โค้ด: เลือกทั้งหมด
ทักษะแห่งอนาคตใหม่ วิวรรณ ธาราหิรัญโชติ CFPTM
ดิฉันขอแนะนำหนังสือดีเล่มหนึ่งคือ “ทักษะแห่งอนาคตใหม่ : การศึกษาเพื่อศตวรรษที่ 21” แปลมาจาก 21st Century Skills: Rethinking How Students Learn ซึ่งรวบรวมบทความและข้อคิดเห็นของผู้เชียวชาญด้านการศึกษาและพัฒนาการของเด็กและเยาวชน และการพัฒนาครู ของสหรัฐอเมริกา ในเรื่องเกี่ยวกับการปรับการศึกษาให้กับเด็กอเมริกัน เพื่อให้มีทักษะที่จะอยู่ในศตวรรษใหม่นี้อย่างเหมาะสม
หนังสือเล่มนี้แบ่งออกเป็น 14 บท แต่ละบทสามารถอ่านแยกได้ บทที่อยากนำมาเน้นในวันนี้ คือบทที่ 1 บทที่ 3 และบทที่ 5 ค่ะ
ในบทที่หนึ่งกล่าวถึงจิตห้าลักษณะสำหรับอนาคต ประกอบด้วย จิตเชี่ยวชาญ จิตรู้สังเคราะห์ จิตสร้างสรรค์ จิตรู้เคารพ และจิตรู้จริยธรรม
จิตเชี่ยวชาญ หรือ Disciplined Mind ซึ่งความเชียวชาญเกิดจากการอบรมสั่งสอน และจากการฝึกฝนเรียนรู้ด้วยตนเอง โดยทั่วไปความเชี่ยวชาญจะเกิดหลังจากใช้เวลาฝึกประมาณ 10 ปี แต่วิทยาการของการเรียนการสอนโดยใช้คอมพิวเตอร์ ทำให้เราเกิดความเชี่ยวชาญได้เร็วขึ้น อาจลดเวลาได้ถึงครึ่งหนึ่ง
ผู้เขียนเห็นว่า เราจำเป็นต้องให้การศึกษาอย่างต่อเนื่องแก่ตนเองและผู้อื่น ความชำนาญจะเกิดเมื่อเรามีวินัย คือฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง เพื่อพัฒนาความชำนาญให้เป็นเลิศเสมอ และเสริมด้วยว่า ในทุกวันนี้ ความเชี่ยวชาญมากกว่าหนึ่งสาขาเป็นที่ต้องการอย่างมาก
จิตรู้สังเคราะห์ หรือ Synthesizing Mind หมายถึงจิตที่สำรวจแหล่งข้อมูลต่างๆและสามารถนำมาผสมผสานกันได้อย่างมีเหตุมีผล ซึ่งผู้สังเคราะห์ต้องตระหนักว่าสิ่งใดเหมาะสมสำหรับตนเองและผู้อื่นที่จะใช้ประโยชน์จากงานนั้น
จิตสร้างสรรค์ หรือ Creating Mind ผู้มีจิตสร้างสรรค์จะรู้จักคิดนอกกรอบ เพื่อค้นหาหนทางใหม่ขึ้นมา ผู้ที่ปรารถนางานที่ล้ำเลิศต้องมีบุคลิกภาพและวุฒิภาวะทางอารมณ์ที่แข็งแกร่ง และนักสร้างต้องกระหายที่จะเสี่ยง กล้าที่จะล้มและลุกขึ้นพร้อมรอยยิ้มและสู้อีกครั้ง
จิตรู้เคารพ หรือ Respectful Mind ประสบการณ์ส่วนตัว ทัศนคติของคนใกล้ชิดและผู้อาวุโสที่ใกล้ชิดจะเป็นตัวกำหนดว่าเราจะชื่นชม เทิดทูน เคารพ หรือ เกลียด กลัว หลีกเลี่ยง คนหรือกลุ่มใดหรือไม่
ผู้มีจิตเคารพ สามารถเปิดใจต้อนรับบุคคลและกลุ่มบุคคลที่หลากหลาย อยากพบ อยากทำความรู้จัก และชื่นชอบผู้มาจากแดนไกล และจะเชื่อว่า ความหลากหลายเป็นสิ่งที่ดี และโลกจะน่าอยู่มากขึ้นหากเรารู้จักเคารพซึ่งกันและกัน
สุดท้ายคือ จิตรู้จริยธรรม หรือ Ethical Mind ซึ่งผู้มีจิตรู้จริยธรรมจะนึกถึงตนเองในบริบทที่เป็นสากล สามารถนึกถึงตนเองในเชิงนามธรรมได้ จิตรู้จริยธรรมมีรากฐานมาจากการกระทำของผู้ใหญ่ที่น่าเคารพในบ้าน ในโรงเรียนและในชุมชน
ทั้งนี้ นอกจากจะรักษาจริยธรรมของตนให้อยู่ในกรอบแล้ว เรายังต้องขยายความรับผิดชอบออกไปให้ครอบคลุมสังคมที่เราเป็นสมาชิกด้วย
ในบทที่ 3 ซึ่งเปรียบเทียบกรอบความคิดสำหรับทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 ผู้เขียนให้เหตุผลว่า เราต้องพัฒนาทักษะให้เป็นแบบศตวรรษที่ 21 เนื่องจากเทคโนโลยีสารสนเทศมีความก้าวหน้า คอมพิวเตอร์และเทคโนโลยี ขยายขีดความสามารถจนสามารถทำงานแทนคนได้ งานในอนาคตจึงเป็นงานที่คอมพิวเตอร์ไม่สามารถทำแทนได้ เช่น การคิดอย่างผู้เชี่ยวชาญและการสื่อสารอันซับซ้อน
