โค้ด: เลือกทั้งหมด
ดอยช์แบงก์ เป็นธนาคารที่อยู่ในความสนใจของผู้ลงทุนเป็นอย่างมากในช่วงประมาณสองสัปดาห์ที่ผ่านมา ว่าจะอยู่รอดหรือไม่ หลังจากมีข่าวว่าจะถูกปรับเงินก้อนใหญ่ในสหรัฐอเมริกา
ดิฉันคิดว่าธนาคารจะอยู่รอด แต่จะต้องมีการเพิ่มทุน และจะต้องลดจำนวนพนักงานเพิ่ม และตัดขายธุรกิจเพิ่มขึ้น เพราะเมื่อความเชื่อมั่นลดลง ปริมาณธุรกิจจะลดลง และรายได้จะลดลงเร็วกว่าความสามารถในการลดค่าใช้จ่าย
ดอยช์แบงก์ หรือ ดอยเช่อร์บังก์ ในภาษาเยอรมัน เป็นธนาคารที่ทำธุรกิจทั่วโลกของเยอรมนี มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่แฟรงค์เฟิร์ต ก่อตั้งขึ้นในปี 1870 หรือเมื่อ 146 ปีที่แล้ว ในกรุงเบอร์ลิน โดยกลุ่มนายธนาคารซึ่งนำโดย Adelbert Delbruck เริ่มต้น เป็นธนาคารที่ให้สินเชื่อเพื่อการค้าต่างประเทศ เพื่อแข่งกับธนาคารของอังกฤษ ซึ่งครอบครองตลาดของผู้ส่งออกเยอรมนีในขณะนั้น และได้ใบอนุญาตธนาคารพาณิชย์จากรัฐบาลปรัสเซียในปีเดียวกัน
ดอยช์แบงก์ เริ่มขยายสาขาในเบรเมน โยโกฮามา เซี่ยงไฮ้ ฮัมบวร์ก และลอนดอนในช่วงปี 1871-73 และขยายไปอเมริกาใต้ในช่วง 10 ปีหลังจากนั้น
เนื่องจากเป็นธนาคารเพื่อสนับสนุนการค้าระหว่างประเทศ ธนาคารจึงได้ขยายขอบเขตในต่างประเทศมากกว่าในประเทศ ในส่วนของธุรกิจในประเทศนั้น ธนาคารได้ร่วมกับธนาคารท้องถิ่นในการให้กู้กับอุตสาหกรรมต่างๆ
ก่อนสงครามโลกครั้งที่หนึ่งอาจกล่าวได้ว่าดอยช์แบงก์เป็นธนาคารที่ใหญ่ที่สุดในโลก
เมื่อเยอรมนีแพ้สงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ธนาคารถูกบังคับให้ขายสินทรัพย์ในต่างประเทศ และในปี 1929 ถูกควบรวมกับธนาคารคู่แข่ง กลายเป็น Deutsche Bank und Disconto-Gesellschaft และกลับมาใช้ชื่อ ดอยช์แบงก์อีกครั้งหนึ่งในปี 1937
หลังสงครามโลกครั้งที่สอง สัมพันธมิตรบังคับให้ธนาคารแตกออกเป็นธนาคารท้องถิ่น 10 แห่ง และห้ามใช้ชื่อ ดอยช์แบงก์ และภายหลังธนาคารท้องถิ่นเหล่านี้ รวมกันเป็นธนาคารท้องถิ่นสามแห่งทางเหนือ ทางใต้ และทางแถบแม่น้ำไรน์ และในปี 1957 ก็รวมกันกลับมาเป็นดอยช์แบงก์อีก และมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่แฟรงค์เฟิร์ต
ธนาคารเริ่มทำรีเทลแบงกิ้งด้วยการให้สินเชื่อส่วนบุคคลในปี 1959 และในทศวรรษที่ 1970 เมื่อธุรกิจข้ามชาติมีบทบาทมากขึ้น ก็เริ่มขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศอีก คือลักเซมเบอร์ก มอสโก ลอนดอน โตเกียว ปารีส บรัสเซลส์ นิวยอร์ค ฮ่องกง มิลาน และแมดริด
