โค้ด: เลือกทั้งหมด
เป็นการยากจริงๆที่จะหาหัวข้อเกี่ยวกับการเงินมาเขียน ในสภาวะที่การเมืองเข้มข้นถึงปานนี้ แต่ดิฉันได้สัญญาเอาไว้ว่าจะเขียนถึงแนวโน้มการลงทุนในปีนี้ จึงต้องเขียนตามสัญญาค่ะ
ในปี 2557 คาดว่าเศรษฐกิจของโลกจะฟื้นตัวชัดเจนขึ้น โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกา ส่วนประเทศพัฒนาแล้วอื่นๆทั้งในยุโรปและเอเชียก็มีแนวโน้มดีขึ้น
เมื่อเป็นดังนี้ การลดมาตรการอัดฉีดสภาพคล่องของสหรัฐอเมริกาก็เป็นไปตามคาด และจะนำไปสู่การเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในกลางปี 2015 ตามที่กำหนดไว้แต่เดิม
คาดว่าเงินลงทุนในตลาดเกิดใหม่ต่างๆจะไหลกลับตลาดพัฒนาแล้วต่อเนื่องไปจนถึงกลางปีหน้า ซึ่งจะส่งผลให้ค่าเงินของตลาดเกิดใหม่อ่อนค่าลง และหากมีการไหลออกเร็วอาจทำให้เกิดปัญหาสภาพคล่องหากประเทศในตลาดเกิดใหม่ปรับตัวไม่ทัน
แม้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐจะมีแนวโน้มแข็งขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินของตลาดเกิดใหม่ แต่เมื่อเทียบกับสกุลเงินของประเทศพัฒนาแล้ว เช่น เยนของญี่ปุ่น หรือ ยูโร ก็อาจจะไม่ได้แข็งค่าขึ้น เนื่องจากคาดว่าค่าเงินของตลาดพัฒนาแล้วน่าจะปรับขึ้นไปทั้งแผง ขึ้นอยู่กับว่าปรับมากปรับน้อยเพียงใด
การลงทุนในหุ้นทุน ยังเป็นการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนน่าสนใจอยู่ แม้ว่าจะยังมีความผันผวนอย่างต่อเนื่อง ตลาดในลักษณะนี้ กลยุทธ์ที่เหมาะสมที่จะใช้ในการลงทุนคือ การซื้อและขาย ที่เรียกว่า Trading ค่ะ
และแน่นอนว่า หุ้นของตลาดพัฒนาแล้ว (Developed Markets) จะน่าสนใจกว่าตลาดเกิดใหม่ (Emerging Markets) รวมถึงหุ้นไทยด้วย
คาดหวังผลตอบแทนจากการลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศที่ 12% และตลาดหุ้นไทยที่ 10% ในปี 2557
การลงทุนในตราสารหนี้และพันธบัตร มีความน่าสนใจน้อยลง แนะนำเพียงถือเพื่อรับดอกเบี้ย หากจะถือพันธบัตรหรือหุ้นกู้ระยะยาว ควรเลือกลงทุนในกรณีที่ผู้ออกตราสารให้ผลตอบแทนพิเศษเพื่อชดเชยความเสี่ยง เพราะอัตราดอกเบี้ยจะปรับเพิ่มขึ้น
การลงทุนในตราสารหนี้และพันธบัตรไทย จะเป็นในทิศทางเดียวกันกับของต่างประเทศ เพราะอย่างไรเสีย ในปีหน้า อัตราดอกเบี้ยควรจะต้องปรับตัวขึ้นค่ะ แม้อาจจะปรับขึ้นช้ากว่าของต่างประเทศก็ตาม
แนะนำลงทุนในตราสารที่มีอายุสั้นๆ และรอเข้าซื้อตราสารที่มีอายุยาวขึ้น เมื่ออัตราผลตอบแทนจูงใจ
คาดหวังผลตอบแทนจากตลาดเงิน 2% และจากตราสารหนี้ 4%
