่คิิดอย่างไรกับหุ้นเบียรช้าง

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก
ล็อคหัวข้อ
Eak71(ไม่ได้ login)

่คิิดอย่างไรกับหุ้นเบียรช้าง

โพสต์ โดย Eak71(ไม่ได้ login) » อังคาร มิ.ย. 15, 2004 9:19 am

ถ้าหุ้นช้างเข้าตลาดจะเป็นอย่างไรครับ เวลาไปไหนๆ ก็เห็นคนกินแต่ช้าง แต่ตอนนี้ยอดขายตกลงเล็กน้อยเนื่องจากหยุดขายพ่วงแต่โซดาช้างไม่ได้เรื่องครับ ดูจากบทความจากผู้จัดการ 14/06/2004
----------------------------------------------------------
จากผู้จัดการ 14/06/2004
ในงานสัมมนา "Top Executives Networking Forum 2004" ซึ่งจัดโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย วันที่ 12 มิ.ย. นายเจริญ สิริวัฒนภักดี ประธานกรรมการบริษัทไทยเบฟเวอเรจ จำกัด เจ้าของผลิตภัณฑเครื่องดื่ม ช้าง เปิดเผยถึงแผนการนำบริษัทในกลุ่ม ซึ่งมีอยู่ 47 บริษัท เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยมีรายละเอียดซึ่งเรียบเรียงขึ้นจากการตอบคำถามของสื่อมวลชนดังนี้

"....ไทยเบฟ ฯ เป็นกิจการที่มีฐานการผลิตที่ใหญ่มาก เวลา นี้ก็กำลังขยายอีก 500 ล้านลิตร ที่กำแพงเพชร ซึ่งตั้งเป็นพิเศษเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ตอนนี้ไม่พอขาย ก็ต้องไปขยายอีก 500 ล้านลิตร เป็นฐานการผลิตที่ใหญ่มาก เราก็จำเป็นจะต้องขยายตลาดไปสู่ต่างประเทศ การขยายสู่ต่างประเทศก็จำเป็นจะต้องมีบริษัทอินเตอร์เนชั่นแนลเบเวอร์เรจ ก็คืออยู่ภายใต้ไทยเบฟฯ 100 เปอร์เซ็นต์ จดทะเบียนอยู่ที่ฮ่องกง อันนี้ก็เป็นบริษัทที่จะเตรียมส่งออกกระจายสินค้า รวมถึงจะได้ลงทุนในด้านฐานการผลิต ที่ไกลเกินไป เราขนแล้วจะไม่คุ้ม อันนี้ก็เลยทำให้แพกเกจนี้ใหญ่โตมโหฬาร ที่ปรึกษาการเงินที่ทำดิว ดีลิเจนต์ ก็ต้องให้ชัดเจนให้รอบคอบการที่ล่าช้า ไม่เกี่ยวข้องกับสภาพ ตลาดหุ้น

ผมคิดว่า เราเป็นของจริง ของจริงไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องตลาดลงตลาดขึ้น ของจริงสำคัญ แต่ของปลอมน่ะน่ากลัว เรามี ทั้งผลิต ทั้งขาย ทำอะไรทุกอย่าง มีบริษัทต่อเนื่องอีกหลายๆ อัน เช่น กากเบียร์ เราไม่ทิ้งไม่ขว้าง เอาไปอบแห้งส่งญี่ปุ่น ไปทำอาหารเสริม ขายได้ปีหนึ่งหลายร้อยล้านบาท บริษัทนี้ก็เข้าอยู่ในแพกเกจด้วย ซึ่งอันนี้ก็ทำให้รายได้แก่กลุ่มบริษัท

กากเบียร์ก็จะต้องมีการกรอง กรองเสร็จก็จะมีทราย ก็เป็นสุราหมัก แล้วก็ทิ้งไว้ ก็จะมีกลิ่นเหม็นมาก เป็นมลภาวะ เรา ก็ส่งทรายพวกนี้ไปอัดเป็นอิฐมอญขาย ซึ่งมีโรงงานอัดอิฐมอญ อยู่ในแพกเกจอันนี้ด้วย รวมไปถึงมีบริษัทจัดซื้อ โมลาส ที่จะทำ วัตถุดิบทำเหล้า บางครั้งวัตถุดิบ ราคาแพง หน้าแล้ง ฝนน้อย อ้อยน้อย จะแพงถึงหาบละ 180 บาท ยามที่ปกติก็ 50 บาท ราคาต่างกันตั้ง 130 บาท ปีหนึ่งเราต้องใช้ตั้ง 30 ล้านหาบ ก็แพงขึ้นตั้งหลายพันล้าน เราก็มีบริษัทดูแล ซึ่งเป็น บริษัทไทยโมลาส