ทศวรรษที่ 1980 ขยายกิจการ โดยการเข้าซื้อธนาคารในอิตาลี และขยายไปยัง 12 ประเทศในเอเชียแปซิฟิก รวมถึงขยายไปบราซิล แคนาดา โปรตุเกส และเนเธอร์แลนด์
ธุรกิจธนาคารเพื่อการลงทุนหรือ investment banking ของธนาคารเติบโตมากขึ้นหลังจากปี 1989 ที่ธนาคารซื้อ Morgan Grenfell & Co. ธนาคารเพื่อการลงทุนของอังกฤษ และ เข้าซื้อและรวมกิจการของ Bankers Trust ในสหรัฐอเมริกา ในปี 1999
ดอยช์แบงก์เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์กในปี 2001 ใช้อักษรย่อว่า DB ส่วนในตลาดหุ้น แฟรงค์เฟิร์ต ใช้อักษรย่อว่า DBK
ราคาหุ้นปิด ณ วันศุกร์ที่ 7 ตุลาคม 2559 เท่ากับ 12.17 ยูโร และที่ตลาดนิวยอร์ค 13.64 เหรียญสหรัฐ ราคาหุ้นใน 5 ปีที่ผ่านมา ขึ้นไปสูงสุด 27.89 ยูโร ในเดือนตุลาคมปี 2558 ลงไปต่ำสุด 10.25 ยูโรเมื่อวันที่ 29 กันยายน 2559
จริงๆแล้วกำไรของธนาคารน้อยมาหลายปีแล้ว และในปี 2558 ธนาคารมีผลประกอบการขาดทุน โดยมีผลขาดทุนต่อหุ้น 5.92 ยูโร และมีแผนที่จะลดค่าใช้จ่ายอยู่แล้วค่ะ เรียกว่า Strategy 2020 ที่ผู้บริหารดำเนินการอยู่ คือ ลดเงินปันผล ลดตำแหน่งงานเพื่อประสิทธิภาพ และจะเลิกธุรกิจใน 10 ประเทศ แต่พอมาพบกับเหตุการณ์ที่จะถูกปรับเป็นเงินมโหฬาร จึงเกิดความตื่นตกใจ
ค่าปรับนี้เกิดจากการที่กรรมาธิการวุฒิสภาของสหรัฐทำการสืบสวน พบว่า CDO หรือ Collateralized Debt Obligation ที่มีการนำเอาหนี้ที่มีหลักประกันเป็นอสังหาริมทรัพย์ออกมาจัดกลุ่มและออกตราสารขายให้กับผู้ลงทุนในช่วงปีฟองสบู่เงินกู้อสังหาริมทรัพย์ในสหรัฐอเมริกาโป่งพองนั้น ธนาคารมีดีลที่นำตราสารที่ขายไม่ออกมาจัดขายและทำให้ผู้ลงทุนเข้าใจว่าเป็นของดี โดยผู้ที่ลงทุนที่ซื้อไป รวมถึงที่ดอยช์แบงก์ถือไว้เอง ก็ขาดทุนในดีลนี้เกือบทั้งหมด จึงมีข่าวว่าจะถูกปรับถึง 14,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 483,000 ล้านบาท แม้ว่าธนาคารจะมีการตั้งสำรองไว้แล้ว 6,000 กว่าล้านเหรียญ แต่ก็ไม่เพียงพอ
ดอยช์แบงก์คงต้องเจรจาขอลดและขอผ่อนส่งค่าปรับ รีบเพิ่มทุน และรีบลดขนาดของธุรกิจ ก่อนที่ความเชื่อมั่นจะลดลงไปมากกว่านี้ค่ะ
หมายเหตุ : การลงทุนมีความเสี่ยง บทความนี้เป็นกรณีศึกษา มิได้มุ่งหวังชักชวนให้ผู้ลงทุนซื้อหรือขายหลักทรัพย์ดังกล่าวแต่อย่างใด