TVO ขายก่อนดีไหม แล้วค่อยเก็บคืน...
-
NDD
TVO ขายก่อนดีไหม แล้วค่อยเก็บคืน...
อ่านเจอ ประมาณการกำไร Q3 (ของกิมเอ็ง) ว่าปะมาณกำไร ได้แค่ 40 ลบ (eps ไม่ถึง 10 ตังส์)คิดเหมือนกันว่ากำไรน่าจะตกลงมากแต่ไม่คิดว่าจะต่ำขนาดนี้ ถ้าออกมาขนาดนี้จริง ราคาน่าจะต่ำสิบหรือเปล่า ราคากากถั่วยังจะต่ำต่อไปไหม ภาษีนำเข้ากากถั่วสรุปจะลดลงเหลือ ศูนย์หรือเปล่า ใครมีข้อมูล หรือความเห็น เชิญครับ
-
NDD
วัฒนาโยนครม.ชี้ขาดภาษีกากถั่ว มท.-เกษตร-คลังยืนกรานเก็บ 4%
"วัฒนา" โยนครม.ตัดสินภาษีกากถั่วเหลือง หลังคลัง-เกษตร-มท.ให้ลดเหลือ 4% ขณะที่พาณิชย์เสนอ 3% ผู้ใช้อาหารสัตว์โวยรัฐตัดสินไม่เป็นธรรม ขณะที่โรงสกัดน้ำมันถั่วเหลือง ชี้ลดภาษีอาจถึงขั้นต้องเลิกผลิต
นายวัฒนา เมืองสุข รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังประชุมร่วม ระหว่างกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงมหาดไทย ว่า ทุกฝ่ายเห็นตรงกันว่า อัตราภาษีนำเข้าถั่วเหลืองที่กำหนดไว้ 5% เป็นอัตราที่ไม่เป็นธรรม โดยแต่ละกระทรวงไปคำนวณอัตราภาษีนำเข้าที่เหมาะสม ปรากฏว่า กระทรวงมหาดไทย กับกระทรวงพาณิชย์ คำนวณอัตราภาษีได้ 2.38% กระทรวงเกษตรฯ คำนวณอัตราภาษีได้ 4.10% และกระทรวงการคลัง คำนวณอัตราภาษีได้ 3.61%
ทั้งนี้ ที่ประชุม ได้นำตัวเลขที่คำนวณได้มาหารือว่าจะลดอัตราภาษีให้เหลืออัตราใด โดยเกษตรฯ คลัง และมหาดไทย เห็นว่าควรจะลดอัตราภาษีเหลือ 4% ขณะที่พาณิชย์เห็นว่าควรอยู่ที่ 3% โดยให้นำเข้าได้ไม่จำกัดปริมาณ
อย่างไรก็ตาม นายวัฒนา กล่าวว่า แม้ที่ประชุมจะเห็นด้วยกับอัตราภาษีนำเข้าถั่วเหลือง 4% แต่จะมีการเสนอให้ที่ประชุม ครม.พิจารณาในสัปดาห์หน้า ซึ่งจะเสนอทั้งอัตราภาษี ของแต่ละกระทรวงที่คำนวณได้ ให้ที่ประชุมพิจารณาต่อไป
นายกวีวุฒิ เนื่องจำนงค์ ประธานสมาคมส่งเสริมผู้ใช้วัตถุดิบอาหารสัตว์ กล่าวว่า ผู้ใช้วัตถุดิบอาหารสัตว์ ติดใจการคำนวณภาษีของแต่ละกระทรวง ซึ่งไม่มีคำตอบที่ชัดเจนออกมา ว่า จะคงอัตราภาษีกากถั่วเหลืองไว้เพราะเหตุใด เพราะต้นทุนที่แฝงอยู่ในภาษีดังกล่าวมีสูงถึง 1,400 ล้านบาทต่อปี หากลดลงมา 1% เหลือเก็บ 4% ผู้เลี้ยงสัตว์ต้องแบกรับต้นทุนส่วนนี้ 1,100 ล้านบาทต่อปี ซึ่งไม่เป็นธรรม ท่ามกลางภาวะต้นทุนการเลี้ยงที่เข้าขั้นวิกฤติ
"ค่อนข้างแปลกใจรัฐคงภาษีทำไม หากจะบอกว่าปกป้องเกษตรกร ผู้ใช้วัตถุดิบอาหารสัตว์ยินดีรับซื้อถั่วเหลืองจากเกษตรกรในราคาประกันทุกเมล็ดเหมือนกัน แต่หากจะปกป้องโรงสกัดน้ำมันพืช ต้องถามว่าแล้วภาคปศุสัตว์ได้รับความเป็นธรรมหรือไม่ ที่ต้องแบกรับต้นทุนให้โรงสกัด หากเป็นเช่นนี้ผู้เลี้ยงสัตว์รายย่อยเจ๊งหมด" นายกวีวุฒิกล่าว
ด้านนายเศรษฐสรร เศรษฐการุณย์ นายกสมาคมผู้ผลิตน้ำมันถั่วเหลืองและรำข้าว กล่าวว่า หากมีการเปลี่ยนแปลงอัตราภาษีนำเข้ากากถั่วเหลือง จะทำให้อุตสาหกรรมสกัดน้ำมันถั่วเหลืองในไทย ที่เหลือเพียงแห่งเดียวในอาเซียน อาจต้องเลิกไป เพราะการกำหนดโครงสร้างภาษี ที่ไม่สอดคล้องกับการแข่งขัน