เรามีบริษัทที่จะจัดซื้อขวดที่จะมาใช้ ทั้งขวดใหม่ขวดเก่า ตัวนี้ก็เป็นตัวลดต้นทุน

ยังมีบริษัทที่เราทำขึ้นเป็นพิเศษโดยเฉพาะเกี่ยวกับคุณภาพของสุราไทยที่ดื่มแล้ว คนดื่มสุราไทยกับสุรานอก สังเกต ดื่มสุราของกลุ่มเรานี่ ตื่นเช้าจะไม่ปวดหัว แต่สุราคนอื่นดื่มแล้วปวดหัว เราเอามาแยกสารฟิวชั่นออยล์ ต่างหาก เราไม่เอามาปน อันนี้ก็เป็นบริษัท ธนศิลป์ ดูแลอยู่ แล้วก็อยู่ในแพกเกจด้วย

บริษัทย่อยๆ ที่มีธุรกิจเกี่ยว เนื่องกันเหล่านี้ มี 47 บริษัท อยู่ ในนี้หมด ก็เรียกว่าไทยเบฟฯ ตัวโค้ดที่จะเข้าตลาดก็คือ CHANG ซึ่งการเข้าตลาดเราจะต้องทำให้ดีและมั่นคง ไม่ใช่ว่า เอ๊ะ เราจะรีบฉกฉวยโอกาส ไม่ใช่

เราเข้าตลาดเพื่ออะไร เพื่อให้ชาวโลกรู้ว่าในเมืองไทยเราก็มีไทยเบฟฯ ซึ่งเป็นเหล้าไทย เบียร์ ไทยที่มีคุณภาพ ที่มีไซส์ที่ใหญ่ไม่แพ้ซานมิเกล ไม่แพ้จอห์นนี่ วอล์กเกอร์ ไม่แพ้ยี่ห้อดังๆ ของ โลก คนไทยก็มี อันนี้ก็เป็นเรื่องที่ทำให้ต้องเข้าตลาด

ข้อที่ 2 เราจะไปแลกหุ้นกับใคร ซื้อขายกับใคร เราก็ไม่เสียเปรียบ เพราะถ้าเราไม่เข้าตลาด เขาเข้าตลาด เราก็เสียเปรียบ เราไปแลกเราก็เสียเปรียบ ต่างคนต่างเข้าตลาดมันก็มาวัดกันด้วยมาร์เกตแคป ก็ไม่เสียเปรียบ อันนี้คือจุดประสงค์จริงๆ คือต้องการจะสร้างเสถียรภาพให้กับบริษัท

อันที่ 3 ที่จะเข้าตลาดที่จะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง และเป็นระยะยาว ก็คือว่า เราเข้าตลาดปุ๊บ เราก็จะได้สรรหาบุคลากรที่ ถนัดในสาขานั้นก็ให้เข้ามาช่วย ก็ เป็นยุคหนึ่งซึ่งเป็นยุคที่มีความรอบรู้ มีความรู้เกี่ยวกับในด้านระยะยาว และในด้านที่โลกเปลี่ยนแปลง ทั้ง 3 อย่างนี้ก็จะส่งให้เกิดความมั่นคงยิ่งขึ้นนะครับ

สำหรับกำหนดเวลาที่จะเข้าตลาดเป็นเมื่อไรบริษัทการเงินเขากำลังดิว ดีลิเจนต์อยู่ เสร็จเมื่อไรเราเข้าเมื่อนั้น ไม่มีการดึง หรือไม่มีการที่จะต้องมาชะลอ

47 บริษัทในไทยเบฟฯ จ่าย ภาษีให้รัฐบาลปีหนึ่งถึง... 60,000 ล้านบาท มีทุนจดทะเบียนอยู่ 22,000 ล้านบาท ณ ปัจจุบัน แต่ก็มีเงินกู้ มีลูกหนี้ เจ้าหนี้ อยู่ ประมาณ 50,000 ล้านบาท ซึ่งทั้ง 2 ตัวนี้จะมองชัดว่าการที่จะเข้าตลาดเพื่อจะระดมทุนนั้นก็เพื่อจะลดเรื่องเงินกู้ โดยเฉพาะถ้าบริษัทไม่มีเงินกู้ก็จะยิ่งมั่นคงขึ้น จะยิ่งทำให้แข็งแรงขึ้น ส่วนรายละเอียดที่จะเกี่ยวข้อง ขนาดอย่างไร ก็เป็นอีกขั้นหนึ่งที่บริษัทการเงินเขากำลังวิเคราะห์ให้

