เรื่องของ Buy&Hold กับ Passive Investor/OutOfMyMind

บทความต่างๆที่ตีพิมพ์ใน ThaiVI คุณสามารถแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม
ตอบกลับโพส
Thai VI Article
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
กระทู้: 1243
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ก.ค. 11, 2012 10:42 pm

เรื่องของ Buy&Hold กับ Passive Investor/OutOfMyMind

โพสต์ โดย Thai VI Article » พุธ ก.ย. 19, 2012 11:28 am

โค้ด: เลือกทั้งหมด

          กลยุทธ์  Buy & Hold  เป็นวิธีที่ชาว Passive Investor ชอบใช้  ความหมายโดยรวมก็คือการเคลื่อนไหวตัวให้น้อยที่สุด  มีบางคนพยายามอธิบายว่า Passive Investing คือการเชื่อในความมีประสิทธิภาพของตลาด  จึงพยายามทำเงินจากตลาดด้วยการมองภาพรวม  เช่น  สร้างพอร์ตที่สอดคล้องกับดัชนีตลาด  แล้วปล่อยให้มันขึ้นลงไปพร้อมกัน  เพราะเรารู้ดีว่าในระยะยาว  ตลาดหุ้นย่อมทำเงินได้ราว 6-7% ต่อปี  หากรวมปันผลด้วยก็น่าจะได้ราว 10%  ซึ่งต่างกับ Active Investor ที่มุ่งค้นหาหุ้นที่จะเอาชนะตลาดได้ แล้วเลือกลงทุนเป็นตัว ๆ ไป  และเพราะไม่ต้องทำอะไรมาก  เน้นลงทุนกับการเคลื่อนไหวให้น้อยที่สุด  นักลงทุนแบบ Passive จึงถูกเรียกอีกอย่างว่า Couch Potato (มันฝรั่งนั่งเก้าอี้)  ซึ่งเป็นแสลงหมายถึงคนที่ไม่ทำอะไรเอาแต่นั่งเก้าอี้ดูทีวีทั้งวัน  

         อย่างไรก็ตาม  ยังมีอีกกลุ่มที่เป็น Value Investor ที่ทำตัวคล้าย Passive Investor เมื่อมองแบบผิวเผิน  แต่ต่างกันมากในรายละเอียด  เพราะ นักลงทุนแบบเน้นคุณค่าจะทำการศึกษาบริษัทอย่าง Active เน้นการวิเคราะห์และเข้าใจบริษัทในเชิงลึก  เพื่อเลือกเฟ้นบริษัทที่ดีที่สุดสำหรับลงทุน  และเข้าซื้อเมื่อราคาต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง  จากนั้นจึงเข้าสู่ขั้นตอน Buy & Hold  และปล่อยให้บริษัทดำเนินกิจการไป  ราคาในตลาดก็อาจผ่านความผันผวนไป  โดยทำตัวนิ่งๆ ไม่ไหวติง  แต่จริง ๆ แล้วแอบติดตามความเคลื่อนไหวของธุรกิจไปเรื่อยๆ  และถือหุ้นต่อไป   ตราบเท่าที่กิจการยังดี  

         จึงเห็นว่า Passive Investor แบบแรกที่เชื่อว่าตลาดมีประสิทธิภาพนั้น  ต่างกับ Passive Investor แบบเน้นคุณค่า  เพราะแบบแรก  ไม่รู้จักบริษัทที่ตนลงทุน  รู้แต่ภาพรวมกว้าง ๆ ของตลาดหุ้น  แต่แบบหลังเน้นที่การรู้จักบริษัทที่ตนเองลงทุนก่อนจึงจะลงทุน  อย่างไรก็ตาม  

         โดยรวมนั้น Passive Investment มักถูกเข้าใจผิดจากนักลงทุนที่แท้จริงแล้วคิดอยากจะเป็น Active Investor โดยลงทุนตามข่าวและลุ้นที่ราคาหุ้น  แต่แล้วติดหุ้นจนต้องถือยาวจึงบอกกับตัวเองว่านั่นคือการเปลี่ยนกลยุทธ์เป็น Passive Investor เสมอ  เพราะแบบนั้นไม่เข้ากับทั้ง 2 กรณีของ Passive Investing เลย 
[/size][/size]



ตอบกลับโพส