไปอีก เพื่อรอผลสรุปในเรื่องนี้อีกครั้ง
"ยอมรับว่ามีปัญหากับแผนแปรรูปกฟผ. อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะหากสรุปว่ากฟผ.ต้องจ่าย 10,000 ล้านบาท จะส่งผลกระทบต่อราคาและความเชื่อมั่นต่อการลงทุนในหุ้นกฟผ.เช่นกัน ที่สำคัญยังจะกระทบต่อหุ้นรัฐวิสาหกิจตัวอื่นๆที่จะเข้าตลาดในอนาคตด้วย "แหล่งข่าวกล่าว
รายงานข่าวระบุว่า กรมสรรพากรได้สอบถามเรื่องนี้กับเจ้าหน้าที่สรรพากรที่รับผิดชอบโดยตรงปรากฏว่าเป็นความผิดพลาดของกฟผ.ที่ไม่ได้เรียกเก็บภาษีขายขณะเดียวกันเอ็กโก้ก็ไม่ได้เรียกเก็บภาษีขายเมื่อขายไฟฟ้าคืนให้แก่กฟผ.ซึ่งถือเป็นความผิดพลาดของผู้บริหารกฟผ.ที่ไม่เข้าใจเพราะตามหลักการเมื่อมีการซื้อขายสินค้าระหว่างกันแล้วต้องยื่นใบกำกับภาษีแวตให้แก่กรมสรรพากรทุกเดือนเหมือนบริษัทห้างร้านอื่นๆทั่วไปที่มีการหักกลบระหว่างภาษีซื้อและภาษีขาย ที่เหลือก็มาขอคืนจากกรมสรรพากรได้
ทั้งนี้ถ้าไม่ออกใบกำกับภาษีต้องเสียเงินค่าปรับ 2เท่าของตัวภาษีที่ต้องชำระจากยอดขายที่ไม่ได้ออกใบกำกับภาษีและเงินเพิ่มอีก 1.5 เปอร์เซ็นต์ต่อเดือนของภาษีที่ต้องชำระซึ่งเท่ากับว่ากรณีดังกล่าวหากคิดภาษีหลีกเลี่ยงแค่10,000ล้านบาทแต่หากรวมค่าปรับเงินเพิ่มแล้วอาจต้องชำระให้กับสรรพากรถึง 30,000 ล้านบาทก็ได้
อย่างไรก็ตามนับตั้งแต่ กฟผ.โอนโรงไฟฟ้าให้ EGCOMPไม่เคยออกใบกำกับภาษีมูลค่าเพิ่มเพื่อเรียกเก็บจากEGCOMPขณะที่เอ็กโก้ไม่เคยออกใบกำกับภาษีขายจากการขายไฟฟ้าให้แก่กฟผ. นอกจากนี้ยังพบว่ากฟผ.ยังขายไฟฟ้าให้แก่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค(กฟภ.)และการไฟฟ้านครหลวง(กฟน.)ในราคาต่ำกว่าทุนและมีการขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มในบางรายการไม่ถูกต้องอีกด้วยทั้งหมดนี้ล้วนแต่มีความผิดตามกฎหมายของกรมสรรพากร-เทนเดอร์หุ้น RATCH
นายสิทธิพร กล่าวว่า จากกรณีนายกรัฐมนตรีให้กฟผ.และกระทรวงพลังงาน สั่งให้มีการทบทวนเรื่องการทำคำเสนอซื้อ(เทนเดอร์ออฟเฟอร์)หุ้น RATCH หลังจากกฟผ.ซื้อหุ้นจากบริษัท บ้านปู จำกัด(มหาชน)หรือ BANPU จนทำให้กฟผ.ถือหุ้นใน RATCH ประมาณ 60เปอร์เซ็นต์ ล่าสุดคณะกรรมการกฟผ.ได้อนุมัติให้มีการทำเทนเดอร์ออฟเฟอร์หุ้น RATCHเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งกฟผ.จะมีการกำหนดระยะเวลาการประกาศทำคำเสนอซื้ออีกครั้งหนึ่ง ส่วนราคาเทนเดอร์น่าจะอยู่ที่ระดับเดียวกับที่ซื้อจากกลุ่มบ้านปูหุ้นละ 43.86 บาทแต่จะเป็นจำนวนเท่าใดขึ้นอยู่กับนักลงทุนที่จะนำหุ้นมาขายให้กฟผ.อีกทีหนึ่ง
"กฟผ.ยืนยันที่จะคงสภาพ RATCH ให้อยู่ในตลาดต่อไป ซึ่งนั่นหมายถึงหากนักลงทุนเสนอขายหุ้น RATCH ให้กับกฟผ.จนทำให้สัดส่วนเกิน 75 เปอร์เซ็นต์ และเข้าข่ายต้องเพิกถอน กฟผ.จะหาวิธีการเพื่อให้หุ้น RATCH มีสภาพคล่องตามหลักเกณฑ์สำนักงานกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(กลต.)ต่อไป"นายสิทธิพรกล่าว
ขณะที่ก่อนหน้านี้กลต.ออกหนังสือชี้แจงว่า กรณีการทำทนเดอร์หุ้น RATCH เป็นการตัดสินใจของกฟผ.เอง ที่สามารถทำได้และกลต.ถือว่าไม่ขัดข้องกับเรื่องดังกล่าว เพราะถือเป็นการทำตามเกณฑ์ของกลต.อยู่แล้ว -โละพนักงานพันคน
นายสิทธิพร กล่าวอีกว่า บอร์ดกฟผ. มีมติอนุมัติโครงการเกษียณอายุก่อนกำหนด (เออร์ลี่รีไทร์) พนักงานกฟผ.ด้วยการตั้งงบไว้ประมาณ 4,000 ล้านบาท และคาดว่าจะมีพนักงานเข้าร่วมโครงการไม่ต่ำกว่า 1,000 คน จากพนักงานทั้งหมดของกฟผ.จำนวน 27,620 คน โดยจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 30 เท่าของเงินเดือนบวกเงินชดเชยตามกฎหมายอีก 6-8 เดือน นอกจากนี้บอร์ดกฟผ.ยังมีมติจ่ายโบนัสพนักงานช่วง 5 เดือน(ต.ค.46-ก.พ.47) อัตรา 1 เท่าของเงินเดือน เพื่อเตรียมพร้อมก่อนการแปรรูปของกฟผ.ต่อไป
ขณะเดียวกันพนักงานกฟผ.กลุ่มหนึ่งแสดงไม่พอใจเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ และคาดค้านการแปรรูปกิจการ และขอให้หยุดการขบวนการแปรรูป เพื่อรอจนกว่าจะมีวินิจฉัยจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ออกมาก่อน เนื่องจากช่วงที่ผ่านมา สหภาพกฟผ.ร่วมกันยื่นถวายฎีกาแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในนามเครือข่ายปกป้องไฟฟ้า ประปา เพื่อคัดค้านการแปรรูป ซึ่งเรื่องดังกล่าวผู้บริหารกฟผ.จะนำเรื่องดังกล่าวเสนอให้กับรัฐบาลเป็นผู้ตัดสินต่อไป--จบ--