การลงทุนเพื่อสังคม/วิวรรณ ธาราหิรัญโชติ

บทความต่างๆที่ตีพิมพ์ใน ThaiVI คุณสามารถแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม
ตอบกลับโพส
Thai VI Article
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
กระทู้: 1243
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ก.ค. 11, 2012 10:42 pm

การลงทุนเพื่อสังคม/วิวรรณ ธาราหิรัญโชติ

โพสต์ โดย Thai VI Article » จันทร์ เม.ย. 06, 2015 8:01 pm

โค้ด: เลือกทั้งหมด

    ในช่วงที่ผ่านมา มีการจัดสัมมนาเกี่ยวกับกิจการเพื่อสังคมหรือเรียกอย่างเป็นทางการว่า “วิสาหกิจเพื่อสังคม” (Social Enterprise) หลายเวที รวมถึงการจัดเสวนาเรื่องการลงทุนเพื่อสังคม ทำให้ผู้คนทั่วไปเริ่มสอบถามมากขึ้นถึงความแตกต่างระหว่างการลงทุนแบบปกติทั่วไป กับการลงทุนเพื่อสังคม หรือ Social Investment

    การลงทุนแบบปกติทั่วไป จะเป็นการลงทุนเพื่อมุ่งหวังผลตอบแทนที่เป็นกำไรในรูปของเงิน ซึ่งมีได้หลายรูปแบบ เช่น ตราสารทุน ได้แก่หุ้นสามัญ หุ้นบุริมสิทธิ์ หรือตราสารหนี้ ได้แก่ หุ้นกู้ หุ้นกู้ด้อยสิทธิ์ หรือจะเป็นตราสารกึ่งหนี้กึ่งทุน เช่น หุ้นกู้แปลงสภาพ หรืออนุพันธ์ของตราสารเหล่านี้ เช่น ใบสำคัญแสดงสิทธิ์ที่จะซื้อหุ้น สัญญาฟิวเจอร์ส์ หรือตราสารจัดโครงสร้างเป็นต้น

    ตราสารเหล่านี้ นอกจากจะลงทุนโดยตรงได้แล้ว ผู้ลงทุนยังสามารถลงทุนผ่านตัวกลาง หรือผ่านเครื่องมือระดมทุน เช่น กองทุนรวม กองทุนส่วนบุคคล กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ เพื่อให้มืออาชีพบริหารจัดการให้

    ในขณะที่การลงทุนเพื่อสังคม จะเป็นการลงทุนที่มุ่งหวังผลตอบแทนทางด้านสังคม สิ่งแวดล้อม และเศรษฐกิจ ซึ่งผลตอบแทนเหล่านี้ ไม่จำเป็นต้องเป็นตัวเงิน เช่น ลงทุนในกิจการที่สร้างอาชีพให้กับผู้ด้อยโอกาส  กิจการที่ผลิตอาหารปลอดสารพิษ หรือทำการส่งเสริมให้ผู้บริโภคมีสุขภาพดี หรือแม้กระทั่งกิจการที่คอยเสริมสร้าง สนับสนุนการทำงานของกิจการเหล่านี้ เช่น เขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ช่วยการรับโทรศัพท์ของผู้พิการทางสายตา ฯลฯ

    การลงทุนเพื่อสังคมนี้ ลงทุนผ่านตราสารได้หลายรูปแบบ คล้ายๆกับการลงทุนปกติทั่วไปเช่นกัน เช่น ลงทุนในหุ้นของกิจการ  ลงทุนในลักษณะการให้กู้ยืมแก่กิจการเพื่อสังคม (คล้ายๆกับการลงทุนในหุ้นกู้ แต่กิจการทั่วไปไม่สามารถออกหุ้นกู้เสนอขายกับประชาชนได้ จึงต้องเป็นรูปแบบของการกู้ยืมเงินระหว่างกัน) 

    ส่วนการลงทุนนั้น จะมีผลต่อสังคม เศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม มากน้อยเพียงใดนั้น นักวิจัยได้สร้างวิธีการวัดอยู่หลายค่ายค่ะ อีกสักระยะหนึ่งอาจมีการเผยแพร่มากขึ้น และหากนำมาใช้ในวงกว้าง ก็จะมีมาตรฐาน ทำให้สามารถเปรียบเทียบข้ามองค์กร และเข้าใจได้ง่ายขึ้น

    ลักษณะการลงทุนเพื่อสังคมมีได้หลายรูปแบบ ตั้งแต่ ดีกรีอ่อนๆ คือ ลงทุนในกิจการที่มีความรับผิดชอบต่อสังคม เช่น ดูแลสวัสดิการของพนักงานได้ดี ไม่ใช้แรงงานเด็ก กระบวนการผลิตไม่ก่อให้เกิดมลภาวะ มีการบริหารจัดการที่โปร่งใส ฯลฯ การลงทุนกลุ่มนี้เรียกว่า Socially Responsible Investment หรือ SRI ซึ่งหลายท่านคุ้นเคย ทั้งนี้ ตราสารที่ลงทุนอาจจะจดทะเบียนซื้อขาย ในตลาดหลักทรัพย์ หรืออาจจะอยู่นอกตลาดฯ ก็ได้ การลงทุนในลักษณะนี้ รวมไปถึงการที่บริษัทของท่าน ปรับให้การดำเนินธุรกิจ เข้ามาอยู่ในรูปแบบที่รับผิดชอบต่อสังคมด้วยค่ะ

