โค้ด: เลือกทั้งหมด
ครั้งที่แล้วผมสรุปว่ามีทั้งหมด 7 ปัจจัยบวกในเชิงเศรษฐกิจ การเมืองและความมั่นคงระหว่างประเทศที่มีส่วนในการทำให้การพัฒนา Eastern Seaboard เป็นหัวจักรขับเคลื่อนการพัฒนาอุตสาหกรรมและการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยเมื่อ 30 ปีก่อนที่แล้ว และปัจจุบันเราก็ยังอาศัยบุญเก่าอยู่ แต่มีการวางแผนและคาดหวังจะให้การพัฒนา Eastern Seaboard รอบใหม่ ทำให้เกิดโชติช่วงชัชวาลรอบที่ 2 แต่ประเด็นคือปัจจัยหนุนในครั้งนี้มีน้อยมากในความเห็นของผม
จากข้อมูลที่ปรากฏในหนังสือพิมพ์ พอสรุปได้ว่าโชติช่วงชัชวาลรอบ 2 นี้ คือการก่อสร้างเขตเศรษฐกิจพิเศษ (อีอีซี) ตามนโยบายประเทศไทย 4.0 และมีส่วนประกอบสำคัญดังนี้
1.รองนายกรัฐมนตรี ดร.สมคิด ระบุว่าโครงสร้างพื้นฐานที่มีความพร้อมมากที่สุดและสามารถดำเนินการได้ก่อน คือรถไฟความเร็วสูง กรุงเทพ-ระยอง ระยะทาง 190 กิโลเมตร ซึ่งโครงการจะถูกเสนอให้พิจารณาร่วมลงทุนระหว่างรัฐกับเอกชนในเดือนสิงหาคม นี้ และคาดว่าจะประกวดราคาได้เร็วที่สุดในปีหน้า
2.รัฐบาลกำหนดกรอบวงเงินงบประมาณเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานรองรับประมาณ 3 แสนล้านบาท และคาดว่าจะดึงดูดการลงทุนจากเอกชนได้มากกว่า 1.9 ล้านล้านบาท โดยจะกินพื้นที่ 3 จังหวัดคือชลบุรี ระยองและฉะเชิงเทรา (30,000 ไร่)
3.พื้นที่ดังกล่าวจะรองรับ 10 อุตสาหกรรมเป้าหมายตามนโยบายรัฐบาล นอกจากนั้นก็จะยังให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญอีกด้วย
4.รัฐบาลจะพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาของกองทัพเรือให้เป็นสนามบินพาณิชย์เต็ม รูปแบบ รองลงมาจากสุวรรณภูมิและดอนเมือง เพื่อรองรับผู้โดยสารและการขนส่งสินค้า นอกจากนั้นจะให้เอกชนเข้ามาลงทุนในธุรกิจบริหารสนามบิน ธุรกิจซ่อมเครื่องบิน ธุรกิจคาร์โก้ อุตสาหกรรมชิ้นส่วนและอะไหล่เครื่องบิน รวมทั้งอีคอมเมิร์ซ
5.พัฒนาท่าเรือน้ำลึกจุกเสม็ดให้เป็นจุดจอดเรือยอร์ช เรือสำราญและเรือข้ามฟาก เพื่อเชื่อมกับพัทยา-ชะอำ (ที่ท่าเรือปราณบุรี) ซึ่งจะส่งเสริมการท่องเที่ยว เพราะการเดินทางไปยังพื้นที่ทั้งสองฝั่งจะใช้เวลาเพียง 1 ชั่วโมง
ที่ดูชัดเจนในขณะนี้คือการสร้างระบบคมนาคม (รถไฟ ถนน ท่าเรือ สนามบิน) การทำอุตสาหกรรมชิ้นส่วนเครื่องบิน/ซ่อมเครื่องบิน และการให้บริการ (ท่องเที่ยว+ขนส่งสินค้า) แต่คงจะต้องมีรายละเอียดอีกมากจึงจะสามารถประเมินได้ว่าทำไมเอกชนจึงลงทุน 1.9 ล้านล้านบาท นอก จากนั้นก็ยังมีเรื่องของปัญหาสิ่งแวดล้อมในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด และนิคมอุตสาหกรรมในจังหวัดระยองที่เคยถูกเอ็นจีโอฟ้องร้อง และศาลตัดสินให้ยุติการลงทุนเมื่อเกือบ 10 ปีที่แล้ว โดยในขณะนั้นได้มีการร้องเรียนว่าพื้นที่มีความแออัด และส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างมีนัยสำคัญแล้ว