ทองคำหมดรอบเล่นเมื่อสหรัฐอเมริกาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และเมื่อผู้ลงทุนตระหนักถึงปัจจัยนี้ จึงพากันขายออกไปก่อน ในปี 2557 นี้ การลงทุนในทองคำไม่น่าสนใจค่ะ ผู้ที่ถืออยู่แล้วอาจรอจังหวะขายออกเมื่อราคาปรับตัวขึ้น ทองคำในปีนี้ ซื้อเพื่อสวมใส่ได้ แต่ไม่แนะนำให้เข้าไปซื้อลงทุนค่ะ คาดหวังผลตอบแทนจากทองคำ 5% ในปี 2557
โภคภัณฑ์อื่นๆ เช่น น้ำมัน เหล็ก รวมถึงโภคภัณฑ์อาหาร มีความน่าสนใจลงทุนมากขึ้นกว่าปี 2556 แต่ก็จะยังคงมีความผันผวนสูงอยู่เช่นเดิม ผู้ที่รับความเสี่ยงได้น้อยจึงไม่จำเป็นต้องมีการลงทุนในสินทรัพย์ประเภทนี้ในพอร์ตการลงทุนค่ะ ส่วนผู้ที่รับความเสี่ยงได้สูงก็อาจจะลงทุนเป็นสีสันไว้บ้างเล็กน้อย เพราะผลตอบแทนที่คาดหวังสูง 15% แต่ค่าความผันผวนก็สูงตามไปด้วยค่ะ
การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ ตั้งแต่ช่วงครึ่งหลังของปี 2556 การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์เป็นที่นิยมน้อยลง เนื่องจากราคาขายปรับสูงขึ้น และมีสินค้าของสู่ตลาดค่อนข้างมาก ประกอบกับตลาดให้เช่ามีความต้องการไม่เพิ่ม ส่งผลให้ค่าเช่ายังอยู่ในระดับค่อนข้างต่ำ
อย่างไรก็ดีเมื่อเปรียบเทียบกับอัตราดอกเบี้ยที่ลดลง ผลตอบแทนจากค่าเช่าซึ่งอยู่ในระดับ 5-6% จึงมีความน่าสนใจเพิ่มขึ้นในสายตาของผู้ลงทุน และเงินบาทที่อ่อนค่าลงทำให้ชาวต่างชาติสนใจลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ของไทยมากขึ้น เนื่องจากราคายังถูกเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศอื่นๆในภูมิภาค แต่ปัจจัยความเสี่ยงทางการเมืองก็ทำให้ผู้ลงทุนชาวต่างชาติลังเลที่จะเข้ามาลงทุน
คาดว่าต่างชาติจะสนใจกลับเข้ามาลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ไทย หากราคาปรับลดลง และเมื่อการเมืองคลี่คลาย
ค่าเงินบาทจะอยู่ในแนวโน้มอ่อนค่าระหว่าง 32.50 – 33.50 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากปัจจัยทางเศรษฐกิจและการเมือง
ดิฉันมีตัวอย่างการจัดพอร์ตการลงทุนของผู้รับความเสี่ยงได้ต่างๆกันในปี 2557 ดังนี้
การลงทุน อนุรักษนิยม ปานกลาง เสี่ยงได้เพิ่ม เสี่ยงได้สูง
ตลาดเงิน/เงินฝาก 30% 20% 15% 15%
พันธบัตร/หุ้นกู้ 40% 30% 20% 15%
อสังหาริมทรัพย์ 15% 15% 15% 10%
หุ้นไทย 10% 20% 30% 35%
หุ้นต่างประเทศ 5% 10% 15% 15%
ทองคำ 0% 0% 0% 0%
โภคภัณฑ์+ อื่นๆ 0% 5% 5% 10%
รวม/เฉลี่ย 100% 100% 100% 100%
ผลตอบแทนคาดหวัง 4.50% 6.45% 7.55% 8.30%
ค่าความผันผวน 5.55% 8.60% 10.65% 11.80%
ทั้งนี้ ต้องเตือนตัวเองไว้เสมอว่า การลงทุนมีความเสี่ยง ต้องศึกษาข้อมูลและหากเป็นไปได้ให้ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนการตัดสินใจลงทุนทุกครั้ง
ขอให้ท่านประสบความสำเร็จในการลงทุนในปี 2557 ค่ะ