การเข้าตลาดก็คงต้องมีการเพิ่มทุนใหม่ หุ้นใหม่ที่จะทำ ให้ขายในราคาที่มีมูลค่าและเข้ามาในบริษัท เพื่อที่จะได้นำไปชำระเงินกู้ครับ

จำนวนหุ้นที่จะนำออกกระจาย ตามกฎ ก.ล.ต. ก็ต้อง ไม่น้อยกว่า 15 เปอร์เซ็นต์ เรามี 20,000 กว่าล้านหุ้น ก็ตก 3,000 กว่าล้านหุ้น แล้วหุ้นจดทะเบียนเพียงบาทเดียว

บริษัทที่ฮ่องกง-คล้ายๆ กับเป็นบริษัทที่เป็นฐานที่จะส่งออกนอกแล้วก็ลงทุน คือได้ตั้งเป็นบริษัทอินเตอร์เนชั่นแนล เบเวอร์เรจ จำกัด อันนี้จดทะเบียนที่ฮ่องกงนะครับ ไทยเบฟฯถือ 100 เปอร์เซ็นต์

เวลานี้เพิ่งจะเริ่มและจะต้อง มาเตรียมเรื่องต่างๆ เราตั้งใจอยากจะส่งมากที่สุด ต้องมาคิด ถึงเรื่องปริมาตร จำนวนน้ำเบียร์ที่เราเหลือด้วย และคำนึงถึงสิ่งต่างๆ ในด้านเกี่ยวกับกำลังการผลิต เพราะการทำของดื่มมันจะต้องคุมให้คุณภาพคงที่ ไม่ใช่ว่าขายดีแล้วซี้ซั้วผลิตไม่ได้ อันนี้ก็ต้องละเอียดอ่อน เรื่องพวกนี้เพียงแต่ว่า ให้มองภาพว่า เรามีความคิดความอ่าน แล้วสิ่งต่างๆ ก็คล้ายๆ ว่ามีการคิดถึงเรื่องสร้างความมั่นคงให้กับสถาบันที่เราก่อตั้งขึ้น แล้วการมั่นคงไม่ใช่การมั่นคงชั่วประเดี๋ยวประด๋าว ต้องชั่วระยะยาวและต่อเนื่อง

โครงการที่จะทำนิคมอุตสาหกรรมปลอดภาษีอยู่ใน แพกเกจ 47 บริษัทนี้ด้วย เราต้องช่วยรัฐบาลคิด ช่วยประเทศคิด เพราะเวลานี้กลุ่มอื่นๆ ของต่างประเทศ สมมติถ้าขนมอลต์จากสกอตแลนด์เข้ามา ต้องเสียภาษี 60 เปอร์เซ็นต์ ก็เลยใช้อาศัยช่องว่างทางกฎหมาย คือ เขตการค้าเสรีอาฟตา ก็ขนไปที่ฟิลิปปินส์ ไปผลิตที่ฟิลิปปินส์ ขนเข้ามาก็เสียภาษี 5 เปอร์เซ็นต์ อันนี้กฎหมายเขาเปิดช่องให้อยู่แล้ว ทางกลุ่มก็คิดว่ามันเป็นเรื่องที่น่าเสียดาย เพราะว่าประเทศของเรามีทั้งวัตถุดิบเพียบพร้อม ไม่ต้องไปซื้อกับต่าง ชาติเลย สอง เรามีแรงงานที่พร้อม โรงงานก็พร้อม ทำไมไม่เปิดโอกาสให้มีการตั้งพื้นที่เขตปลอดภาษีอากร เพื่อที่จะได้มีโอกาสให้กับคนไทย ไม่ต้องไปอ้อม หรือต่างชาติจะเข้ามาค้าขาย ก็เข้ามาค้าขายตรงๆ ไม่ต้องเลี่ยง ไปเลี่ยงมา ทำให้การเติบโต หรือการบริหารของประเทศไม่มั่นคง