"การพิจารณาควรมองให้ครบทุกองค์ประกอบ เพราะภาระของโรงกลั่น ไม่ได้มีเพียงการรับซื้อถั่วเหลืองจากเกษตรกรในราคาประกันขั้นต่ำเท่านั้น เพราะยังมีต้นทุนในกระบวนการสกัดถั่วเหลือง และต้องพบกับการแข่งขันกับกากถั่วเหลืองจากต่างประเทศ เช่น อินเดีย และอาร์เจนตินา ทำให้กากถั่วเหลืองในตลาดโลกมีราคาถูกลง สมาคมได้มีหนังสือถึงทางการแล้วว่า อัตราภาษีที่เหมาะสม ควรเป็น 5%" นายเศรษฐสรรกล่าว
"วัฒนา" โยนครม.ตัดสินภาษีกากถั่วเหลือง หลังคลัง-เกษตร-มท.ให้ลดเหลือ 4% ขณะที่พาณิชย์เสนอ 3% ผู้ใช้อาหารสัตว์โวยรัฐตัดสินไม่เป็นธรรม ขณะที่โรงสกัดน้ำมันถั่วเหลือง ชี้ลดภาษีอาจถึงขั้นต้องเลิกผลิต
นายวัฒนา เมืองสุข รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังประชุมร่วม ระหว่างกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงมหาดไทย ว่า ทุกฝ่ายเห็นตรงกันว่า อัตราภาษีนำเข้าถั่วเหลืองที่กำหนดไว้ 5% เป็นอัตราที่ไม่เป็นธรรม โดยแต่ละกระทรวงไปคำนวณอัตราภาษีนำเข้าที่เหมาะสม ปรากฏว่า กระทรวงมหาดไทย กับกระทรวงพาณิชย์ คำนวณอัตราภาษีได้ 2.38% กระทรวงเกษตรฯ คำนวณอัตราภาษีได้ 4.10% และกระทรวงการคลัง คำนวณอัตราภาษีได้ 3.61%
ทั้งนี้ ที่ประชุม ได้นำตัวเลขที่คำนวณได้มาหารือว่าจะลดอัตราภาษีให้เหลืออัตราใด โดยเกษตรฯ คลัง และมหาดไทย เห็นว่าควรจะลดอัตราภาษีเหลือ 4% ขณะที่พาณิชย์เห็นว่าควรอยู่ที่ 3% โดยให้นำเข้าได้ไม่จำกัดปริมาณ
อย่างไรก็ตาม นายวัฒนา กล่าวว่า แม้ที่ประชุมจะเห็นด้วยกับอัตราภาษีนำเข้าถั่วเหลือง 4% แต่จะมีการเสนอให้ที่ประชุม ครม.พิจารณาในสัปดาห์หน้า ซึ่งจะเสนอทั้งอัตราภาษี ของแต่ละกระทรวงที่คำนวณได้ ให้ที่ประชุมพิจารณาต่อไป
นายกวีวุฒิ เนื่องจำนงค์ ประธานสมาคมส่งเสริมผู้ใช้วัตถุดิบอาหารสัตว์ กล่าวว่า ผู้ใช้วัตถุดิบอาหารสัตว์ ติดใจการคำนวณภาษีของแต่ละกระทรวง ซึ่งไม่มีคำตอบที่ชัดเจนออกมา ว่า จะคงอัตราภาษีกากถั่วเหลืองไว้เพราะเหตุใด เพราะต้นทุนที่แฝงอยู่ในภาษีดังกล่าวมีสูงถึง 1,400 ล้านบาทต่อปี หากลดลงมา 1% เหลือเก็บ 4% ผู้เลี้ยงสัตว์ต้องแบกรับต้นทุนส่วนนี้ 1,100 ล้านบาทต่อปี ซึ่งไม่เป็นธรรม ท่ามกลางภาวะต้นทุนการเลี้ยงที่เข้าขั้นวิกฤติ
"ค่อนข้างแปลกใจรัฐคงภาษีทำไม หากจะบอกว่าปกป้องเกษตรกร ผู้ใช้วัตถุดิบอาหารสัตว์ยินดีรับซื้อถั่วเหลืองจากเกษตรกรในราคาประกันทุกเมล็ดเหมือนกัน แต่หากจะปกป้องโรงสกัดน้ำมันพืช ต้องถามว่าแล้วภาคปศุสัตว์ได้รับความเป็นธรรมหรือไม่ ที่ต้องแบกรับต้นทุนให้โรงสกัด หากเป็นเช่นนี้ผู้เลี้ยงสัตว์รายย่อยเจ๊งหมด" นายกวีวุฒิกล่าว
ด้านนายเศรษฐสรร เศรษฐการุณย์ นายกสมาคมผู้ผลิตน้ำมันถั่วเหลืองและรำข้าว กล่าวว่า หากมีการเปลี่ยนแปลงอัตราภาษีนำเข้ากากถั่วเหลือง จะทำให้อุตสาหกรรมสกัดน้ำมันถั่วเหลืองในไทย ที่เหลือเพียงแห่งเดียวในอาเซียน อาจต้องเลิกไป เพราะการกำหนดโครงสร้างภาษี ที่ไม่สอดคล้องกับการแข่งขัน
"การพิจารณาควรมองให้ครบทุกองค์ประกอบ เพราะภาระของโรงกลั่น ไม่ได้มีเพียงการรับซื้อถั่วเหลืองจากเกษตรกรในราคาประกันขั้นต่ำเท่านั้น เพราะยังมีต้นทุนในกระบวนการสกัดถั่วเหลือง และต้องพบกับการแข่งขันกับกากถั่วเหลืองจากต่างประเทศ เช่น อินเดีย และอาร์เจนตินา ทำให้กากถั่วเหลืองในตลาดโลกมีราคาถูกลง สมาคมได้มีหนังสือถึงทางการแล้วว่า อัตราภาษีที่เหมาะสม ควรเป็น 5%" นายเศรษฐสรรกล่าว