    การคาดหวังผลตอบแทนจากการลงทุนจะเป็นปกติ เหมือนการลงทุนทั่วไป และเพิ่มมิติเรื่องความสบายใจของผู้ลงทุน

    ตัวอย่างในประเทศไทยขณะนี้คือ กองทุนรวมคนไทยใจดี หรือ B-KIND ของ บลจ.บัวหลวงค่ะ

    ลักษณะที่สอง จะเข้มข้นขึ้นค่ะ เป็นการลงทุน ในวิสาหกิจหรือกิจการที่มุ่งหวังผลตอบแทนทางสังคมเป็นหลัก ภาษาอังกฤษเรียกว่า Impact Investment  ดิฉันขอเรียกว่า “ลงทุนมุ่งผลทางสังคม” ไปพลางๆจนกว่าจะมีผู้บัญญัติศัพท์ภาษาไทยขึ้นมานะคะ

    ขอเรียนว่า เวลาเราพูดถึงผลทางสังคม เราเรียกโดยมุ่งหวังให้ครอบคลุม ผลทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมไปด้วยค่ะ แต่ย่อให้กระชับเพื่อความสะดวก

    การลงทุนในลักษณะนี้ จะลงทุนในวิสาหกิจหรือกิจการที่มีเป้าหมายในการตอบโจทย์ทางสังคม เช่น แก้ไขปัญหาการแผ้วถางป่าสงวนด้วยการสร้างอาชีพให้กับเกษตรกรที่ทำไร่เลื่อนลอย  สร้างเชฟและบริกรในร้านอาหารจากอดีตนักโทษ  สอนเด็กนักเรียนให้มีความรู้ทางการเงิน เพื่อไม่ให้เกิดโศกนาฏกรรมทางการเงินเมื่อโตขึ้น  ผลิตดินสอสำหรับผู้พิการทางสายตา  โรงพยาบาลผ่าตัดต้อกระจกราคาถูกแต่คุณภาพดีเพื่อผู้มีรายได้น้อย ฯลฯ

    การคาดหวังผลตอบแทนจากการลงทุนมีตั้งแต่ คาดหวังในอัตราปกติ ในอัตราต่ำกว่าปกติ ไปจนถึงไม่คาดหวังผลตอบแทน ขอเพียงได้เงินต้นคืน หรือแม้กระทั่งคาดหวังจะได้เงินต้นคืนเพียงบางส่วน หรือไม่คาดหวังจะได้เงินต้นคืนเลย 

    แต่สิ่งที่ผู้ลงทุนคาดหวังมาก คือ เรื่องผลต่อสังคม เศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อมค่ะ ทั้งนี้ เพื่อลดช่องว่างระหว่าง “คนมี” กับ “คนไม่มี”  ไม่มีเงิน ไม่มีการศึกษา ไม่มีโอกาส 

    เพื่อหวังทำโลกของเราให้น่าอยู่ยิ่งขึ้น

    ตัวอย่างในประเทศไทย และถือเป็นต้นแบบของการลงทุนเพื่อสังคมคือ “โครงการดอยตุง”ค่ะ 

    จากข้อมูลที่สถาบัน Change Fusion รวบรวม มีเงินประมาณ 13 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ลงทุนในกิจการที่มีความรับผิดชอบต่อสังคม หรือ SRI  ในขณะที่เงินลงทุนแบบมุ่งผลทางสังคม หรือ Impact Investment มีอยู่ประมาณ 36,000 ล้านเหรียญสหรัฐ

    ส่วนอีกประเภทหนึ่งไม่ถือเป็นการลงทุน แต่เป็นการ “ให้” เรียกในภาษาอังกฤษว่า Philanthropy และ Philanthropy Investment คือผู้ให้รายใหญ่ อาจมีการตั้งเป็นมูลนิธิเพื่อพิจารณาโครงการที่จะสนับสนุน เงินบริจาคให้กับองค์กรสาธารณกุศลต่างๆ ที่มุ่งแก้ปัญหาของสังคม ซึ่งมีทั้งที่ ให้ไปเลย หรือให้ในลักษณะหากมีโอกาสใช้คืนก็รับคืนเงินต้น หรือหากไม่มีโอกาส จะไม่คืนก็ได้

    เชิญชวนทุกท่านมีส่วนในการทำให้ประเทศของเราและโลกของเราน่าอยู่ยิ่งขึ้น ด้วยการเลือก “ให้” หรือ “ลงทุน” ตามความสะดวกค่ะ
[/size]



ตอบกลับโพส