ผมก็เลยคิดว่าควรจะแนะนำรัฐบาลว่าควรจะให้มองอันนี้ และควรตั้งอันนี้ให้เป็นกิจลักษณะเพื่อจะได้ดูแล และอย่างน้อยที่สุดต่างชาติก็จะได้เข้ามาลงทุน เพราะประเทศเรา ทั้งในด้านอาหารการกิน ทั้งในด้านคน ทั้งในด้านจิตใจ ทั้งในด้านอุดมการณ์ทางศาสนา อันนี้ก็จะเป็นการได้เปรียบให้กับประเทศด้วย

อันนี้เลยทำให้รัฐบาลนำเรื่องไปคิด ก็รู้สึกจะทำให้มีการเปิดโอกาสให้คนเข้ามาตั้ง ถ้าเข้า มาตั้งไทยเบฟฯก็ต้องไปขอแน่นอน เพราะเนื่องจากไทยเบฟฯ มีความพร้อม เพราะไทยเบฟฯเรามีโรงงานสุรา เรามีสุราเก็บบ่มมากกว่า 10 ปี จำนวนเยอะมาก เรามีถังไม้โอ๊ก เรามีโรงงานถังไม้โอ๊กอยู่ในบริษัทธุรกิจต่อเนื่อง โรงงานทำถังไม้โอ๊กเราก็เรียกได้ว่าใหญ่อันดับ 3 ของโลก ของโลกใหญ่ที่สุดคือ ที่เคนทักกี เมืองไทยอันดับ 3 วันหนึ่งผลิตได้หลายหมื่นใบ และเรามีถังเก็บบ่มถึง 600,000 ใบ ใหญ่มากๆ "
-----------------------------------------------------------



Anti

โพสต์ โดย Anti » อังคาร มิ.ย. 15, 2004 11:00 pm

อยากรู้จริง ธุรกิจ เหล้า บุหรี่ ถ้ามี Product ในประเทศมากๆ (ประชาชนเสพ ดื่มมากๆ) จะเป็นยังไง

ไม่เห็นด้วยกับธุรกิจแบบนี้ครับ มองหาข้อดีให้สังคมได้น้อยมาก :?

จำกัดการผลิตน่าจะทำประโยชน์ ให้แก่ประเทศชาติมากกว่านะ

แต่ถ้ามองในแง่นักลงทุนอาจดูว่าดีก็ได้ครับ :cry:



lychee not log in

โพสต์ โดย lychee not log in » อังคาร มิ.ย. 15, 2004 11:27 pm

ผมว่าภาษี 6 หมื่นกว่าล้านต่อปีของเบียร์ช้างนั้น รวมภาษีสรรพสามิตด้วยนะ
ซึ่งน่าจะก้อนใหญ่กว่าภาษีเงินได้ และเลี่ยงยาก ส่วนภาษีเงินได้นั้นก็คงเลี่ยงพอสมควร ทำไมเขาถึงมี 47 บริษัท ก็คือซื้อมาขายไป อย่างไทยโมลาสซื้อโมลาสมีแล้วขายต่อให้โรงงานผลิตเหล้า

นี่คงไม่รวมบริษัทต่าง ๆ ที่น้อง ๆ ทำอยู่ เช่นบริษัทเคมีขายโซดาแอช ให้โรงงานทำขวด บริษัทค้ากระดาษหรือผลิตกระดาษที่ทำลัง บริษัทค้ากระดาษพิมพ์ฉลากและอาจจะมีโรงพิมพ์

แต่ผมว่าถึงจุดที่เลี่ยงยากมากขึ้น ดังนั้นบริษัทขนาดนี้ก็ควรทำให้สะอาด แล้วก็ทำกำไรโดยการเข้าตลาด

คุณเจริญมีชื่อเสียงในความเป็นคนดีในหมู่คนจีน คนทรงวาด และกตัญญูมาก
ดูแลพี่น้อง คุณแม่ ขนาดจ้างเพื่อนบ้านเก่าแก่ให้อยู่เป็นเพื่อนกับคุณแม่

แกเป็นคนเก่ง และใช้คนเก่งครับ เรื่องบริหารไม่น่าห่วง



Eak71 (not log in)

โพสต์ โดย Eak71 (not log in) » พุธ มิ.ย. 16, 2004 12:30 pm

สงสัยผมจะต้องไปหาข้อมูลเชิงลึกบ้างแล้วล่ะครับ มัวแต่ฝันหวานมานาน....ดื่มเบียร์ช้างมากๆ ตอนเช้าปวดทั้งตัว...ยังไม่รวมปวดหัว สู้สิงห์ไม่ได้ครับ



ล็อคหัวข้อ