ในความเห็นของผมนั้น ปัจจัยอื่นก็ไม่ได้เอื้ออำนวยเหมือนกับเมื่อ 30 ปีก่อนหน้าดังนี้คือ
1.สภาพัฒน์ประเมินว่าแรงงานของไทยมีจำนวนสูงสุดที่ 38.9 ล้านคนและเริ่มลด 0.1% ในปี 2556 และ 0.2% ในปี 2557 และในช่วงแผน 12 (2560-2564) นั้น ประชากรในวัยแรงงานจะลดลง 0.4% ต่อปี ต่อมาในช่วงแผน 13 (2565-2569) จะลดลงอีก 0.81% ต่อปี กล่าวคือประเทศไทยจะขาดปัจจัยการผลิต ที่สำคัญคือแรงงานในเชิงของปริมาณ ดัง นั้นจึงต้องทดแทนด้วยคุณภาพ (ผลผลิตต่อแรงงาน 1 คนต้องเพิ่มขึ้น) แต่ปรากฏว่าผลิตภาพแรงงานของไทยนั้นเฉลี่ยเพิ่มขึ้นเพียง 2.2% ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาและต่ำกว่ามาเลเซีย 1 เท่าตัวและตำกว่าสิงคโปร์ 5 เท่าตัว (ข้อมูลจากสภาพัฒน์)
2.ในช่วง 1985-1994 หลังจากการลดค่าเงินบาท การฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งของเศรษฐกิจโลกและการลงทุนที่ Eastern Seaboard ซึ่งเงินเอกชนส่วนใหญ่คือเงินทุนที่มีคุณภาพสูงจากญี่ปุ่นเป็นปัจจัยหลักใน การทำให้การส่งออกของไทยก็ขยายตัวได้เฉลี่ยปีละ 20% เป็นเวลา 10 ปี แต่ในปัจจุบันช่วง 2012-2015 (ตัดปีน้ำท่วมคือ 2011) การส่งออกไทยติดลบเฉลี่ย 0.6% ต่อปี ส่วนหนึ่งเป็นเพราะไทยสูญเสียความสามารถในการแข่งขัน อีกส่วนหนึ่งเป็นเพราะเศรษฐกิจโลกขยายตัวอย่างกระท่อนกระแท่นและปริมาณการค้าทั่วโลกขยายตัวน้อยในช่วงดังกล่าว
3.เมื่อ 30 ปีก่อนพบก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทย ซึ่งเป็นทรัพยากรที่มีค่าเป็นปัจจัยการผลิตที่สำคัญที่ถูกนำมาสร้าง อุตสาหกรรมของไทย แต่มาวันนี้เรายังถกเถียงกันเกี่ยวกับการให้สัมปทานสำรวจหาแหล่งก๊าซ ธรรมชาติเพิ่ม ก๊าซไม่พอใช้และต้องพึ่งพาพลังงานจากประเทศเพื่อนบ้านอย่างมีนัยสำคัญ
4.ประเทศญี่ปุ่นขณะนี้มีทางเลือกอื่นๆ คือ อินโดนีเซีย เวียดนาม พม่า นอกจากนั้นญี่ปุ่นเคยมีศักยภาพสูงทางเศรษฐกิจ แต่ปัจจุบันนี้ประชาชนแก่ตัวลงอย่างรวดเร็ว และดำเนินนโยบายให้ค่าเงินของตนอ่อนลงเพื่อฟื้นเศรษฐกิจของประเทศ ทำให้ความสามารถในการลงทุนในต่างประเทศลดลง
สำหรับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของไทยในปัจจุบันนั้น แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมฉบับที่ 12 (2560-2564) กล่าวว่า “ทรัพยากรธรรมชาติส่วนใหญ่ถูกนำไปใช้ในการพัฒนาจำนวนมากก่อให้เกิดความเสื่อมโทรมอย่างต่อเนื่อง และเกิดปัญหาความขัดแย้งในการใช้ประโยชน์ทรัพยากรธรรมชาติมากขึ้น เห็นได้จาก
- พื้นที่ป่าไม้ลดลง
- ทรัพยากรดินเสื่อมโทรม ทำให้ความหลากหลายทางชีวภาพถูกคุกคาม
- ป่าชายเลนและระบบนิเวศชายฝั่งถูกทำลาย