ทักษะที่จำเป็นในศตวรรษที่ 21 ประกอบด้วย การค้นพบวิธีแก้ไขปัญหาด้วยตนเอง เมื่อวิธีการแบบที่เป็นมาตรฐานไม่สามารถใช้ได้ผล ทักษะความร่วมมือทำงานเป็นทีม การทำงานโดยใช้ปฏิสัมพันธ์ผ่านสื่อ ความสามารถในการกรองข้อมูลมหาศาลที่ไหลเข้ามาอย่างรวดเร็ว และการเลือกสกัดข้อมูลที่มีความสำคัญต่อการตัดสินใจ
สำหรับ ในด้านเนื้อหาการเรียนรู้ สำหรับศตวรรษที่ 21 ประกอบด้วย จิตสำนึกต่อโลก ความรู้พื้นฐานด้านการเงิน เศรษฐกิจ ธุรกิจ การเป็นผู้ประกอบการ ความรู้พื้นฐานด้านพลเมือง และความตระหนักในสุขภาพและสวัสดิภาพ
นอกจากวิชาการแล้ว ยังต้องมีทักษะการเรียนรู้และการคิด รู้จักใช้สิ่งที่เรียนมาอย่างมีประสิทธิผลและสร้างสรรค์ คือ การคิดเชิงวิพากษ์ ทักษะการแก้ปัญหา ทักษะการสื่อสาร ทักษะการสร้างสรรค์และการผลิตนวัตกรรม ทักษะการทำงานร่วมกัน ทักษะการเรียนรู้ตามบริบท ทักษะพื้นฐานด้านข้อมูลและสื่อ
สำหรับทักษะชีวิตที่ควรมี ได้แก่ ความเป็นผู้นำ ความมีจริยธรรม การรู้จักรับผิดชอบ ความสามารถในการปรับตัว การรู้จักเพิ่มพูนประสิทธิผลของตนเอง ความรับผิดชอบต่อตนเอง ทักษะในการเข้าถึงคน ความสามารถในการชี้นำตนเอง และความรับผิดชอบต่อสังคม
ในบทที่ 5 ผู้เขียนได้ยกตัวอย่าง 4 วิสัยทัศน์ด้านการศึกษาของสิงคโปร์ ในการเตรียมประเทศให้พร้อมสู่ศตวรรษที่ 21 คือ
วิสัยทัศน์เพื่อชาติ : โรงเรียนนักคิด ประเทศแห่งการเรียนรู้ โดยมีการสร้างชุดทักษะชีวิตที่สำคัญให้แก่นักเรียน อันประกอบด้วย การคิด การสร้างสรรค์ การแก้ไขปัญหา สร้างเจตคติในการทำงานร่วมกันและความสนใจใฝ่รู้ และสร้างนิสัย เรื่องความอดทนต่อความไม่ชัดเจน และความเพียรพยายาม
วิสัยทัศน์เพื่อการศึกษา: สอนให้น้อยลง เรียนรู้ให้มากขึ้น เน้นการสร้างทักษะในการเรียนรู้และนวัตกรรม ทักษะการทำงาน ทักษะด้านสารสนเทศ สื่อ และเทคโนโลยี และทักษะชีวิตที่ใช้ได้จริง กับครอบครัว โรงเรียน ชุมชน รัฐ และประเทศชาติ โดยการ”สอนให้น้อยลง” หมายถึงใช้วิธีสอนที่หลากหลายและลึกขึ้น “เรียนรู้ให้มากขึ้น” เพื่อให้สอดคล้องกับโลกดิจิตอล ที่การเรียนรู้เกิดขึ้นได้ทุกที่ทุกเวลา
วิสัยทัศน์เพื่อการปฏิบัติ : ตึง หย่อน ตึง คือมีความยืดหยุ่นพอที่จะรับมือกับความต้องการอันหลากหลายของโรงเรียนท้องถิ่นหรือรองรับเงื่อนไขที่ตายตัว
วิสัยทัศน์เพื่อความร่วมมือ : ชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพ โรงเรียนในสิงคโปร์ได้รับการพัฒนาทางวิชาชีพซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนปฏิรูประดับชาติ โดยให้ทำงานตามแนวคิดเรื่องชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพโดยใช้งบประมาณและทรัพยากรจากกระทรวงศึกษาธิการ
หนังสือหนา 492 หน้า ราคา 400 บาท แปลโดยคุณ วรพจน์ วงศ์กิจรุ่งเรือง และคุณอธิป จิตตฤกษ์ ผู้เกี่ยวข้องกับการศึกษา สมควรอย่างยิ่งที่จะซื้อมาศึกษา เพราะมีตัวอย่าง วิธีการ และข้อแนะนำเรื่องการวัดผลไว้ให้ด้วยค่ะ